กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กางตัวเลขยอดขายรถยนต์ปี 2567 ที่ผ่านมา ว่าประเทศไทยขายรถยนต์ได้แค่เพียง 5.7 แสนคัน น้อยกว่าปี 2566 ถึง 2 แสนคัน ซึ่งทำได้ 7.7 แสนคัน

แต่ที่น่าตกใจ คือกลุ่มรถยนต์ไฮบริด ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า กลับได้รับความนิยมที่หลากหลายทั้งปีขายได้สูงถึง 1.172 แสนคัน ในขณะที่รถยนต์ EV ซึ่งทำท่าว่าจะเป็นโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวใหม่ กลับแผ่วลงอย่างน่าตกใจ มีตัวเลขขายทั้งปีแค่ 6.6 หมื่นคัน กลายเป็นม้าที่แรงเฉพาะตีนต้นเท่านั้น



ประเด็นรถยนต์ EV ดูท่าจะแรงแต่ไม่สามารถแซงรถยนต์ไฮบริดได้นั้น แอดมิน เคยรายงานในบทความก่อนหน้านี้ (กระแส EV แรง แต่ยังแซงไฮบริดไม่ได้!! – CARZANOVA เว็บซ่าส์เรื่องยานยนต์) แต่ก็มีการถกเถียงกันพอสมควร โดยเฉพาะจำนวนแบรนด์รถยนต์ EV ที่มีมากขึ้น แบบเฮโลกันเข้าใส่ตลาดเมืองไทย แต่ก็มีบางสาเหตุให้ต้องมาสะดุดขาตัวเอง ทั้ง EV ECO SYSTEM ที่ยังไม่ค่อยพร้อม และสงครามราคาของกลุ่มรถยนต์ EV จากประเทศจีนด้วยกันเอง

ส่วนประเด็นรถยนต์ไฮบริด ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ มีนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า เป็นเพราะได้รับแรงกระแทกจากราคารถยนต์ EV ที่เพิ่งซื้อแท้ๆ แต่ต้องมาถูกด้อยค่าจากเกมทุบราคา ส่งผลต่อราคาขายต่อในกรณีรถมือสอง ประกอบกับการใช้งานที่ไม่สะดวก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล ซึ่งสถานีชาร์จแบตเตอรี่ยังไม่ค่อยเพียงพอ

และตัวเร่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือระยะหลังผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้า เลือกผลิตรถยนต์ไฮบริดในรุ่นที่มีขนาดความจุเครื่องยนต์ หรือซีซีที่ต่ำลง ซึ่งก่อนหน้านี้รถยนต์ไฮบริดส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ มีราคาสูงเกือบ 2 ล้านบาท แต่ปัจจุบัน 7 แสนกว่าบาทก็เป็นเจ้าของรถกลุ่มนี้ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Toyota Yaris Cross, Honda City หรือแม้กระทั้งรถจีนอย่าง MG3 หรือ Haval Jolion เป็นต้น


