ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV ในบ้านเรา หากมองย้อนกลับไปไม่ต้องมากเอาสักแค่ 4-5 ปีก็พอ ขายกันปีหนึ่งแค่หลักร้อยเท่านั้น แต่มาวันนี้ไม่น่าเชื่อซัดเข้าไปเกือบแสนคัน

วันก่อนสภาอุตสาหกรรมฯ รายงานตัวเลขประเทศไทยขายรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2568 แค่ 3 เดือนได้มากถึง 22,737 คัน คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 15% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด และขายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเกือบ 20%

เหตุผลที่ตลาดเติบโตพรวดพราดแบบนี้ มีปัจจัยสนับสนุนมากมาย ตั้งแต่เทรนด์ของโลกยานยนต์ที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า EV Eco System ซึ่งดีวันดีคืน และมีประสิทธิภาพมากขึ้น การส่งเสริมและให้เงินอุดหนุนจากรัฐบาล รวมถึงการไหลบ่าของผู้ประกอบการรถยนต์ EV จากจีนที่ทะลักเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย

แต่ที่น่าสังเกตุคือ ตลาดรถยนต์ EV ยังคงกระจุกตัวอยู่ที่กลุ่มรถขนาดกลาง ที่มีระดับราคาตั้งแต่ 5 แสนบาท ไล่เรียงไปจนถึงระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งหลักๆ เป็นกลุ่มรถยนต์ EV จากประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา ในขณะที่กลุ่มรถหรูหรา โซนยุโรป ทั้งเมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู, อาวดี้, วอลโว่ กลับไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร หรือจะเรียกว่า ไม่อยู่ในสมการของรถยนต์ EV ในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ เพราะมีสัดส่วนแค่ 1-2% เท่านั้น

โดยมีนักวิชาการหลายคนมองว่า สาเหตุที่รถกลุ่มนี้ยังดูป่อแป้ อาจมาจากเหตุผลหลายประการ เช่น ขาดเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเพราะระดับราคาสูงกว่าเกณฑ์ส่งเสริม หรืออีกมุมผู้บริหารแต่ละแบรนด์มองตลาดผิดพลาดกำหนดราคาขายแนะนำที่สูงเกินไป หากย้อนกลับไปดู กลุ่มรถหรูที่กระโจนเข้าสู่ตลาดEV แบรนด์แรกคงต้องยกนิ้วให้ค่ายใบพัดสีฟ้าซึ่ง BMW มีการทำวิจัยและพัฒนารถยนต์ EV มาอย่างยาวนาน

วันนี้ในประเทศไทยบีเอ็มดับเบิลยูขายรถตระกูล I ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% มากถึง 9 รุ่น ตั้งแต่ BMW iX2, BMW iX3, BMW i4, BMW i4 M sport, BMW i5, BMW i5 M sport, BMW i5 Touring , BMW i7 และ BMW iX

ตามมาด้วยค่ายดาวสามแฉก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งมีรถในกลุ่ม EQ ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า 100% มากถึง 5 รุ่น ประกอบด้วย EQE ทั้งซีดานและเอสยูวี, EQS ทั้งซีดานและเอสยูวี และ EQ G-Class

ขณะที่อาวดี้ มีรถในตระกูล e-tron พลังไฟฟ้า 100% อาทิ e-tron GT, Q6 e-tron, Q8 e-tron และล่าสุดกับ S6 Sportback e-tron ถ้ารวมวอลโว่เข้าไปอีกค่ายก็จะมี วอลโว่ EX40,EC40, EX30 และล่าสุดกับ วอลโว่ EX90

เมื่อตลาดไม่เอื้ออำนวย ความนิยมรถยนต์หรูในกลุ่มพลังงานไฟฟ้ายังมาแบบไม่เต็มร้อย เพราะรถยนต์กลุ่มไฮบริด และปลั๊กอิน ไฮบริด ตอบสนองได้ดีกว่าทั้งราคา และภาพรวมการใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด เดี๋ยวนี้วิ่งในโหมดไฟฟ้าอย่างเดียวซัดทะลุ 100 กม.ไปแล้ว ประกอบกับภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงจะถดถอย สงครามการค้าโลกหนักข้อขึ้นทุกวัน ดังนั้นหลักการตลาดที่ไม่มีใครอยากหยิบมาใช้ก็ต้องอุบัติขึ้น

ล่าสุดจึงได้เห็นปรากฎการณ์ด้านการตลาดของค่ายรถยุโรปเปิดศึกถล่มราคาเพื่อระบายสต๊อก และการลดราคาครั้งนี้ไม่ใช่หลักแสนแต่ลดกันเป็นล้านเลยทีเดียว
ทีมงาน CARZANOVA รวบรวมสงครามราคารถยนต์ EV ค่ายยุโรป ประเดิมด้วยบีเอ็มดับเบิลยู ประกาศทุบราคา BMW iX3 M Sport จากราคา 2.999 ล้านบาท เหลือ 2.799 ล้านบาท, BMW i4 eDrive35 M Sport จากราคา 3.929 ล้านบาทเหลือ 2.899 ล้านบาท, BMW i5 eDrive40 M Sport จากราคา 4.999 ล้านบาท เหลือ 4.299 ล้านบาท, BMW iX xDrive50 Sport จากราคา 6.349 ล้านบาทเหลือ 5.349 ล้านบาท และ BMW i7 xDrive60 M Sport จากราคา 8.149 ล้านบาท เหลือ 7.349 ล้านบาท
ไม่ต่างจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ ปรับราคา EQS 500 4 MATIC AMG Premium จากราคา 7,900,000 บาท เหลือ 6.7 ล้านบาท และนำเสนอ EQS รุ่นย่อยพิเศษ 450+ ในราคา 5.95 ล้านบาท เพื่อเพิ่มแรงจูงใจ ในขณะที่ค่ายอาวดี้ AUDI Q8 e-tron ก็ลดจาก 5.55 ล้านบาท เหลือ 4.85 ล้านบาท, AUDI Q8 e-tron Sportback จาก 5.799 ล้านบาท ลงเหลือ 4.999 ล้านบาท ส่วนค่ายวอลโว่ ก็ลดกันทุกตัว อย่าง EX30 รุ่นเริ่มต้น จากราคา 1,590,000 บาท เหลือ 1,390,000 บาท เป็นต้น
เห็นถล่มราคากันแบบหูดับตับไหม้แบบนี้ หรือจะเป็นเพราะว่าจังหวะนี้ รถยนต์ EV หรู … อาจจะยังไม่ใช่คำตอบ