ครั้งที่แล้วเราได้นำเสนอรถยนต์ Toyota ในกลุ่ม GR Line up ที่เป็นรถ Performance สมรรถนะสูงตัวซิ่งพร้อมแข่งที่ผลิตออกมาจากโรงงานให้ได้ชมกัน มาครั้งนี้จะมาพูดถึงผลิตภัณฑ์จาก Toyota ในกลุ่มรถที่ขายทั่วไปในตลาดภายใต้ชื่อรุ่นย่อย GR Sport
สำหรับคนที่ยังต้องการรถพื้นฐานเดิมแต่เพิ่มเติมความสปอร์ต และที่สำคัญค่าตัวไม่แรงจนจับไม่ไหว ซึ่งรถในกลุ่มนี้จะมีพื้นฐานจากรุ่นทั่วไปที่ขายอยู่ แล้วเป็นการนำเอารุ่นท็อปมาปรับแต่งเพิ่มเติมความสปอร์ตเข้าไปทั้งรูปลักษณ์ภายนอก ภายในห้องโดยสาร และไม่เว้นแม้แต่การปรับเพิ่มสมรรถนะระบบช่วงล่างให้ดีขึ้นด้วย ซึ่งใน Line up ของ GR Sport ในรถรุ่นที่ขายในประเทศไทยก็มีอยู่ไม่น้อย ครอบคลุมทุกประเภททั้งซีดาน ครอสโอเวอร์ ปิกอัพ และ PPV (เรียกเหมารวมไปว่า SUV ก็ไม่ผิดหรอกครับ)
TOYOTA COROLLA ALTIS GR SPORT
ขอเริ่มจากเก๋งซีดานที่ทางโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เอาเข้ามาจำหน่ายอย่างโมเดล Corolla Altis ที่เพิ่มรุ่น GR Sport เข้าไป ตอนเปิดตัว Corolla Altis GR Sport ครั้งแรก มีอยู่ 2 รุ่นทั้ง 1.8 GR Sport และ Hybrid GR Sport แต่ปัจจุบันลดลงเหลือแค่รุ่นเดียวคือ HEV GR Sport หรือก็คือ Altis รุ่น Hybrid นั่นแหละครับ ซึ่งใช้พื้นฐานเดียวกับ Corolla Altis รุ่น HEV Premium ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสแม่เหล็ก ส่งกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย ให้พละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ผ่านเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
ภายนอกปรับปรุงตกแต่งให้ดูสปอร์ตมากกว่ารุ่น HEV Premium เริ่มจากการเพิ่มตัวเลือกสีตัวถังภายนอกที่เป็นสีแดง Red Mica Metallic วัสดุตกแต่งไฟตักหมอกที่เป็นสีดำเงาแทนโครเมียม เพิ่มฟังก์ชั่นไฟหน้าด้วยระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำ เปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบไฟหน้า Follow-Me-Home กันชนหน้าเปลี่ยนใหม่ทั้งชิ้นเป็นดีไซน์ของ GR Sport รวมถึงกระจังหน้า ดีไซน์สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตกันชนหลัง กระจกมองข้างใช้สีดำเงา ล้อลายใหม่ GR Sport ขนาด 17 นิ้ว แล้วปิดท้ายภายนอกด้วยโลโก้ GR Sport ที่ฝาท้าย
ภายในเปลี่ยนเบาะนั่งคู่หน้าเป็นทรงสปอร์ตสีดำสลับแดงมีโลโก้ GR เพิ่มอ๊อพชั่นเบาะผู้โดยสารด้านหน้าด้วยระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางพร้อมปุ่มดันหลังไฟฟ้าให้เหมือนเบาะคนขับ แผงประตูตกแตงใหม่สไตล์ GR Sport หน้าปัดจอ TFT แบบสีเพิ่มขนาดเป็น 12.3 นิ้ว ปุ่มสตาร์ทมีโลโก้ GR เรื่องอุปกรณ์ตกแต่งกับฟังก็ชั่นที่เพิ่มก็จะประมาณนี้ แต่อย่างที่บอกว่าใช้โลโก้ GR ทั้งทีมันต้องมีปรับแต่งสมรรถนะกันหน่อย ขุมกำลังไม่ได้เพิ่มแรงแต่อย่างใด แต่มีการปรับปรุงระบบควบคุมให้ดีขึ้นด้วยเหล็กกันโคลงหลังใหม่ ปรับจูนพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าให้หนึบแน่นมากขึ้น รวมถึงโช้คอัพ+คอยล์สปริงที่ปรับใหม่ด้วยเช่นกัน
TOYOTA COROLLA CROSS GR SPORT
คันที่สองคือ Corolla Cross GR Sport ก็คงคอนเซ็ปเดียวกันคือใช้พื้นฐานจากตัวท็อปของ Corolla Cross ที่มากับอ๊อพชั่นเต็มๆ แล้วมาปรุงแต่งเพิ่มเติมความสปอร์ตเข้าไป เริ่มจากภายนอกที่มีสีตัวถังให้เลือกเพิ่มสำหรับรุ่น GR Sport เป็นสีแดง Red Mica Metallic ตามเอกลักษณ์ GR Sport ใช้สีหลังคาสีดำ กันชนหน้า กระจังหน้า กันชนหลังเป็นชิ้นใหม่ดีไซน์ GR Sport ไฟท้ายเป็นโคมสีขาวรมดำ กระจกมองข้างเป็นสีดำเงา ท้ายรถมีโลโก้ GR Sport ล้อเป็นขนาด 18 นิ้วลายสปอร์ตใหม่
ภายในเปลี่ยนเบาะนั่งเป็นหนังสลับดำ-ขาวพร้อมสัญลักษณ์ GR พวงมาลัยหุ้มหนังตกแต่งด้วยสีดำเงา พรมบริเวณที่วางเท้ามีโลโก้ GR ปุ่มสตาร์ทโลโก้ GR ด้านสมรรถนะความแรงยังคงเดิม เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.8 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT (เครื่อง+เกียร์ตัวเดียวกับ Corolla Altis HEV) แต่มีการปรับแต่งระบบช่วงล่างให้หนึบแน่นมากขึ้นภายใต้ความเป็น GR ด้วยคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงใหม่ และปรับแต่งการทำงานของระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าใหม่เพื่อการควบคุมที่ดีขึ้น หลักๆ มีเพียงเท่านี้
TOYOTA FORTUNER GR SPORT
คันต่อมาถ้าใครคิดว่าความสปอร์ตมันอยู่เฉพาะกับรถเก๋งหรือรถขนาดเล็ก Toyota เขาไม่คิดแบบนั้น เราเลยได้เห็น Fortuner GR Sport สู่ตลาดเมืองไทย พื้นฐานใช้ตัวท็อปเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ แต่ปรับจูนความแรงจาก 204 แรงม้าไปเป็น 224 แรงม้า เพิ่มแรงบิดจาก 500 นิวตันเมตร ไปเป็น 550 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ภายนอกเพิ่มสีตัวถังให้โดดเด่นกว่ารุ่นอื่นด้วยสีแดง แต่ใช้รหัสชื่อสีต่างจาก Altis และ Cross โดยของ Fortuner GR Sport ใช้เป็นสีแดง Emotional Red ซึ่งมีโทนสีเข้มกว่า มีหลังคาสีดำให้เลือกเพิ่มเงินอีกสองหมื่นบาท กระจังหน้าและกันชนหน้าตกแต่งด้วยสีดำเงาพร้อมโลโก้ GR มือจับเปิดประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ สปอยเลอร์หลังดีไซน์ใหม่สำหรับเวอร์ชั่น GR
ภายในแน่นอนว่าต้องเปลี่ยนเบาะนั่งเป็นสีดำสลับแดงเดินด้ายแดงพร้อมสัญลักษณ์ GR พวงมาลัยหุ้มหนัง Soft Touch เจาะรูเดินด้ายแดงพร้อมโลโก้ GR พวกพลาสติกตกแต่งภายในเน้นโทนสีเงินรมดำ Smoke Silver และลายคาร์บอนไฟเบอร์ ปุ่มสตาร์ทโลโก้ GR มาตรวัดเรืองแสงมีโลโก้ GR รวมถึงพรมปูพื้น GR ด้วย ด้านสมรรถนะเน้นอัพเกรดที่ช่วงล่าง เปลี่ยนโช้คอัพเป็นแบบ Monotube เพิ่มความหนึบแน่น เปลี่ยนคอยล์สปริง เปลี่ยนเหล็กกันโคลงทั้งหน้า-หลัง เบรกเดิมเพิ่มเติมคาลิปเปอร์สีแดงมีโลโก้ GR กำกับ ส่วนอ๊อพชั่นและระบบต่างๆ เป็นแบบเดียวกับที่อยู่ในตัวท็อปรุ่น Legender เพิ่มเติม Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย
TOYOTA HILUX REVO GR SPORT
ปิดท้ายรถตระกูล GR Sport ในประเทศไทยด้วย Hilux Revo GR Sport มีทั้งตัวปกติ Lo-Floor และตัวยกสูง Hi-Floor แต่ก็จะมีแค่รุ่น Double Cab 4 ประตูเท่านั้น แตกรุ่นย่อยออกเป็น 3 รุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อยกสูง 2 รุ่น และขับเคลื่อน 2 ล้อ (ตัวเตี้ย) 1 รุ่น ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน ดีเซล 4 สูบ 2.8 ลิตร เทอร์โบ รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมีพละกำลัง 224 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อยังคง 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ตัวเดียวกันเป็นอัตโนมัติ 6 สปีด มี Paddle Shift เปลี่ยนเกียร์ได้ที่พวงมาลัย (น่าจะมีรุ่นเกียร์ธรรมดาด้วยเนอะ)
ระบบช่วงล่างปรับใหม่เพิ่มความสปอร์ตตามคอนเซ็ปต์ GR ด้วยโช้คอัพแบบ Monotube +สปริง และเหล็กกันโคลง คาลิปเปอร์เบรกสีแดงพร้อมโลโก้ GR รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อยกสูงเบรกหลังเป็นดิสก์เบรก ส่วนรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง เบรกหลังยังคงเป็นดรัมเบรก ล้อเปลี่ยนเป็นลายใหม่เฉพาะ GR Sport ภายนอกเปลี่ยนกระจังหน้าใหม่เป็นแบบสีเดียวกับตัวรถและสีดำเมทัลลิกพร้อมโลโก้ GR กันชนหลังสีดำเมทัลลิก รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเพิ่มชุดตกแต่งซุ้มล้อสีดำดีไซน์ GR Sport กระจกมองข้างสีดำเมททัลลิก มือเปิดฝาท้ายสีดำ
ภายในห้องโดยสารปรับแต่งใหม่ เบาะนั่งทรงสปอร์ตสีดำสลับแดง รุ่นยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ กับตัวเตี้ยขับเคลื่อนสองล้อ ดีไซน์เบาะต่างกัน แผงคอนโซลหน้าตกแต่งด้วยสีเงินรมดำ Smoke Silver และสีดำ รุ่นยกสูงขับเคลื่อน 4 ล้อได้สายเข็มขัดนิรภัยสีแดง ได้ปุ่มสตาร์ทโลโก้ GR พวงมาลัยเหมือนกันเป็นทรงสปอร์ตหุ้มหนังแบบ Soft Touch เดินด้ายแดงพร้อมโลโก้ GR หลักๆ เพียงเท่านี้
และล่าสุดได้เปิดตัว Hilux Revo Sport Wide Tread 2.8 6AT 4×4 ออกมา โดยใช้พื้นฐานเดิม เพิ่มเติมที่การขยายมิติตัวถัง กว้างกว่าเดิม 140 มม. สูงขึ้น 15 มม. (ยกช่วงล่างสูงขึ้น) และตัวรถสั้นลง 5 มม. เพิ่มระยะห่างจากพื้นถนน (Ground Clearance) อีก 37 มม. ปรับการทำงานของระบบเกียร์ให้ตอบสนองเร็วขึ้น ขยายระยะห่างล้อซ้าย-ขวา ด้านหน้า 140 มม. ด้านหลัง 155 มม. เปลี่ยนดีไซน์กระจังหน้าใหม่ กันชนใหม่ สปอร์ตบาร์ดีไซน์ใหม่ ใช้ล้อขนาด 17 นิ้ว ใช้ยางแบบ All Terrain พร้อมลุย ขนาด 265/65 R17 ซุ้มล้อดีไซน์ใหม่ เปลี่ยนจุดยึดโช้คอัพหลังวางด้านนอกแชสซีส์ ไม่บอกก็รู้ว่าต้องการออกมาสู้กับใคร
จะเห็นได้ว่า Toyota สร้างความแตกต่างจากรถยี่ห้ออื่นด้วยการที่รุ่นพิเศษสไตล์สปอร์ตไม่ได้ปรับแค่รูปร่างหน้าตาภายนอกหรือตกแต่งภายในห้องโดยสารเท่านั้น แต่หากมีการปรับปรุงสมรรถนะให้ดีขึ้นด้วยโดยเน้นที่ช่วงล่างเพื่อการบังคับควบคุมที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและเพิ่มฟิลลิ่งการขับแบบสปอร์ต อย่างไรก็ตาม เวอร์ชั่น GR Sport ของรถยนต์ Toyota ในแต่ละประเทศก็จะมีความแตกต่างกันไป โดยเฉพาะการเลือกรุ่นรถมาทำ ที่กล่าวไปครั้งนี้เป็นรุ่นรถในประเทศไทย แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมมีบางรุ่นมาแถมให้ซึ่งแม้ไม่ได้จัดจำหน่ายโดย Toyota ประเทศไทย แต่ก็ได้เห็นมาวิ่งอยู่ในประเทศไทยกันบ้างแล้ว
TOYOTA COPEN GR SPORT
เริ่มจาก Toyota Copen GR Sport รุ่นนี้หลายคนคุ้นๆว่า Copen มัน Daihatsu ไม่ใช่เหรอ? ก็ใช่แหละครับ แต่ด้วยความที่ Toyota เขาถือหุ้นใหญ่ใน Daihatsu ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีรถรุ่นเดียวกันขึ้นมา งานนี้ทาง Toyota นึกสนุกขึ้นมาอยากจับเจ้าคันจิ๋วเปิดประทุนหน้าตาน่ารักมาทำเวอร์ชั่น GR Sport ก็เลือก Copen มาเป็นโจทย์ ซึ่งก็จะมีขายทั้ง Toyota Copen GR Sport และบางประเทศก็จะมี Daihatsu Copen GR Sport ด้วยเช่นกัน
เครื่องยนต์ยังคงเป็นเบนซิน 3 สูบ 660 ซีซี พ่วงเทอร์โบตัวจิ๋ว มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และ CVT พละกำลัง 64 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งลำพังขุมพลังก็ถือว่าขับสนุกใช้ได้แล้วไม่ต้องทำอะไรอีก Copen GR Sport จึงถูกเน้นไปในด้านการปรับปรุงระบบช่วงล่าง โดยเน้นให้เฟิร์มขึ้นด้วยการปรับปรุงโช้คอัพ+สปริง และระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ แล้วยังแอบใส่ลิมิตเต็ดสลิปให้กับรุ่นเกียร์ธรรมดาด้วย ภายนอกตัวถังเพิ่มชุดแต่งให้ดูสปอร์ตมากขึ้น ก็มีเพียงเท่านี้สำหรับเจ้า Copen GR Sport ซึ่งผมว่ามันน่าขับมากๆ
TOYOTA LAND CRUISER 300 GR SPORT
อีกคันส่วนตัวผมก็ไม่เคยนึกว่า Toyota จะเอารถแนวนี้มาทำเวอร์ชั่น GR Sport แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว Toyota Land Cruiser 300 GR Sport ชื่อเสียงของ Land Cruiser ขึ้นชื่อเรื่องการเป็นเบอร์ต้นๆ ของรถ SUV เลยก็ว่าได้ โดยมีคอนเซ็ปต์คือเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่เดินทางไปได้ทุกที่ทั้งบนถนนนและนอกถนน ซึ่ง Land Cruiser 300 เมื่อถูกนำมาทำเป็นเวอร์ชั่น GR Sport กลับไม่เน้นรูปลักษณ์ภายนอกที่ต่างจากเดิมนัก ที่ชัดเจนมีแค่เปลี่ยนล้อไปใช้สีเข้มกว่าเดิมให้ดูดุขึ้นเท่านั้นเอง
ส่วนภายในก็แทบจะเหมือนเดิมทุกอย่างมีแค่โลโก้ GR บางจุดเท่านั้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากรุ่นทั่วไปคือ การยกเครื่อง V8 ออก แล้วแทนที่ด้วยสองตัวเลือกคือ เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร เทอร์โบ 406 แรงม้า กับ ดีเซล V6 ขนาด 3.3 ลิตร เทอร์โบ 304 แรงม้า ระบบส่งกำลังตัวเดียวกันเป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และเพิ่มระบบล็อคเฟืองท้ายเข้าไปด้วยระบบล็อคเฟืองท้ายไฟฟ้า Electronic Differential lock และระบบเสริมสมรรถนะช่วงล่าง Electronic-kinetic Dynamic Suspension System (E-KDSS) ทำให้ผมมั่นใจว่ามันต้องเป็นรถที่ขับดีมากแน่ๆ และที่สำคัญผมเห็นมีวิ่งในประเทศไทยแล้วครับ
ซึ่งนอกจาก GR Sport แล้ว รถยนต์ Toyota ก็ยังมีในกลุ่ม GRMN ที่ขายอยู่ในบางประเทศอีกด้วย เอาว่า Toyota เขาก็ต้องการจะตอบสนองความต้องการให้ถูกใจลูกค้าของเขาให้ได้มากที่สุดนั่นแหละครับ เราเลยได้เห็นรถในพื้นฐานรุ่นทั่วไปที่มาในเวอร์ชั่นพิเศษต่างๆ อยู่ตลอด ข้อดีก็คือตัวรถได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมมาจากโรงงานของบริษัทแม่ ดังนั้นจึงมั่นใจในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน