ตลาดรถยนต์ไทย ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเจอผลกระทบจากปัจจัยลบหลายด้าน ทั้งจำนวนผู้เล่นมากรายโดยเฉพาะค่ายรถยนต์จากจีน กำลังซื้ออ่อนแอลงเรื่อยๆ จากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และปัจจัยใหญ่สุดคืออัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่ขยายเพิ่มเป็นเท่าตัว ทำให้ระยะหลังแม้ลูกค้ายังมีความต้องการใช้รถ แต่เป็นเจ้าของยากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวกันอุตลุด

พี่ใหญ่อย่างโตโยต้า ปิ๊งไอเดียทำรถให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เลือกลดออปชั่นที่ไม่จำเป็นหวังกดราคาขายให้ต่ำลง แบบเดียวกับคอนซูเมอร์โปรดักต์บางตัวที่ทำไฟติ้งแบรนด์ แต่ยังคงใช้จุดแข็งเดิมที่เป็นจุดขายหลัก คือ คุณภาพ ความคุ้มค่า และงานบริการหลังการขายที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน

FORTUNER LEADER S โตโยต้าทำราคาลงมาเหลือล้านต้นๆ หลายคนอาจจะบอกว่าลดออปชั่นไปตั้งเยอะ แต่ราคาก็ยังสูงอยู่ดี แล้วแบบนี้โตโยต้าจะไปขายใครได้ เรื่องนี้ทีมงาน CARZANOVA ได้ลองวิเคราะห์ดู และถ้ามองไม่ผิด เป้าของโตโยต้าในการเปิดรุ่น FORTUNER LEADER S น่าจะเป็นการบุกตลาดฟลีต หวังกวาดลูกค้าองค์กร หน่วยงานรัฐ หรือกลุ่มบริษัทห้างร้านทั่วไป ที่ไม่เน้นออปชั่นแต่เน้นการใช้งาน และการบริการหลังการขาย หรือศูนย์บริการที่ครอบคลุมทั้งประเทศ ซึ่งก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่า โตโยต้าเป็นค่ายรถที่มีศูนย์บริการมากสุดในประเทศ

ทราบเป้าหมาย และแนวทางการตลาดแล้ว คราวนี้มาดูออปชั่นของ FORTUNER LEADER S ซึ่งถ้าให้บอกรวมๆ คือการเอาชิ้นส่วนของตัวเริ่มต้น หรือรีโว่บางรุ่นมาใส่ ไม่ว่าจะเป็นคิ้วขอบประตูแบบธรรมดา มือจับต่างสีกับตัวรถ ตัดราวหลังคาออก ล้ออัลลอยยกจากตัวส่งออกมาเป็นขนาด 17 นิ้ว

ส่วนภายในห้องโดยสาร เข้าไปก็จะหาปุ่มสตาร์ต-สต็อปเครื่องยนต์ไม่เจอเพราะถูกถอดออก เปลี่ยนมาเป็นใช้กุญแจเสียบ บิดสตาร์ตแทน แดทบอร์ดความหรูหราหายไปเพราะไม่มีกรอบแถบเงินโครเมียมทำให้ความแพรวพราวหายไป หนังหุ้มฝาเก๊กเก็บของด้านผู้โดยสารดูจืดๆ เพราะไม่มีตะเข็บเดินด้าย และมีการตัดช่องแอร์ที่แผ่ความเย็นเข้ามาในเก๊กออกด้วย รวมไปถึงฝาท้ายก็ไม่มีระบบไฟฟ้า ต้องใช้แรงเวลาปิดหน่อยก็แล้วกัน


อีกอย่างที่อาจทำให้หงุดหงิดได้ก็ตรงสวิชต์กระจกไฟฟ้าแบบวันทัชมีเฉพาะด้านคนขับเท่านั้น พวงมาลัยและหัวเกียร์ ใช้วัสดุยูลิเทียนแทนหนัง ขณะที่แป้นพัดเดิลชิฟต์หลังพวงมาลัยก็หายไป เบาะนั่งจากเดิมที่เป็นหนังชั้นดีเปลี่ยนเป็นผ้า แต่ลวดลายยังดูกลมกลื่น นอกจากนี้ เซ็นเซอร์ถอยหลังถูกถอดออก แต่ยังดีที่กล้องส่องด้านหลังมาให้ตรงนี้รับได้แถมบางคนชอบมากกว่าด้วยซ้ำ และถ้าหากจะหาปุ่ม Auto Brake Hold อันนี้ก็ไม่มีเพราะถูกถอดชุดเบรกมือไฟฟ้าออก เป็นก้านเบรกมือที่ต้องใช้แรงยกแทน


ถัดมาเป็นประเด็นใหญ่ คือตัวเครื่องยนต์ที่ใช้ขุมพลังดีเซล 4 สูบ รหัส 2GD-FTV ความจุ 2.4 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที โดยมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มี Sequential Shift ให้เลือกสนุกกับการชิฟอัพหรือชิฟดาวน์ตำแหน่งเกียร์ และได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.3 กม./ลิตร (อ้างอิงผล ECO Sticker) แถมยังผ่าน Euro5 เรียบร้อยแล้ว ถือว่าใช้ได้ทีเดียว

ที่นี้มาดูจุดเด่นของ FORTUNER LEADER S ดีไซน์ถือว่าใช้ได้เลยนะ ไฟหน้าใหม่เป็นแบบ Bi-Beam LED เทคโนโลยีไฟหน้ารถยนต์ Next Generation เพิ่มทัศนะวิสัยในการขับขี่ด้วยไฟหน้าเทคโนโลยี LED สว่างกว่าหลอดไส้เดิม 3 เท่า เป็น LED Power 55w กินไฟเท่าหลอดเดิมติดรถ แต่ได้ความสว่างต่อข้าง 5200 ลูเมน ขาวนวลสบายตา ไม่มีความร้อนสะสมที่ตัวโคมไม่ร้อนไม่เหลือง อายุการใช้งานมากกว่า 30,000 ชั่วโมง แถมมาพร้อม Daytime Running Lights และไฟตัดหมอกหน้าเป็นแบบ LED

ส่วนภายในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto มาตรวัดเป็นแบบเรืองแสงกับหน้าจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา มีแผ่นกรองปรับอากาศ PM 2.5



TOYOTA FORTUNER LEADER S สนนราคาค่าตัว 1.239 ล้านบาท ราคานี้อาจจะดูสูง เมื่อเทียบกับคู่แข่งเจ้าอื่น แต่ก็อย่างที่บอกล่ะครับ อะไหล่หาง่าย ศูนย์บริการเยอะ ไม่ต้องกังวลว่ารถเสียจะไปกินข้าวลิงให้เสียการเสียงาน เจ้าของธุรกิจถึงยอมจ่ายแพงกว่า เพื่อเลือกให้ธุรกิจสมูทไม่ต้องมาสะดุดกับปัญหาเรื่องการเดินทาง น่าจะเป็นคำตอบที่ดีของคนทำธุรกิจแบบไม่เสียน้อยเสียยากอะไรประมาณนี้

