เปิดตัวมาได้พักใหญ่ๆ แล้วครับ สำหรับ Omoda C 5 EV ทีมงาน CARZANOVA เพิ่งมีโอกาสได้ทดลองขับเจ้าครอสโอเวอร์ไฟฟ้าที่อยู่ในกลุ่ม B-SUV ชูจุดเด่นเรื่องออปชัน โดยทำตลาดในรุ่น Long Range แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อยคือ Long Range Plus และ Long Range Ultimate ขับเคลื่อนล้อหน้าเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น โดยมาพร้อมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า แบตเตอรี่ขนาด 61 kWh ขับไกลได้ระยะทางไกล 505 กม. ต่อการชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) พร้อมรองรับการชาร์จ AC 9.9 kW และ DC 80 kW
โดยความต่างระหว่างรุ่น Long Range Plus และ Long Rang Ultimate จะเป็นเรื่องของออปชันภายใน ได้แก่ กล้องมองรอบคันและใต้พื้น 540 องศา ซึ่งในรุ่น Long Range Plus จะได้แค่กล้องมองหลัง รวมไปถึงหลังคาซันรูฟและราวหลังคา ไฟเลี้ยวท้ายแบบ Sequential ไฟส่องที่กระจกมองข้าง ชุดแต่งขอบประตูสีดำเงา ในขณะที่รุ่น Long Range Plus เป็นสีดำด้าน กระจกคู่หน้าลดเสียงรบกวน ลำโพง Sony 8 ตำแหน่ง ส่วนรุ่น Long Range Plus ได้ลำโพงทั่วไปแค่ 6 ตำแหน่งเท่านั้น และสายไฟ V2L
ขณะที่ฟิลลิ่งการขับขี่ ในส่วนของขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 204 แรงม้า กับโหมดการขับขี่ที่มีให้เลือก 3 โหมด Eco ขับแบบประหยัด Normal ขับแบบทั่วไป และโหมด Sport ขับแบบเน้นความเร็ว ซึ่งจากการลองขับจัดว่าใช้ได้ อัตราเร่งได้ปู๊ดป๊าดตามสไตล์รถไฟฟ้า แถมได้ขนาดตัวรถที่ไม่ใหญ่มาก ยิ่งทำให้เร่งได้สนุกขึ้น ส่วนเรื่องการกินไฟทีมงานลองขับแบบใช้งานปกติ ไม่ได้เน้นขับประหยัดอะไร เน้นการขับขี่แบบใช้งานในชีวิตประจำวัน กินไฟประมาณ 17 kWh/100km บวกลบนิดหน่อย ส่วนระยะทางจริงๆ ที่วิ่งได้ ก็จะอยู่ที่ประมาณ 400 กม.นิดๆ ซึ่งก็น้อยกว่าตัวเลขที่เคลมไว้ 505 กม. แต่เชื่อว่าทุกคนก็พอรู้ว่าเค้าใช้มาตรฐาน NEDC ซึ่งไม่สามารถวัดระยะทางได้จริง ต้องหักออกพอสมควร
มาที่ระบบช่วงล่าง ถือว่ามีความเฟิร์ม ไม่ได้มีบุคลิกนุ่มนิ่มเหมือนรถเอสยูวีค่ายจีนแบรนด์อื่นๆ แอบเอียงไปทางสปอร์ต แต่จุดที่สำคัญและจับความรู้สึกได้ คือช่วงล่างที่มันเฟิร์มออกไปทางกระด้างมันไม่ค่อยเกาะถนนเท่าไหร่นัก รวมถึงพวงมาลัยไฟฟ้าที่เซ็ตมาค่อนข้างไว แม้จะปรับให้มีน้ำหนักมากขึ้นแล้วในโหมดสปอร์ตก็ตาม ทำให้เวลาขับที่ความเร็วสูง รู้สึกไม่ค่อยมั่นใน ในการเปลี่ยนเลนแบบกะทันหัน รวมถึงเรื่องเสียงจากพื้นถนน รู้สึกยังเก็บเสียงที่เข้ามาภายในห้องโดยสารยังไม่ค่อยดี ดีที่ในรุ่น Ultimate ได้กระจกคู่หน้าลดเสียงรบกวน ก็ยังช่วยให้เสียงภายในห้องโดยสารยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้
ขณะที่ระบบความปลอดภัยมาพร้อมระบบ ADAS+DMS อาทิ การเตือนใช้ความเร็วเกินกำหนดที่ตั้งไว้ เตือนรถอยู่ในเลน ที่เตือนทั้งเสียงและการสั่นที่พวงมาลัย รวมถึงช่วยตัวรถให้กลับมาอยู่ในเลน แต่ต้องกระซิบนิดนึงครับว่าความรู้สึกของการดึงพวงมาลัยมันค่อนข้างรุนแรงอยู่ แต่สิ่งที่ต้องชมคือกล้อง 360 องศา (หรือ 540 องศาที่ OMODA เขาเรียก) มันถือว่าชัดและใช้ได้จริง ภาพไม่บิดเบี้ยว แถมยังมีมุมมองใต้รถให้ดูอีกด้วย
ปิดท้ายที่ OMODA C5 EV รุ่น Long Range Plus เปิดราคา 899,000 บาท ส่วน Long Rang Ultimate เปิดราคา 949,000 บาท ซึ่งถือว่าราคาอยู่ในช่วงที่พอสู้แบรนด์อื่นๆ ได้ แต่ด้วยฟีเจอร์ที่ไม่หวือหวา และฟิลลิ่งการขับขี่ที่ไม่ได้แตกต่างจากแบรนด์อื่นเท่าไหร่นัก ดูแล้ว OMODA C5 EV อาจจะต้องทำการตลาดให้หนักขึ้น เผื่อขอแชร์ส่วนแบ่งการตลาดให้มากกว่านี้