จั่วหัวไม่ต้องบอกก็คงจะรู้กันอยู่แล้วนะครับว่า MG4 LONG RANGE มันจะต้องวิ่งระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้งได้ไกลขึ้น ก็ชื่อรุ่นเขาบอกไว้ซะขนาดนั้น ส่วนสิ่งที่เปลี่ยนแปลง ใส่เพิ่มไป กับค่าตัวที่เปิดมา 889,900 บาท จะคุ้มค่า และน่าสนใจกว่าเดิมไหม เราไปดูกัน …

MG4 LONG RANGE ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นของเอ็มจี ที่ผลิตและประกอบในประเทศไทย โดยได้มีการปรับเปลี่ยน ปรับปรุง ออปชั่น และฟีเจอร์ แม้จะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็พอทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้น่าสนใจขึ้นอีกพอสมควร

เริ่มกันตั้งแต่ไฮไลท์หลักของรถคันนี้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นก็คือแบตเตอรี่ ที่มีความจุมากขึ้น จากเดิม ที่ใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน ขนาด 49 kWh ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อยู่ที่ 426 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ส่วนวิ่งจริงที่ผมเคยลองขับก็จะอยู่ที่ประมาณ 300 กิโลเมตร ในขณะที่ตัว MG4 LONG RANGE ก็ใช้แบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออน แต่เพิ่มขนาดเป็น 64 kWh ซึ่งสามารถวิ่งได้ระยะทางต่อการชาร์จ 1 ครั้ง อยู่ที่ 540 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ส่วนวิ่งจริงที่ผมลองขับก็จะอยู่ที่ประมาณ 450 กิโลเมตร

ส่วนเรื่องของพละกำลังมอเตอร์ยังมาพร้อมจุดขายมอเตอร์ขับหลังแบบ Permanent Magnet Synchronous เหมือนเดิม พละกำลังเท่าเดิม 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตัน-เมตร รวมไปถึงระบบช่วงล่างก็ยังเหมือนเดิมกับด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังเป็นแบบอิสระ 5 ลิงก์ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือในตัว MG4 LONG RANGE เขาขยับชุดล้อแม็กไปใช้ขนาด 18 นิ้ว ของตัว MG4 XPower แม้ยางจะไม่ใช่ยี่ห้อเดียวกัน แต่ขนาดไซส์ยางเท่ากัน คือ 235/45 R18 ส่งผลลัพธ์ที่ได้คือฟิลลิ่งของการควบคุมมันดีขึ้นกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัด คือใครที่เคยขับ MG4 ตัวเดิมที่ยังรู้สึกว่าช่วงล่างแอบนุ่มๆ ย้วยๆ ไปหน่อย พอมาเป็นตัว MG4 LONG RANGE ที่ไม่ได้เตะต้องอะไรกับช่วงล่างเลย เพียงแค่เปลี่ยนล้อแม็กและไซส์ยาง มันให้ฟิลลิ่งรถที่สปอร์ตหนึบแน่นขึ้น รวมถึงการใช้ยางหน้าใหญ่ ที่จากเดิม 215 ขยับเป็น 235 มันทำให้เวลาเข้าโค้ง หรือโยกเปลี่ยนเลนสามารถทำได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น นี่ยังดีนะว่าแค่ใช้ยางของ Goodyear ยิ่งถ้าใช้ตัว Bridgestone ที่อยู่ในตัว XPower เข้าให้ด้วยแล้วล่ะก็น่าจะให้ฟิลลิ่งที่ขับมันส์มากขึ้นกว่าเดิม

เอาล่ะ!! ขยับเข้ามาภายในห้องโดยสารกันบ้าง สำหรับ MG4 LONG RANGE สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือจอกลาง ที่มาพร้อมขนาดใหญ่โตขึ้นเป็นขนาด 12 นิ้ว เมื่อเทียบกับตัวนำเข้าที่มีขนาดเพียงแค่ 10 นิ้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นจอเดียวกันกับตัวประกอบในประเทศรุ่นที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ สิ่งที่ได้มาคือหน้า Interface ที่ดูสวยงามขึ้น รวมถึง บางโหมดของการขับขี่ที่ไม่ต้องมานั่งตั้งใหม่ทุกครั้ง อย่างเช่น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยควบคุมรถเมื่อออกนอกเลน ELK แต่น่าเสียดายที่พวกโหมดการขับ รวมถึง KERS ยังต้องตั้งใหม่อยู่ที่ ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว น่าจะปรับจุดนี้มาให้ด้วยเลย รวมไปถึงสิ่งที่ผมสังเกตได้กับหน้าจอและ Interface ใหม่นี้ มาดูค่อนข้างเชื่องช้า ต้องให้เวลาเขาคิด พิเคราะห์ ซักนิด จะเอาแบบรีบๆ ร้อนๆ พอขึ้นมานั่งบนรถแล้วกดหน้าจอทันที อันนี้ไม่ได้ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า ถ้ามีการอัพเดท Software ครั้งหน้าจะรวดเร็วขึ้นกว่านี้ขนาดไหน

นอกจากนี้ก็ยังเพิ่มรายละเอียดกระจุ๊กกระจิ๊กเติมมาให้อีกเล็กน้อย ก็อย่างใบปัดน้ำฝนหลัง ที่ก่อนหน้านี้ในตัวนำเข้าไม่มีมาให้ แล้วหลายคนบ่น คราวนี้ก็มีมาให้แล้ว รวมถึงมือจับของผู้โดยสารภายในรถ ในตัวนี้ก็มีมาให้แล้ว

ซึ่งจะว่ากันไปแล้วก็อย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้นแหล่ะครับว่ารายละเอียดถ้านับเป็นจุด อาจจะไม่เยอะ แต่ถ้ามองภาพรวม ถือว่าการเปิดตัวรุ่น MG4 LONG RANGE ถือว่าเป็นการเปิดทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับผม แค่ได้ระยะทางเพิ่ม กับสมรรถนะการควบคุมที่ดีขึ้นกว่าเดิม แค่นี้ผมก็พอใจและครับ ส่วนราคาที่เปิดมา 889,900 บาท แพงกว่าตัวท็อปรุ่นธรรมดาอยู่ 80,000 บาท เทียบแบตเตอรี่ที่ได้เพิ่มขึ้น 15 kWh แค่นี้ผมว่าก็คุ้มแล้วครับ แถมได้แม็กกับยางขอบ 18 มาอีก คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มครับ!!








