ใครที่กำลังมองหา “เอสยูวีไซซ์ใหญ่” สำหรับการเดินทางในหลากหลายรูปแบบ แถมยังมั่นใจกับการปกป้อง ให้ความปลอดภัย อยากให้เหลียวมามอง ฮุนได พาลิเสด (Hyundai PALISADE) ที่บอกเลยว่าตอบทุกโจทย์ความต้องการได้อย่างครบถ้วน

ฮุนได โมบิลิตี้ ประเทศไทย พยายามสร้างสรรค์และนำเสนอโปรดักต์ที่หลากหลาย ทั้งรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ ทุกแบบทุกสไตล์ตั้งแต่เล็ก-กลาง-ใหญ่ สำหรับผู้บริโภคชาวไทย


PALISADE จัดเป็นพี่ใหญ่ในตระกูล เรียกว่าเป็นบิ๊กพรีเมียมเอสยูวีที่แฝงไว้ด้วยความครบถ้วนทุกฟั่งชั่น เปี่ยมล้นด้วย DNA ด้านความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ซึ่งวิศวกรของฮุนไดได้รังสรรค์และให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่องทุกยุคทุกสมัย

ฮุนได PALISADE ออกแบบกระจังหน้าแบบ Premium Parametric Shield เน้นความบึกบึน ใส่ความเข้มไปอีกนิดด้วยการตกแต่งแบบ Dark Metallic Chrome ไฟหน้าเรียงเป็นแถวยาวแบบ Full LED มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน ไฟท้ายแถวเรียงจากบนลงล่าง มีไฟเบรกดวงที่ 3 สะดุดตาด้วยโลโก้และตัวอักษรบอกชื่อรุ่น PALISADE โครงสร้าง Monocoque Structure เพิ่มความปลอดภัยด้วยการลดน้ำหนักเครื่องยนต์ และการสั่นสะเทือน


เข้ามาภายในห้องโดยสาร ขออนุญาตเริ่มจากแถวสองก่อนเลย ต้องบอกว่า กว้างขว้าง โอ่โถง ก่อนเข้ามายืนมองจากนอกรถเห็นประตูผู้โดยสารตอนสองบานใหญ่มาก รู้ได้ทันที่ว่าส่งผลต่อการเข้า-ออก ที่สะดวกสบายแบบสุดๆ แม้จะไม่ใช่ประตูข้างแบบสไลด์ก็ตาม


เบาะแถวสองเป็นแบบกัปตันซีทพร้อมที่พักแขนพับเก็บได้ ท้าวแขนข้างประตูมีช่องว่างแก้วน้ำ 2 ใบ ภายในคันนี้เลือกเป็นสีเบจทำให้ดูสว่างไสว ส่วนแถวที่ 3 ต้องบอกว่านั่งได้จริง ไม่เหมือนเอสยูวีไซซ์กลาง หรือพีพีวีบางรุ่น ซึ่งมีไว้ให้รู้ว่าเป็น 7 ที่นั่ง เบาะเอนนอนได้ทุกตัว เลกรูมกว้างพอสำหรับผู้โดยสารตัวใหญ่ แม้เบาะแถวที่สองจะเลือนมาจนสุด มีช่องว่างระหว่างเบาะแถว 2 สำหรับเด็กๆ อยากเดินข้ามมาใกล้ชิดกับผู้ปกครอง

กลับมาห้องโดยสารแถวแรก ยังคงเน้นความกว้างขวาง เบาะไฟฟ้าทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ไม่มีราวโหนด้านบนเพราะเวลานั่งจับไปดูเสียบุคคลิก ไม่เหมาะกับรถหรู แต่มีราวข้างประตูให้จับ มีระบบบันทึกตำแหน่งที่นั่ง กระจกประตูไฟฟ้าแบบวันทัชทุกบาน แถวที่สองมาพร้อมม่านบังแดดขนาดใหญ่ พวงมาลัยสีเดียวกับเบาะ มัลติฟังชั่นครบทั้งควบคุมเครื่องเสียง โทรศัพท์ และมีเดียอื่นๆ

แดดบอร์ดขนาดใหญ่อ่านข้อมูลง่าย จอแสดงผลเป็นแบบ Supervision Cluster ขนาด 12.3 นิ้วต่อเชื่อมกับคอลโซนกลางแบบ Bride-type ดูเรียบหรู เครื่องเสียงชุดใหญ่ Infinity Premium Sound System 12 ลำโพง รองรับการชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย มีปุ่มปรับระบบขับเคลื่อน จะเลือกขับ 4 หรือขับ 2 ก็แค่บิด รวมถึง Terrain ในการขับเส้นทางต่างๆ ให้เลือก ตำแหน่งเกียร์ใช้ปุ่มกด จะเดินหน้า ถอยหลัง หรือจอด เป็นแบบไฟฟ้า 8 สเต็ป เบาะแถวที่ 1 และแถวที่ 2 สามารถปรับอุณหภูมิได้ทั้งอุ่นและเย็น ส่วนแถวที่ 3 ยังเพิ่มช่องแอร์ให้เย็นสบายกันทั้งคัน

สำหรับการขึ้นไปนั่งแถวที่ 3 มีปุ่มกดด้านข้างเบาะนั่งแถวที่สองซึ่งระบบไฟฟ้าจะทำงานทั้งเลื่อนมาข้างหน้าและพับพนักพิงให้ด้วยโดยอัตโนมัติ ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า มีระบบโปรเท็กชั่นแจม ไว้ใจได้รับรองไม่หนีบ ไร้กังวลสำหรับการใช้งานของเด็กๆ พื้นที่วางสัมภาระกว้างขวาง ถ้าต้องการพื้นที่เพิ่มสามารถพับเบาะแถวที่ 3 ให้แบนราบกว้างขว้างบรรทุกถุงกอล์ฟขนาดใหญ่หรืออุปกรณ์กีฬาทางน้ำกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย

ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,750 รอบ/นาที ทอร์คทั้งหมดมาในรอบต่ำๆ เห็นตัวใหญ่บะเร่อบะร่าแบบนี้ กดคันเร่งเรียกกำลังเมื่อไหร่รับรองไม่ผิดหวัง แถมภายในห้องโดยสารยังเงียบแทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท หลังเป็นทรอชั่นบีม ยางบริดจสโตน ล้อ 20 นิ้ว กดขับ 4 วิ่งกลางสายฝนฉ่ำๆ มั่นใจขึ้นเยอะเลย

ส่วนระบบความปลอดภัย มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งทั้งคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย เสริมด้วยเทคโนโลยี Hyundai SmartSenseTM ที่มีทั้งระบบช่วยเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบเตือนและช่วยคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถในจุดอับสายตา

ระบบป้องกันการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งมาด้านข้าง สุดยอดระบบนี้ให้ความปลอดภัยสุดๆ มีระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน และช่วยลดเงินค่าปรับในกระเป๋าด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ถนนเส้นไหนกล้องเพียบรไม่ได้กิน ยังมีระบบกล้องมองภาพจุดอับสายตา แสดงที่หน้าปัทม์ เพิ่มประสบการณ์การขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

โดยรวมฮุนได PALISADE เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ที่ต้องการใช้ชีวิตร่วมกันมีความสุขกันไประหว่างเดินทางช่วงวันหยุด หรือจะใช้ในชีวิตประจำวันก็ไม่ได้ดูเทอะทะ สนนราคาค่าตัว PALISADE รุ่น Prestige ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.499 ล้านบาท และรุ่น PALISADE Exclusive ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 2.299 ล้านบาท


ตัวนี้จัดเป็นไมเนอร์เชนจ์รุ่นสุดท้าย ตอนนี้มีเวอร์ชั่นใหม่ออกมาแล้ว แถมมีรุ่นไฮบริดซะด้วย ซึ่งบ้านเราคงต้องอดใจรออีกหน่อย ดูแล้วน่าจะได้จับจองกันในปีหน้าเป็นแน่ …







