โมเดลต่อมาที่เข้าข่ายรถที่ขายกันมายาวนานในระดับ 10 ปีขึ้นไป ที่เราเฟ้นหามาก็คือ Mitsubishi Pajero Sport ซึ่งเป็นรถที่ใช้พื้นฐานจากรถปิ๊อัพของค่ายมาดัดแปลงเป็นรถอเนกประสงค์ PPV เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถครอบครัว
ซึ่งถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ชื่อ Pajero จะเป็นชื่อเดี่ยวๆ ที่ไม่มี Sport ต่อท้าย เป็นรถแวกอนทรงกล่อง Boxy สายลุยตัวจริงของค่าย Mitsubishi ที่โด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะในวงการแข่งขันแรลลี่สุดโหดอย่าง Dakar Rally ในประเทศไทยเองก็เป็นที่นิยมมาก แต่ค่าตัวก็เอาเรื่อง เราจึงได้เห็นว่า Pajero มักจะอยู่ในบ้านของคนมีอันจะกิน และเป็นที่นิยมเหลือเกินในกลุ่มผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลาย
แต่แล้ววันหนึ่ง Mitsubishi ก็เปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกมาเป็น Pajero แต่ดันมีคำว่า Sport ต่อท้ายมาด้วย โดยลักษณะและรูปทรงของรถก็เปลี่ยนไปจาก Pajero ที่เคยรู้จักแบบคนละเรื่อง แถมท่อนหน้าตั้งแต่หัวรถไปจนถึงเสา B-Pillar กึ่งกลางรถมันก็คือปิกอัพ Triton ดีๆ นี่เอง
ย้อนกลับมาที่ Pajero Sport รุ่นปัจจุบัน ในขณะที่ Mitsubishi เปิดตัว Triton โมเดลล่าสุดออกมา 2 ปีกว่าแล้ว เรายังไม่เห็นวี่แววของ Pajero Sport โมเดลใหม่ที่จะใช้พื้นฐานของ Triton โมเดลล่าสุดเลย มิหนำซ้ำ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเราได้เห็นความเคลื่อนไหวของ Pajero Sport กันไปอีกรอบ ด้วยการยกเลิกการขายรุ่นย่อยออกไป 1 รุ่น แล้วเพิ่มออปชั่นให้กับอีกรุ่น ซึ่งผมเดาว่า ก็น่าจะเป็นการปรับอุปกรณ์ครั้งสุดท้ายของ Pajero Sport โมเดลนี้แล้วล่ะครับ
Mitsubishi Pajero Sport รุ่นปัจจุบันที่เรากำลังพูดถึงว่ามันอยู่ในตลาดมายาวนานถึงกว่า 10 ปีแล้ว ถือเป็น Pajero Sport เจเนอเรชั่นที่ 2 ถ้าไม่นับรถ PPV ของค่าย Mitsubishi ที่ก่อนหน้ามี Strada G-Wagon มาแล้ว (ใช้พื้นฐานของ Mitsubishi Strada ปิกอัพของค่าย)
เจ้า Pajero Sport รุ่นปัจจุบันที่ว่านี้ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2015 ซึ่งแค่รูปร่างหน้าตาก็ฉีกแหวกแนวจากรุ่นก่อนแบบคนละเรื่อง มันมีดีไซน์ที่ทันสมัยแบบกระโดดข้ามยุค โดยทางผู้ออกแบบให้ชื่อดีไซน์ด้านหน้ารถว่า Dynamic Shield ไฟหน้ามีมิติล้ำลึกกว่ารุ่นเดิมแล้วยังเป็นแบบ Bi-LED พร้อมด้วยไฟส่องสว่างตอนกลางวัน ส่วนท้ายรถก็เด่นด้วยดีไซน์ไฟท้ายที่ไม่เหมือนใครใช้เลนส์ลากยาวเป็นเส้นตรงแนวดิ่งจากก้อนไฟท้ายลงมาจรดกันชนท้าย ได้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วทุกรุ่นย่อย
อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารไม่ต้องพูดถึง จัดมาเต็มแบบลูกค้าร้องว้าว! เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัยดีไซน์หรูปรับได้ 4 ทิศทาง เป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นมีสวิตช์ควบคุม Cruise Control, หน้าจอแสดงผลการขับขี่, เครื่องเสียง, รับ-วางโทรศัพท์ และสวิตช์กล้อง 360 องศา รุ่นท็อปได้ Paddle Shift วัสดุแมกนีเซียมติดตั้งอยู่หลังพวงมาลัยไว้เปลี่ยนสปีดเกียร์
ซึ่งถ้าเป็นแฟนค่ายนี้ก็จะรู้ว่ามันยกมาจาก Lancer EX นั่นแหละครับ มีระบบแอร์ที่เป็นแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา แอร์สำหรับผู้โดยสารแถว 2 และ 3 อยู่บนหลังคา บนเพดานมีหน้าจอขนาด 9 นิ้ว เล่น DVD ได้ อย่างที่ผมบอกว่ามันพลิกจากรุ่นที่แล้วแบบคนละเรื่อง เพราะเครื่องยนต์ที่มากับ Pajero Sport โมเดลนี้เป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่รหัส 4N15 ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผัน MIVEC เทอร์โบแปรผัน VG-Turbo Intercooler พละกำลัง 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบ/นาที
ระบบส่งกำลังก็เป็นแบบใหม่ จากรุ่นเดิมที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด มาโมเดลนี้เปลี่ยนไปใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ซึ่งแน่นอนว่ามีการเปลี่ยนเกียร์ที่สมูธมากขึ้น และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีกด้วย และไม่ใช่แค่นั้น ยังติดตั้งระบบ G-Sensor มาด้วย ช่วยให้อัตราเร่งดีต่อเนื่อง เกียร์เปลี่ยนนุ่มนวล ลดการกระตุก โดยเซ็นเซอร์จะจับตำแหน่งลาดเอียงหรือทางชันเพื่อการเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสม รวมถึงมีระบบ INC (Idle Neutral Control) ที่จะตัดกำลังที่เพลาขับอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรก ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD มีระบบ HDC (Hill Descent Control) ช่วยชะลอความเร็วเมื่อลงทางลาดชันมาให้ โดยรุ่น 4WD นี้มีโหมดการขับเคลื่อนให้เลือกได้ทั้ง 2H , 4H , 4HLC , 4LLC ก็นับว่าโดดเด่นไม่แพ้ใครในรถกลุ่มเดียวกัน ด้านระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจก็มีทั้งระบบเตือนมุมอับสายตา BSW ไฟเบรกฉุกเฉิน ESS
แต่ที่ลูกค้าชอบมากก็คือระบบ FCM (Forward Collision Mitigation System) ที่ใช้เรดาร์หน้ารถ ตรวจสอบระยะห่างจากรถคันหน้า ถ้าเข้าใกล้เกินไปจะมีสัญญาณเตือน ตั้งระยะห่างได้ 3 ระดับ และอีกระบบก็คือ UMS (Ultrasonic Misacceleration Mitigation System) ที่เป็นการตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเผลอเหยียบคันเร่งรุนแรงในความเร็วต่ำ โดยระบบนี้จะทำงานที่ความเร็วต่ำกว่า 10 กม./ชม. ทั้งนี้เพื่อป้องกันการออกตัวแบบไม่ตั้งใจ (เหยียบคันเร่งพลาด) ช่วยไม่ให้ชนวัตถุด้านหน้าแบบไม่ตั้งใจนั่นเอง ราคาตอนเปิดตัวครั้งแรกของ Pajero Sport โมเดลนี้ในประเทศไทยอยู่ที่ 1,138,000 – 1,399,000 บาท โดยราคาสูงสุดจะเป็นรุ่นท็อป 2.4 GT Premium 4WD ที่มีทุกอย่างที่ผมเพิ่งบอกไป ซึ่งด้วยราคานี้แหละ ทำให้ตอนเปิดตัวรุ่นนี้ขายดีเทน้ำเทท่ากันเลยทีเดียว อีกอย่างคือ Pajero Sport โมเดลนี้ใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตแห่งเดียว ส่งออก 90 ประเทศทั่วโลก
เจ้า Pajero Sport โมเดลนี้ขายดีอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มเปิดตัว จนมาถึงปี 2019 หรือ 5 ปีผ่านไป ทาง Mitsubishi คงเห็นว่ามันน่าจะถึงเวลาที่ต้องทำอะไรกับเจ้ารถรุ่นนี้บ้างแล้ว จึงทำการไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรก โดยหลักๆ คือการเปลี่ยน (ชื่อ) รุ่นย่อย และปรับราคาขึ้น เป็น 1,299,000 – 1,599,000 บาท เครื่องยนต์กับระบบเกียร์ยังคงเหมือนเดิม แต่มีการเติมออปชั่นเข้าไปเพื่อให้คุ้มค่ากับค่าตัวที่แพงขึ้น
โดยรุ่นล่างสุด 2.4 GT 2WD (เปลี่ยนมาจาก 2.4 GLS Ltd.) ได้ระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า เสาอากาศครีบฉลาม เครื่องเสียงเชื่อมต่อ Apple CarPlay / Android Auto มีช่องเสียง HDMI และแอพพลิเคชั่น M-Connect ต่อด้วยรุ่นกลางที่เพิ่มราคาจากเดิม 2 แสนกว่าบาทพร้อมชื่อใหม่ 2.4 GT-Premium 2WD (เพิ่มคำว่า Premium เข้าไป) ได้ของที่นับว่าคุ้มค่ากับเงินที่ต้องเพิ่มเข้าไปอย่างเช่น Adaptive Cruise Control , LCA (Lane Change Assist) เตือนเมื่อเปลี่ยนเลน , RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบช่วยเตือนเมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่บริเวณท้ายรถขณะกำลังถอย และยังมีแอพพลิเคชั่น Mitsubishi Remote Control ที่ติดตั้งบนสมาร์ทโฟน เอาไว้ควบคุมการเปิด-ปิดฝาท้าย แจ้งเตือนสถานะรถ เปิด-ปิดไฟหน้า เปิด-ปิดไฟฉุกเฉิน ล็อคประตู แจ้งเหตุฉุกเฉิน โดยในรุ่นท็อปสุด 2.4 GT-Premium 4WD ได้ออปชั่นทุกอย่างที่กล่าวมา แล้วยังได้ระบบล็อคเฟืองท้าย Diff Lock เสริมมาด้วย
ผ่านไปแค่ปีเดียว ในปี 2020 ทาง Mitsubishi เพิ่มทางเลือกของ Pajero Sport ให้กับลูกค้าด้วยการเพิ่มรุ่นย่อยออกมาอีก1 รุ่น เป็น 2.4 GT-Plus 2WD มาเติมช่องว่างระหว่างตัวล่างและตัวท็อปของรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2WD โดยสิ่งที่เพิ่มเข้าไปจากตัวล่างสุดประกอบด้วย ฝาท้ายเปิด-ปิดไฟฟ้า พร้อม Hand-free Tailgate เปิดฝาท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ หน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มขนาดเป็น 12.1 นิ้วพร้อมรีโมท โดยหน้าจอดังกล่าวมีช่องต่อ HDMI และ USB มาให้ด้วย
แต่ดูเหมือนยอดขาย Pajero Sport จะเริ่มตก หรืออาจเพียงแค่ Mitsubishi นึกสนุกอยากจะปลุกความเป็นตำนานของ RALLIART กลับมาอีกครั้ง ในโปรเจ็กต์รถเวอร์ชั่นตกแต่ง RALLIART ที่เกิดขึ้นในปี 2021 จึงมีทั้ง Triton และ Pajero Sport ซึ่งในโมเดลของ Pajero Sport RALLIART Edition เป็นการเอารุ่น 2.4 GT Plus (รุ่นย่อยที่เพิ่งถูกเพิ่มเข้ามาปีก่อนนั่นแหละ) มาตกแต่ง
โดยอุปกรณ์ตกแต่งก็มีการใช้สีดำที่กระจังหน้า หลังคา ราวหลังคา สปอยเลอร์ เสาอากาศครีบฉลาม และล้อ เพิ่มชุดแต่ง RALLIART กันชนหน้า-หลัง สติกเกอร์ลวดลาย RALLIART เต็มคัน บังโคลน RALLIART สีแดงโดดเด่น ส่วนภายในก็มีพรมปูพื้น RALLIART แต่…ดันเอาหน้าจอสำหรับผู้โดยสารตอนหลังออกเสียอย่างงั้น ซึ่งถ้าดูกันจริงๆ Pajero Sport RALLIART Edition ก็ดูจะไม่ประสบความสำเร็จกับยอดขายสักเท่าไหร่ รถมีวิ่งให้เห็นน้อยมาก ซึ่งพอเดาได้ว่าลูกค้ารถยนต์กลุ่มนี้คงไม่อินกับมอเตอร์สปอร์ตสักเท่าไหร่ หรือไม่ก็คือการตกแต่งอะไรแบบนี้มันไม่ค่อยเข้ากับรถแบบนี้
ดูเหมือนยอดขายจะทรงๆ มานาน ในปี 2024 ทาง Mitsubishi ตัดสินใจเติมของและเปลี่ยนชื่อรุ่นย่อย (4 รุ่นเท่าเดิม) ให้กับ Pajero Sport อีกครั้ง ไม่มี GT แล้ว เปลี่ยนเป็น Prime, Ultra และ Elite แถมปรับราคาบวกเพิ่มเข้าไปอีกเป็น 1,389,000 – 1,689,000 บาท ภายนอกศัลยกรรมหน้าตาใหม่เล็กน้อยด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาดเท่าเดิม 18 นิ้วแต่เป็นลายใหม่ ภายในห้องโดยสารได้พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ดูสปอร์ตมากขึ้น รุ่นย่อย Elite ได้จอมาตรวัดใหม่
แต่ทีเด็ดของการไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้คือ เปลี่ยนเครื่อง และเกียร์! โดยเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่เลย รหัส 4N16 ซึ่งยังคงเป็นดีเซล เทอร์โบแปรผัน อินเตอร์คูลเลอร์ ได้พละกำลังเพิ่มขึ้นมาเป็น 184 แรงม้า (จากเดิม 181 แรงม้า) ส่วนแรงบิดสูงสุดยังคงเท่าเดิมที่ 430 นิวตันเมตร แต่มาในรอบต่ำกว่าเดิมที่ 2,250 นิวตันเมตร ช่วยเรื่องอัตราเร่งที่มาไวขึ้น ที่สำคัญเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้รองรับมาตรฐานไอเสีย EURO 5 ไม่เพียงแค่นั้น ระบบเกียร์อัตโนมัติเปลี่ยนจากเดิมที่เป็น 8 สปีด มาเป็น 6 สปีด ตรงนี้ทาง Mitsubishi ไม่ได้ให้เหตุผลในการเปลี่ยนระบบเกียร์ แต่พอเดาได้ว่าการลดชิ้นส่วนน่าจะทำให้น้ำหนักเบาลง และสปีดที่น้อยลงน่าจะทำให้อัตราเร่งจี๊ดจ๊าดมากขึ้น และดูแลรักษาง่ายขึ้น
ยังครับ!! ยังไม่จบ เพราะเมื่อต้นปี 2025 ที่ผ่านมานี้เอง Pajero Sport ได้รับการไมเนอร์เชนจ์อีกครั้ง ซึ่งผมเดาว่าน่าจะครั้งสุดท้ายแล้วล่ะครับ โดยมีการตัดรุ่นย่อยออกไป 1 รุ่น และเติมอ๊อพชั่นให้รุ่นล่างสุด 2.4 Prime 6AT ประกอบไปด้วย ระบบ BSW แจ้งเตือนจุดอับสายตา ระบบ LCA ช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน RCTA ช่วยเตือนเมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่บริเวณท้ายรถขณะกำลังถอย ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง จอแสดงผลการทำงานขนาด 8 นิ้ว และเพิ่มตัวดันหลัง Power Lumbar Support ให้เบาะคนขับ ก็น่าจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายของ Pajero Sport เจเนอเรชั่นนี้แล้วครับ
และเมื่อไม่นานมานี้มีข่าว (ที่ไม่ลับอีกต่อไป) ออกมาแล้วด้วยว่า Mitsubishi กำลังจะเปิดตัว PPV โมเดลล่าสุดเร็วๆ นี้ และที่กำลังฮือฮาเป็นอย่างมากก็คือ พูดกันว่าจะใช้ชื่อว่า “Pajero” เดี่ยวๆ ไม่มี Sport ต่อท้าย แต่หากใครกำลังคิดว่าการใช้ชื่อ Pajero แล้วมันจะมากับรูปทรงกล่อง Boxy เหมือนก่อนหน้านี้ คุณน่าจะคิดผิดครับ เพราะที่ผมรู้มาคือ มันก็จะเป็น PPV ที่ใช้พื้นฐานจาก Triton รุ่นล่าสุดนี่แหละครับ แต่จะด้วยแผนการตลาด หรืออะไรก็ตามแต่ หรือไม่แน่ Pajero ที่กำลังจะออกมามันอาจจะมีอะไรให้เราว้าว! อีกครั้งก็ได้ ใครจะรู้
และถ้า Pajero ใหม่เปิดตัวภายในปีนี้ ก็ถือว่าเจ้ารุ่นปัจจุบันอยู่ในตลาดมาถึงปีนี้ครบ 11 ปีบริบูรณ์ นับเป็นรถอีกหนึ่งรุ่นที่ขายมาระยะเวลายาวนาน มีทั้งช่วงที่ขายดีสุดๆ และช่วงที่ยอดขายเริ่มดิ่งลง แต่ในระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่เราได้เห็นรถใหม่ป้ายแดงวิ่งอยู่ตลอด ก็ด้วยความที่มันเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีความคุ้มค่ากับราคา รูปร่างหน้าตาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เชย และที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยได้ยินคำตำหนิเรื่องคุณภาพของรถหรือปัญหาจุกจิกจากคนใกล้ตัวผมที่ใช้รถรุ่นนี้เลยนะครับ
