เคยไหมครับที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเอารถรุ่นไหนดีทั้งๆ ที่เป็นรถยี่ห้อเดียวกัน ประเภทเดียวกัน ล่าสุดมีคนโทรมาคุยว่าเลือกไม่ถูกเลย ระหว่างรถกระบะ 2 รุ่นจากฟอร์ด ที่ราคาของ 2 รุ่นต่างกันก็ไม่เยอะประมาณ 2 แสนกว่า คันหนึ่งเป็นขาลุยสายโหด Ranger Raptor 2.0 Bi-Turbo กับกระบะหรูเครื่องแรง Ranger Wildtrak Diesel V6 โดยตัว Ranger Raptor รูปร่างหน้าตาหล่อบึกบึนขาลุยช็อคอัพ Fox แต่ดันแรงน้อยกว่า Ranger Wildtrak Diesel V6 ที่หน้าตาดูเรียบหรู … เห้อ!! มันตัดสินใจยากจริงๆ เอาไงดี …
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ทาง Ford ได้เพิ่มรุ่นย่อยให้ Ranger Raptor เจนเนอเรชั่นล่าสุด จากที่เคยมีแต่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.0 ลิตร Bi-Turbo พละกำลังเกือบ 400 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคาเกือบสองล้านบาท ตอนนี้เติมรุ่นรองลงมาเป็น Ranger Raptor 2.0 Bi-Turbo เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1,769,000 บาท ซึ่งพละกำลังแรงน้อยลง (เยอะ) แต่รูปร่างหน้าตาดุดันเหมือนเดิม แต่ไอ้คำว่าแรงน้อยลง มันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่แรงเอาซะเลยนะครับ เพราะถึงแม้จะลดขนาดเครื่องยนต์ลงมาใช้เป็นดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่แบบ High-Pressure กับ Low-Pressure ก็ยังได้พละกำลังออกมาถึง 210 แรงม้าที่ 3,750 รอบ/นาที พร้อมด้วยแรงบิด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,000 รอบ/นาที และยังใช้ระบบส่งกำลังเหมือนกันคือ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ที่พวงมาลัยมี Paddle Shift มาให้ด้วย ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้อ กับโหมดการขับ Off-Road และโหมด 4 ล้อที่โด่งดังอย่าง 4A ระบบเบรกเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ ปิดท้ายด้วยระบบช่วงล่างตัวเทพอย่าง Fox
ภายนอกยังไงก็ดูภาษีดีกว่า เพราะมันก็ยังเป็น Raptor ทุกกระเบียดนิ้วไม่ได้ตัดออปชั่นอะไรออกไป ไฟหน้ายังสว่าง และทรงเท่ด้วย Matrix LED ตัวถังขยายออกกว้างกว่าตัว Ranger ทั่วไป พร้อมด้วยซุ้มล้ออวบๆ จั้มมั้มน่าเกรงขาม กับยางสไตล์ AT และบันไดข้างที่บึกบึนบ่งบอกความเป็นกระบะขาลุยตัวจริง
ส่วนภายในก็ยังมากับความสะดวกสบายไม่แพ้รถเก๋งหรูที่มีทั้งจอแสดงผลสุดไฮเทคสีสวยขนาด 12.4 นิ้ว มี Wireless Charger เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง และยังเป็นทรงสปอร์ตพร้อมลุยทุกสถานการณ์แบบตัวไม่หลุดจากเบาะเวลากดคันเร่ง หรือตะลุยเส้นทางออฟโรด แถมมีระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC®4A ระบบความปลอดภัยมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง Traction Control พร้อม Electric Brake Booster ระบบ Adaptive Cruise Control พร้อม Stop&Go ระบบเตือนการชนด้านหน้า ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน เตือนจุดอับสายตา และระบบช่วยจอด Active Park Assist
อืม … ครบเรื่องขนาดนี้ แต่อาจติดใจเรื่องความแรง กับความเทอะทะของรูปร่าง ทุกอย่างมันทำให้เจ้า Ranger Raptor มันเป็นกระบะไฮเอน แถมไฮเทคที่สามารถขับใช้งานในเมืองก็ได้ ขับตะลุยก็ดี ซึ่งความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารที่ให้มาก็ครบครัน ที่สำคัญขับไปไหน ยังไงมันก็หล่อกว่ากระบะคันอื่น อันนี้ผมยืนยัน!!
และก่อนหน้านี้ ใครที่กำลังเล็งกระบะตัวเหนือตัวไฮเอน บอกเลยเลือกไม่ยากเพราะเจ้า Ranger Raptor มันตอบโจทย์แน่นอน แต่มาวันนี้ทาง Ford เล่นมาเปิดตัว Ranger เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่อีก 1 รุ่น แถมเกาะกลุ่มลูกค้ากระบะไฮเอนเช่นเดียวกันกับเจ้า Ranger Wildtrak เครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ 250 แรงม้า เฮ้ย! แรงกว่าเจ้า Raptor คันเมื่อกี้ที่พูดถึงไปซะอีก และที่สำคัญคือเสียงเครื่องตัวนี้มันเงียบได้ใจเสียเหลือเกิน นั่งในรถเปิดแอร์ขับชิลๆ แทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องเล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารี
เครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร เทอร์โบ
ส่วนราคาก็เปิดมา 1,519,000 บาท เฮ้ย…ถูกกว่า Raptor ตั้งสองแสนห้า! ยิ่งพอตั้งใจดูรายละเอียด เกียร์ก็เป็นอัตโนมัติ 10 สปีด แต่ไม่มี Paddle Shift หลังพวงมาลัย ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Full-time แถมโหมด 4A เหมือนกันด้วย เฟืองท้ายตัวกลางก็เป็นแบบ Active Center Differential และระบบล็อกเฟืองท้าย Diff Lock ลุยดินลงโคลนได้สบายไม่ส่ายไปส่ายมา แรงบิดล่อไป 600 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ 1,750 – 2,250 รอบ/นาที ล้อ 20 นิ้วสวยหรู โหมดการขับขี่มีมาให้เลือก 6 แบบเลย ทั้ง Normal / Eco / Tow-Haul ลากจูงของหนัก / Slippery ทางลื่น / Mud-Ruts ลงโคลน / Sand วิ่งบนพื้นทราย นี่มันโคตรจะครบเครื่อง
อุปกรณ์ภายนอกก็มาตรฐานเดียวกับ Ranger Wildtrak มีบ่งบอกความแรงเล็กๆ แบบไม่ตะโกนด้วยสัญลักษณ์ V6 บริเวณช่องระบายความร้อนเครื่องยนต์ด้านข้าง แต่ที่เหนือกว่าก็จะมี Zone Lighting ที่เหมาะสำหรับสายแคมปิ้ง ให้ตัวรถเป็นดั่งตะเกียง
ภายในห้องโดยสารเป็นรอง Raptor ตรงที่เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ตัวเบาะนั่งรูปทรงธรรมดาไม่สปอร์ตอะไรมากเน้นนั่งสบายมากกว่า ที่เหลือก็แทบจะเหมือนกันทั้งหมด ส่วนระบบความปลอดภัยก็แทบจะเหมือนกับ Raptor ทั้งหมดขาดเพียงแต่ระบบช่วยจอด Active Park Assist
มาถึงตรงนี้ การที่ Ranger Wildtrak V6 ราคาถูกกว่า Raptor 2.0 Bi-Turbo สองแสนห้า ถ้าไม่นับรูปร่างหน้าตาที่หล่อโหดสู้ Raptor ไม่ได้ มันก็แทบไม่มีอะไรเสียเปรียบเลย แถมเครื่องยังแรงกว่าอีกต่างหาก ส่วนตัวผมมองว่าขึ้นอยู่กับความชอบและจุดประสงค์ในการใช้งานแล้วล่ะครับ ถ้าคุณเป็นคนซื้อรถกระบะราคาขนาดนี้ แล้วต้องการความโดดเด่นที่ไม่ได้เน้นเอาไปขนของ หรือกระบะท้ายอาจจะไม่เคยขนอะไรเลย ตั้งใจเอาไว้ลุยบุกป่าฝ่าดงออกทริปนอกถนนอย่างเดียว ช่วงล่าง Fox ที่เกินกว่าคำว่าไว้ใจได้ หรือไม่อีกกรณีคือไม่ได้ซื้อไปลุยอะไร แต่อยากให้ได้ลุคขาลุยดูแล้วเท่กว่าขับกระบะคันอื่น คำตอบยังไงมันก็ไม่หนีไปจาก Raptor แต่ถ้ามองว่าพละกำลัง 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร มันน้อยไป ก็คงต้องหันไปมองตัว Wildtrack ดีเซล วี6 ส่วนเรื่องความประหยัดน้ำมันสูสีใกล้เคียงกัน แต่ Raptor 2.0 จะกินดุกว่าเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งปัญหาที่คุณจะต้องเจอกับการขับ Raptor โดยเฉพาะในเมืองก็คือ ความกว้างที่มากกว่ารถกระบะทั่วไป ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งานบนถนน และการจอดในช่องจอดหลายๆ แห่งที่ผมเคยเห็นมาแล้วว่า Raptor มันกินเนื้อที่มากจนคันข้างๆ แทบออกจากรถไม่ได้รวมถึงมักจะเห็น Raptor จอดหน้ายื่นออกมามากกว่าคันอื่น
ในขณะเดียวกันถ้ารูปลักษณ์ภายนอกไม่ใช่สิ่งสำคัญที่คุณจะเอาไว้อวดใคร และก็ไม่ได้จะเอารถไปลุยที่ไหน อยากได้รถกระบะที่เพียบพร้อมทุกเรื่องทั้งความอเนกประสงค์ในการใช้งาน ไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะท่วมบ่อย ท่วมไปสิ ลุยได้น้ำไม่เข้ารถง่ายๆ รูปร่างหน้าตาเป็นแนวกระบะหรูหราไฮโซ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในไม่แพ้รถเก๋งหรูๆ แถมเครื่องยังแรงชนิดที่ว่ากระบะควันดำที่แต่งซิ่งแบบไม่สุดหนีไม่ออก Ranger Wildtrak Diesel V6 ก็ตอบโจทย์ได้คะแนนเต็ม และยังมีเงินเหลืออีกตั้งสองแสนห้า เผื่อไว้เติมน้ำมันที่ราคาขึ้นไม่หยุดหย่อน
สุดท้ายผมก็วนกลับมาที่คำถามเดิมว่า?? แล้วจะเลือกรุ่นไหนดี??