PNA GROUP หรือ “กลุ่มพระนครยนตรการ” คร่ำหวอดบนเส้นทางสายอุตสาหกรรมรถยนต์มายาวนาน ผ่านการทำตลาดรถยนต์มาไม่น้อยกว่า 10 ยี่ห้อ เป็นทั้งผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย มีโรงงานผลิตที่ถูกยกย่องให้เป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ชั้นนำมากมายทั้งพลังงานน้ำมันและพลังงานไฟฟ้า

ปีที่ผ่านมาเพิ่งตกร่องป่องชิ้นกับ Leapmotor ค่ายรถจีนรายใหญ่ในเครือ Stellantis คว้าสิทธิ์ดิสทริบิวเตอร์ขายรถยนต์ EV ประเดิมตัวแรก Leapmotor C10 รถเอสยูวีหรูช่วงล่างมาเซราติ แม้ตัวเลขการขายจะกระท่อนกระแท่นไปบ้างจากภาวะการแข่งขันในตลาด EV ที่จีนกระหน่ำราคากันอย่างดุเดือด แต่ก็สามารถประคับประคองเอาตัวรอดมาได้เป็นอย่างดี

ล่าสุดเปิดตัว Leapmotor B10 เอสยูวีในกลุ่ม B เซ็กเมนต์เพิ่มอีกรุ่น มาเที่ยวนี้ระดับราคาเร้าใจเลยทีเดียว ทีมงาน Carzanova สัมภาษณ์พิเศษบอสใหญ่ “ธวัชชัย จึงสงวนพรสุข” กรรมการบริหาร กลุ่มพระนครยนตรการ สะท้อนแนวคิด มุมมองในภาวะที่ตลาดรถยนต์มีการแข่งขันรุนแรงไว้อย่างน่าสนใจ

เขายอมรับว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกำลังซัดกันดุเดือดมาก โดยเฉพาะเรื่องราคา จึงมีความจำเป็นต้องเตรียมกลยุทธ์และแผนงานเชิงรุกไว้อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะการดูแลผู้จัดจำหน่าย และที่ลืมไม่ได้คือ การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ กำหนดราคาขาย และแผนสร้างความมั่นใจด้านบริการ
เชื่อปีหน้าขายทะลุ 1800 คัน
บ้านเรามีผู้เล่นใหม่ในตลาด EV เยอะมาก แล้วแข่งกันหนักหน่วงมากเรื่องราคา แต่เรามั่นใจว่าเป้าหมายยอดขายของ Leapmotor C10 และ B10 ในปี 2569 ทั้ง 2 รุ่นน่าจะทำได้ทะลุ 1,800 คัน C10 ราวๆ 300 คัน B10 ประมาณ 1,500 คัน เหตุผลใหญ่มาจากตอนนี้เรามีดีลเลอร์ทั่วประเทศที่จะมาช่วยขายถึง 15 ราย เป็นของเราเอง 2 โชว์รูมคือ พหลโยธินตรงข้ามตึกช้าง และลาดพร้าว ซึ่งเราเองก็มีแผนขยายดีลเลอร์ให้ครบ 30 แห่งภายใน 2 ปีข้างหน้า

สำหรับ Leapmotor B10 มี 3 รุ่นย่อย รุ่น Life แบตเตอรี่ 56.2 kWh ราคา 688,000 บาท รุ่น Style แบตเตอรี่ 67.1 kWh ราคา 748,000 บาท และรุ่น Design แบตเตอรี่ 67.1 kWh ราคา 788,000 บาท ซึ่งใน 1,500 คัน สัดส่วนยอดขายของแต่ละรุ่นย่อยคือ รุ่นต่ำสุด 10-15% รุ่นกลาง ประมาณ 15% อีก 70% เป็นรุ่นท็อปและที่สำคัญมีรถพร้อมส่งมอบเลย
ราคาที่ตั้งวันนี้ ต้องบอกว่าบริษัทแม่สนับสนุน (Subsidize) เยอะจริงๆ เพื่อให้แข่งขันได้ ตอนนี้ถ้าเทียบราคากับออปชั่น เราดีที่สุดในเซ็กเมนต์ การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากบริษัทแม่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น จริงจัง ที่จะเข้ามาปักธงในตลาดไทยระยะยาว ไม่ใช่แค่มาทำตลาดแบบฉาบฉวยแล้วจากไป
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย B10 เนื่องจากเป็นรถในกลุ่มราคาประมาณ 7- 8 แสนบาท จะเน้นผู้ซื้อที่มีความมั่นคงและมีกำลังซื้อ พรีเมี่ยมหน่อย ไม่ใช่กลุ่มนักศึกษาจบใหม่ เป็นพวกคนทำงานแล้ว ลักษณะที่อยู่อาศัยมีทั้งบ้านและคอนโดฯ
ปีหน้าเสริมทัพด้วย “ไฮบริด”

Leapmotor เป็นบริษัทในเครือ Stellantis ดีลเลอร์ค่อนข้างจะได้เปรียบดีลเลอร์แบรนด์คู่แข่งอื่นๆ เพราะเขาสามารถขายได้หลากหลายแบรนด์ที่อยู่ภายใต้แบรนด์ในเครือ
สำหรับแผนปีหน้าไม่ได้จำกัดอยู่แค่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เท่านั้นแต่จะเสริมทัพด้วยรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกอื่นๆ เข้ามาทำตลาดด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์ไฮบริด เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่มีความหลากหลายมากขึ้น หรือเป็นการบริหารความเสี่ยง ด้วยการกระจายพอร์ตผลิตภัณฑ์ ไม่ได้พึ่งพาแค่ EV เพียงอย่างเดียว ซึ่งถ้ารวมรถรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาเสริมทัพ ยอดขายน่าจะพุ่งไปถึง 2,500 คันต่อปี

โฟกัสรายได้ของดีลเลอร์
เราอยู่กับตลลาดรถยนต์มานาน สิ่งที่เน้นย้ำคือ การเติบโตไปพร้อมกับดีลเลอร์ เป้าหมายเราคือจะมีดีลเลอร์ให้ครบ 30 แห่ง แต่หลายคนคงทราบดีว่า รถยนต์ไฟฟ้า เซอร์วิสไม่เยอะ เพราะฉะนั้นรายได้จากบริการหลังการขายจะน้อยมาก ดังนั้นเราจำเป็นต้องสร้างความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว ผ่านรูปแบบธุรกิจที่แตกต่างไปจากตลาดทั่วไป รวมถึงการลงทุนอย่างจริงจังในด้านบริการหลังการขายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับดีลเลอร์ อย่างแรกคือ ผลตอบแทนทางการเงิน โดยเฉพาะส่วนแบ่งผลกำไรหรือ Margin ของเราสูงกว่าคู่แข่งในตลาด เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาร่วมเป็นดีลเลอร์ แม้จะต้องลงทุนสูงตามมาตรฐานที่วางไว้

อีกโมเดลหนึ่ง เราอยู่ในเครือ Stellantis มีรถยนต์ในเครือหลายหลายยี่ห้อ ทั้งจี๊ป เปอโยต์ ฯลฯ ดังนั้น ดีลเลอร์มีโอกาสที่จะขายได้ทุกแบรนด์ ซึ่งตรงนี้จะทำให้ การคืนทุนของดีลเลอร์ เร็วขึ้น คล้ายโมเดลธุรกิจมัลติแบรนด์
เร่งสร้างความเชื่อมั่นบริการหลังการขาย
ส่วนการลงทุนในบริการหลังการขาย ถือเป็นอีกหนึ่งเสาหลักสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้กับดีลเลอร์และผู้บริโภค เรามีการจัดการอะไหล่ ตอนนี้คลังอะไหล่มีสต๊อกประเภทฟาสต์มูฟวิ่งพาร์ต ครอบคลุมถึง 95% ของรายการอะไหล่ทั้งหมดในปัจจุบัน และแบรนด์ Leapmotor มีฮับอะไหล่ระดับภูมิภาคอยู่ที่มาเลเซีย หากต้องสั่งอะไหล่จากฮับที่มาเลเซีย จะใช้เวลาขนส่งมาถึงไทยประมาณ 2 วันเท่านั้น

โดยประเภทอะไหล่ตัวถัง เช่น ประตู, ฝากระโปรง เตรียมพร้อมไว้สำหรับรถทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาด เพื่อให้การซ่อมทำได้เร็วขึ้น เรายังเปิดครอสอบรมช่างเพื่อรองรับรถยนต์ในรุ่นต่างๆ พร้อมส่งทีมช่างเทคนิคไปอบรมพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ช่างมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีและขั้นตอนการซ่อมบำรุงรถทุกรุ่น
โรดโชว์สร้างการรับรู้แบรนด์กระตุ้นกำลังซื้อ
อีกอย่างที่เราทำแล้ว คือ กิจกรรมโรดโชว์ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ใช้ในการกระตุ้นการขาย สร้างการรับรู้แบรนด์และกระตุ้นยอดจองได้เป็นอย่างดี ตัว C 10 ที่ผ่านเห็นได้ชัด ดังนั้น B10 เร็วๆ นี้จะมีการรจัดโรดโชว์ทั่วประเทศ ลูกค้ามีโอกาสมาลองสัมผัสรถจริง ๆ เรามีแผนเพิ่มจำนวนและพื้นที่ในการออกโรดโชว์ให้มากขึ้น โดยเฉพาะในระดับจังหวัด ดีลเลอร์ในเครือข่ายเองสามารถเข้าร่วมกิจกรรมโรดโชว์ ตามห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ของตนเอง กิจกรรมเหล่านี้จะมีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นยอดจอง เรามีตัวอย่าง โปรโมชั่นจอง 1,010 บาท รับส่วนลด 10,000 บาท ช่วงก่อนเปิดตัว B10 ผลตอบรับดีมากยอดจองเข้ามาเกินเป้าหมาย ที่กำหนดไว้ ซึ่งสะท้อนว่าตลาดให้ความสนใจ และโปรโมชั่นดังกล่าวอาจมีการขยายระยะเวลาออกไปอีกแม้ว่าจะหมดช่วงเวลาที่กำหนดแล้วก็ตาม

กวาดรายได้ทั้งกรุ๊ป 2 หมื่นล้าน
ตลาดรถยนต์ปีนี้ ถ้าให้ประเมิน ทั้งตลาดน่าจะอยู่ราวๆ 5 แสนกว่าคัน ส่วนตลาดEV น่าจะสัก 8 หมื่นคัน แน่นอนว่า PNA ยังเน้นคอร์บิสซิเนส คือรถยนต์ ยังโฟกัสในสิ่งที่ถนัด ตอนนี้ PNA ขายรถอยู่ 10 กว่ายี่ห้อ ได้แก่ อีซูซุ, ฮอนด้า, วอลโว่, ฟอร์ด, มิตซูบิชิ,เกรท วอลล์ฯ, มาสด้า, โอมาดะ/เจคู และ Leapmotor ส่วนเชฟโรเลตยังให้บริการหลังการขายเป็นศูนย์เอซี เดลโก้

ยังมีธุรกิจสินเชื่อรถมือสอง, ธุรกิจรถเช่า ไทย เพรสทิจ เร้นท์ เอ คาร์, โรงงานประกอบรถยนต์ บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี, มีบริษัท ยูไนเต็ด โอโต เซลส์ ทำตลาดฟลีตและงานประมูลองค์กรขนาดใหญ่, มีศูนย์ PDI ตรวจสอบรถยนต์อย่างละเอียดก่อนส่งมอบ แต่ละธุรกิจจะรองรับซึ่งกันและกัน เอื้อประโยชน์ต่อกัน ทำให้ PNA กลายเป็นค้าปลีกรถยนต์แบบครบวงจร กวาดรายได้ทั้งกรุ๊ปทะลุ 2 หมื่นล้านบาท