เอ่ยถึงงาน Japan Mobility Show ต้องบอกผูกพันธ์กับคนไทยมานานหลายสิบปี และถือเป็นงานที่มีผู้ชมชาวไทย ทั้งผู้ประกอบการ และสื่อมวลชนไปร่วมมากกว่าทุกงานในโลก ปีนี้สปอร์ตไลต์ฉายแสงไปที่บูธ “โตโยต้า” เนื่องจากกระแสที่ผ่านมาท่านประธานใหญ่ อากิโอะ โตโยดะ ส่งสัญญาณกับสาธารณชนทั่วไปว่า โตโยต้าจะมีเซอร์ไพร์ซ โดยเฉพาะการรีแบรนด์ร่วมถึงการเปิดแบรนด์ใหม่ๆ

วันเปิดงานรอบสื่อมวลชน “มร.มาซาฮิโกะ มาเอดะ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชียของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนจากประเทศไทยไว้อย่างน่าสนใจ ตั้งแต่การวางแผนเปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้ามากกว่า 10 รุ่นในเอเชียภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยโตโยต้าจะสร้างความเข้มแข็งในคำมั่นสัญญาที่มีต่อวิสัยทัศน์ “Mobility For All” ทั่วทั้งเอเชีย ผ่านแนวทาง Multi-Pathway ด้วยการนำเสนอโซลูชันการขับขี่มลพิษต่ำและไร้มลพิษ

โตโยต้ามุ่งมั่นตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าในเอเชียได้ภายใต้หลักการ 3 ประการ ได้แก่ “ดีที่สุดในเมือง(Best in Town)” “ลูกค้ามาก่อน(Customers Comes First)” และ “เริ่มต้นด้วยการลงมือทำ(Start by Doing)”

โตโยต้าในเอเชียจะขยายไลน์ผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฮบริดไฟฟ้า (HEVs) ราคาประหยัด เพื่อขับเคลื่อนการขยายฐานการผลิตรถยนต์ไฮบริดไฟฟ้าตามแนวทาง “Multi-Pathway” และจะเริ่มการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEVs) ในประเทศไทยและอินโดนีเซียภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงอีกสามปีข้างหน้า โตโยต้าตั้งเป้าที่จะเปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้า (xEV) เพิ่มอีกกว่า 10 รุ่นทั่วเอเชีย

โตโยต้าในเอเชียยังได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ xEV ผ่านพันธกิจ “30 by 30 Mission” โดยตั้งเป้ายอดขาย xEV 30% ในภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2030 ทำให้ยอดขาย xEV สะสมในภูมิภาคจะทะลุ 1.5 ล้านคัน ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 25 ล้านต้น หรือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 8 ล้านตัน
มองลูกค้าเป็นศูนย์กลาง
บริษัทมีความมุ่งมั่นในการนำเสนอรถยนต์หลายรุ่นเพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือก และเชื่อในหลักการ “mobility for all” โดยเน้นการทำในสิ่งที่เชื่อว่าเป็นความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าและสถานการณ์ที่แท้จริงของตลาด หลักการนี้รวมถึงการเป็น Multiple Partway ของ Energy ด้วย

แม้ว่าตลาดในประเทศไทยมีความไม่แน่นอนและนโยบายของรัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับการดูว่าลูกค้าในประเทศนั้นๆ ต้องการอะไรเป็นหลัก อาทิ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์มีความสดใหม่อยู่เสมอ และนำเสนอของใหม่ ๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะลูกค้าชาวไทยชอบของใหม่ ๆ
ยกตัวอย่างเช่น เร็วๆ นี้ประเทศไทยจะถูกเลือกให้เป็นฐานการผลิต Land Cruiser FJ ซึ่งถือเป็นน้องคนเล็กของกลุ่ม Land Cruiser เชื่อว่า การผลิตรถหลายร้อยรุ่น รวมถึง Land Cruiser FJ ในประเทศไทย จะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดีขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก และทำให้ GDP ของประเทศกระเตื้องขึ้นอย่างแน่นอน

เรามั่นใจกับเครือข่ายซัพพลายเชน ในประเทศไทยมีความเข้มแข็ง ซึ่งพัฒนามามากกว่า 20 ปี รวมถึง Tier 2, Tier 3, Tier 4 ทำให้ประเทศไทยสามารถส่งออกรถยนต์ เช่น Hilux มาที่ประเทศญี่ปุ่นได้ บริษัทมีความต้องการที่จะรักษาตลาดของประเทศไทยไว้ อย่างต่อเนื่องแม้หลายคนจะมองว่า ช่วงหลังรัฐบาลไทยให้น้ำหนักกับประเทศอื่นๆ มากว่าญี่ปุ่นก็ตาม
บริษัทยังให้ความสำคัญกับทุกพลังงงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของรถ Hybrid ซึ่งอนาคตคาดว่าสัดส่วนของ Hybrid จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และจะรุ่นใหม่ๆ มาเพิ่มเติม นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์เชื้อเพลิงทางเลือก เช่น CNG, ไฮโดรเจน, เชื้อเพลิงไบโอ โดยเฉพาะ CNG ยังเป็นทางเลือกหนึ่งที่ยังคงมีอยู่ตามหลัก Multiple Partway

ผมมองว่า การสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน มีความพยายามที่จะสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนผ่านทางเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยคาดหวังให้ภาคส่วนต่างๆ เช่น ภาคเอกชน บริษัทน้ำมัน ภาครัฐ จะเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานโยบายและพลังงานทางเลือก
ไม่หวั่นตลาด BEV

ค่ายรถญี่ปุ่นยังมองว่า BEV ยังไม่ใช่คำตอบ เราเชื่อว่าคนไทยชอบความหลากหลาย ชอบของใหม่ๆ และความสดใหม่ของโมเดลใหม่ เราไม่ห่วงผลกระทบจากราคาที่คู่แข่งทำอยู่ตอนนี้แม้ว่าลูกค้ามักเลือกสิ่งที่ถูกกว่าก็ตาม แต่กรณีที่รถยนต์แบตเตอรี่ EV มีต้นทุนค่าใช้เชื้อเพลิงที่ถูกกว่าการใช้น้ำมัน ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อประกอบกับ ความผันผวนของนโยบายรัฐบาลไทย โดยเฉพาะด้านพลังงานมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและไม่เคยนิ่ง ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเกิดขึ้น แม้ว่าจะมีมาตรการสนับสนุน EV แต่ก็มีความเสี่ยงที่ลูกค้ากังวล เช่น ค่าประกันรถยนต์ที่แพงกว่ารถ ICE หรือ Hybrid และราคาขายต่อที่แทบจะไม่มีราคาเหลือเลย
สำหรับโตโยต้าจะมีรถพลังงานทางเลือกใหม่ที่เป็น BEV โดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะในไทยจะเปิดตัวเมื่อไหร่ ขอให้ทุกคนเตรียมตัวได้เลยเพราะในระยะเวลาอันใกล้นี้จะมีข่าวดีแน่นอน
Land Cruiser FJ เครื่องยนต์ดีเซล อดใจรออีกนิด

สำหรับ Land Cruiser FJ ที่ผลิตในประเทศไทย เราต้องการเน้นให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย แตกต่างจาก Land Cruiser 250 หรือ 300 ซึ่งเข้าถึงได้ยากทั้งเรื่องการส่งมอบและราคา หลายคนชอบถามว่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซลจะมีมั้ย ปัจจุบันยังไม่มีแผนที่ชัดเจน แต่ในอนาคตคงจะมีการพัฒนาดีเซลขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า แม้การพัฒนาดีเซลอาจมีต้นทุนที่สูงขึ้นเนื่องจากมาตรฐานควันเสียที่เข้มงวด
ส่วนการแชร์ชิ้นส่วนทั่วไปกับ Hilux น่าจะอยู่ประมาณ 50% แต่ส่วนประกอบภายใน และความเป็น Land Cruiser FJ จะถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่การออกแบบเน้นความ “Agressive” และสร้างเทรนด์ใหม่ที่มีความเป็นเหลี่ยมมากขึ้นเพื่อตอบสนองลูกค้าที่เริ่มเบื่อแบบเดิมๆ
มาแน่ Century SUV
อีกเรื่องที่เราอยากเสริมคือ การยกระดับแบรนด์ Century ซึ่งเดิมเป็นชื่อบริษัทที่ผลิตรถยนต์ถวายราชสำนักญี่ปุ่น ไม่ใช่แบรนด์ทั่วไป ปัจจุบันกำลังถูกยกระดับให้เป็นแบรนด์ระดับ “One of One” ที่เป็นที่สุดของ Toyota เหนือกว่า Lexus โดยอาจมีรุ่น SUV เพิ่มเติม การยกระดับนี้จะทำให้ Lexus มีอิสระมากขึ้นในการพัฒนาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย แบรนด์ Century จะมีวางจำหน่ายในภูมิภาคเอเชีย โดยต้องมีผู้เชี่ยวชาญ (Master) ประจำอยู่ในประเทศนั้นๆ เพื่อรักษาเอกลักษณ์และมาตรฐานของแบรนด์

สุดท้ายแม้ว่าผู้บริหารของโตโยต้าจะแสดงออกถึงมุมมองที่ซับซ้อนต่อตลาดประเทศไทย โดยยังมีความกังวลต่อสภาวะทางเศรษฐกิจและความผันผวนของนโยบาย แต่ในขณะเดียวกันก็มั่นใจอย่างยิ่งในศักยภาพของประเทศและแสดงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะอยู่และพัฒนาฐานการผลิตในประเทศไทยในระยะยาว ด้วยการลงทุนทั้งการผลิต พัฒนาบุคลากร และซัพพลายเชน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์และพลังงานทางเลือกที่หลากหลาย โดยยึดหลักความต้องการที่แท้จริงของลูกค้าเป็นสำคัญ ท่ามกลางแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
 
 


 
 










