เป็นข่าวกระหึ่มไปทั่วโลก หลังจาก BYD ประเทศจีน ประกาศลดราคาครั้งใหญ่ รถยนต์ในเครือสูงสุดกว่า 30% ตลอดเดือนมิถุนายนปีนี้

ประกอบด้วย BYD Seagull ราคาเดิม 69,800 หยวน เหลือ 55,800 หยวน ลดลง 20% BYD Dolphin จาก 99,800 หยวน เหลือ 77,800 หยวน หรือลดลง 22% BYD Seal 07 DM-i จาก 155,800 หยวน เหลือ 102,800 หยวน ลดลง 34% และ BYD Qin Plus DM-i จาก 79,800 หยวน เหลือ 63,800 หยวน หรือลดลง 20%

การลดราคาครั้งนี้นักการตลาดหลายคนมองว่า จะกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนอย่างหลีกเลียงไม่ได้ และสะท้อนให้เห็นถึงต้นทุนการผลิตของจีนซึ่งต่ำมาก พร้อมเชื่อว่าเร็วๆ นี้ผู้ผลิตรายอื่นๆ คงต้องปรับตัวลดราคาตามลงมาอย่างแน่นอน เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของตัวเองเอาไว้

นอกจากนี้การลดราคาของ BYD ครั้งนี้ยังฉุดให้ราคาหุ้นของรถยนต์จีนล่วงอุตลุด โดยเฉพาะ BYD ลงลงสูงถึง 7%, Gelly ลดลง 7% GWM ลดลง 5% Xpeng ลดลง 3%

การลดราคาเดือดของ BYD ครั้งนี้ ยังน่าจะมีโอกาสลุกลามไปยังประเทศอื่นๆ ที่ผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนเข้าไปทำตลาดรวมถึงประเทศไทย ซึ่ง BYD เคยมีประสบการณ์มาแล้วหลายครั้งด้วยเหตุผลทางการตลาดหลายด้าน โดยเฉพาะข้ออ้างเรื่องสต็อกบวม โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมา

ทั้งนี้เมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมาผู้บริหาร BYD ประกาศเป้าหมายการขายรถยนต์ทั่วโลกไว้สูงถึง 5.5 ล้านคันหรือเติบโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่หลังจากเผชิญปัญหาสงครามการค้า รวมถึงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้ยอดขาย 4 เดือนแรกของ BYD เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สงครามราคาเดือดในจีนครั้งนี้คงไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะสะเทือนอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศจีนแล้ว แรงกระเพื่อมครั้งนี้อาจจะกระทบตลาดรถยนต์ในประเทศไทย…ไม่อยากให้กระพริบตา













