งาน Japan Mobility Show 2025 ที่จะจัดขึ้นที่ Tokyo Big Sight เขตอารียาเกะ กรุงโตเกียว ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 9 พฤศจิกายน 2025 นี้ ผู้เข้าชมงานไม่เพียงแค่ได้สัมผัสรถยนต์รุ่นใหม่ คอนเซ็ปต์คาร์ที่ค่ายรถยนต์แต่ละแบรนด์นำเสนอเท่านั้น แต่ยังรวมถึง “mobility” ในความหมายที่กว้างขว้าง ทั้งยานพาหนะทั่วไป เทคโนโลยีการเคลื่อนที่ รวมถึงรูปแบบใหม่ของการเดินทางที่หลากหลาย

ปีนี้ “โตโยต้า” ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นไม่ทำให้ผิดหวัง เตรียมเปิดตัวแบรนด์รถยนต์ระดับอัลตราลักเซอรี่ “CENTURY” พร้อมปรับกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อเพิ่มความชัดเจนในการทำตลาดของทั้ง 5 แบรนด์ในเครือ ซึ่งได้แก่ เซนจูรี่ (CENTURY), เลกซัส (LEXUS), โตโยต้า (TOYOTA),ไดฮัดสุ (DAIHATSU) และ จีอาร์ (GR) โดยแบรนด์ GR จะไม่ได้จัดบูธอวดโฉมในงาน Japan Mobility Show ครั้งนี้ แต่จะถูกนำไปจัดบูธโชว์ที่งานโตเกียว ออโต ซาลอน (Tokyo Auto Salon) ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมปีหน้า เพราะตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่า

“อากิโอะ โตโยดะ” ทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล ระบุว่าที่โตโยต้าต้องให้ความสำคัญกับการสื่อสารของแต่ละแบรนด์ให้มีความชัดเจนขึ้น ไม่ใช่แค่ผลทางการตลาด แต่เป็นกลยุทธ์ Brand Architecture Strategy ที่สะท้อนทิศทางใหม่ของโตโยต้า หลังเข้าสู่ยุค EV + Mobility + ความยั่งยืน
ในช่วง 2024–2030 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก โตโยต้าจึงต้องทำให้แต่ละแบรนด์ในเครือมีตัวตนชัดเจน (brand identity clarity) เพื่อป้องกัน “การทับซ้อนตลาด” และ “การสับสนของผู้บริโภค” ระหว่างแบรนด์
แบรนด์ Century กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ Ultra-Luxury (VIP) จุดยืนและแนวคิดหลัก “Japanese Nobility Reimagined” หรูหราขั้นสูงสุด เทียบคู่แข่งอย่าง Rolls-Royce เลยทีเดียว
แบรนด์ Lexus กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ พรีเมียม จุดยืนและแนวคิดหลักเป็น “Electrified Luxury” หรูหรา เทคโนโลยีสูง และกำลังขยับไปสู่ EV แบบเต็มตัวในปี 2035
แบรนด์ Toyota กลุ่มเป้าหมายหลัก เน้นเจาะตลาดลูกค้าทั่วไป จุดยืนและแนวคิดหลักคือ “Mobility for All” เข้าถึงง่าย ขุมพลังหลากหลายพลังงาน (ICE, HEV, BEV และ FCEV)
แบรนด์ Daihatsu กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ รถเล็ก ใช้ในเมือง และเป็นตลาดเกิดใหม่ จุดยืนและแนวคิดหลัก “Compact Mobility for Everyone” เป็น EV ขนาดเล็กแบบ K-car
ส่วนแบรนด์ GR (Gazoo Racing) ที่จะไปโชว์ตัวในงาน Tokyo Auto Salon 2026 กลุ่มเป้าหมายหลักคือลูกค้าที่ชอบความสปอร์ต รถสมรรถนะสูง จุดยืนและแนวคิดหลัก “Passion & Performance” โดยนำเทคโนโลยีจากสนามแข่งสู่ถนนจริง
ทั้งนี้บนเวที Japan Mobility Show 2025 นี้ ผู้เข้าชมงานจะได้พบความอลังการของทั้ง 4 แบรนด์
แบรนด์แรก Century จากที่เคยเป็นรุ่นรถพิเศษที่ผลิตมาเพื่อราชสำนัก ที่ตอนนี้มากับการเปิดตัวเป็นแบรนด์ใหม่ ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ โดยมากับคอนเซ็ปต์คาร์ที่มีชื่อว่า “One of One” มีดีไซน์ทั้งรถคูเป้ ซีดาน และเอสยูวี โดยขุมพลังยังไม่เปิดเผยชัดว่าขับเคลื่อนด้วยอะไร แต่น่าจะเป็น EV จุดประสงค์เพื่อแสดงภาพแบรนด์ Century ในฐานะแบรนด์หรูระดับสุดยอด พร้อมบอกทิศทางอนาคตของโตโยต้า
แบรนด์ที่ 2 Lexus เรียกว่า LS Concept Van ซึ่งมีการดีไซน์แบบ 6 ล้อ ด้านหน้า 2 ล้อ ด้านหลัง 4 ล้อ รวมเป็น 6 ล้อ เน้น “Luxury Space” มากกว่าสมรรถนะแบบสปอร์ต ให้ความสำคัญกับห้องโดยสาร ขนาดใหญ่ ความสะดวกสบาย และที่แน่นอนเป็นขุมพลังไฟฟ้า ส่วนอีกคันเป็น LEXUS LS Coupe Concept ที่มาพร้อมความโดดเด่นของรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยวและภายในที่กว้างขวาง
แบรนด์ที่ 3 Toyota  ซึ่งถือเป็นแบรนด์หลัก และต้องการสะท้อนภาพ “TO YOU” คือเข้าถึงผู้คนทั่วไปแบบหลากหลาย ซึ่งในงานนี้สะท้อนให้เห็นอย่างแท้จริง เพราะมีคอนเซ้ปต์มาโชว์เพียบ หนึ่งในคอนเซ็ปต์ที่เตรียมไว้คือ “Next-generation Corolla Concept” ซึ่งคาดว่าจะเป็นรถไฟฟ้าซีดานดีไซน์ใหม่ และที่ขาดไม่ได้คือ “Land  Cruiser FJ” รถออฟโรดสไตล์ Boxy ในโครงการ IMV ที่ผลิดในประเทศไทย และส่งขายทั่วโลก รวมไปถึง ”LAND HOPPER” รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล เหมาะใช้งานในเมือง และการท่องเที่ยว โดยสามารถเป็นจักรยานในระหว่างการเดินทาง แถมมีสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดด้วยช่วงล่างที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Land Cruiser “IMV ORIGIN” รถบริการชุมชนท้องถิ่น ดีไซน์เรียบง่ายที่ใครๆ ก็สามารถประกอบและซ่อมแซมได้
นอกจากนี้ยังมี “KAYOIBAKO” รถมินิแวนเพื่อการทำงานและพักผ่อน “KAYOIBAKO-L” รถตู้เชิงพาณิชย์ ที่มีดีไซน์แตกต่างอย่างน่าสนใจ “KAYOIBAKO-XL” รถตู้ทางการแพทย์ ที่อำนวยความสะดวกในการติดต่อสื่อสารทางไกล รวมไปถึง “CHIBIBO” หุ่นยนต์พาร์ทเนอร์คู่หูการเดินทางระยะใกล้ โดยเป็นหุ่นยนต์สี่ขาที่ทำงานร่วมกับมนุษย์ และยานพาหนะของระบบโลจิสติกส์ จัดส่งพัสดุ ด้วยการเคลื่อนที่ในตรอกแคบๆ และสามารถขึ้นลงบันไดแบบที่ยานพาหนะอื่นไม่สามารถทำได้ “walk me” โมบิลิตี้ที่สามารถเคลื่อนไหวได้คล่องตัวแบบ 4 ขา เพิ่มระยะการเคลื่อนไหวในชีวิตประจ าวัน เคลื่อนไหวได้ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร โดยไม่ต้องกังวลเรื่องบันไดหรือพื้นผิวที่ไม่เรียบ
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ยังมี “KB LIFTER” รถยกขนส่งสินค้าเคลื่อนที่ กะทัดรัดแต่ทรงพลัง ยกสินค้าได้สูงถึง 150 ซม.”coms-x” โซลูชันการเคลื่อนย้ายแบบใหม่เหมะสำหรับการขนส่งในระยะใกล้ ปลอดภัยและใช้งานง่าย “KAGO-BO” แท็กซี่แบบใหม่มีพื้นที่เปิดโล่งสะดวกสบายเป็นพิเศษ โดยคำนึงถึงผู้โดยสาร
ขณะที่สายลุยก็มี “challenge me” เก้าอี้เคลื่อนที่ไฟฟ้าพาร์ทเนอร์การเดินทางสายลุยกับเส้นทางที่ไม่เคยสำรวจมาก่อน สำหรับคอกีฬาก็มี “boost me” ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับกีฬาอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยดีไซน์แบบแฮนด์ฟรี ช่วยให้ใช้งานได้หลากหลาย กับกีฬาหลายประเภท ควบคุมการเคลื่อนไหว ผ่านการโยกตัว การขยับ การยืด และการก้มตัว ด้วยแกนกลางลำตัวของผู้ขับขี่
ในส่วนของเด็กๆ โตโยต้าก็มีนำเสนอ “TOYOTA KIDS mobi” AI ที่ช่วยในการฝึกพัฒนาการของเด็กๆ ในการเคลื่อนไหวไปสู่เป้ าหมายสูงสุดของ AI x Robotics ปิดท้ายด้วย “CYBER LOVE” เครื่องจักรพิเศษที่นำทางโลก AR ด้วยวิทยุที่ขับเคลื่อนด้วย AI อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น จอแสดงผลแบบเต็มหน้าจอ
ซึ่งทั้งหมดนี้คือต้นแบบของโตโยต้าที่นำเสนอในงานครั้งนี้
แบรนด์ที่ 4 DAIHATSU กับคอนเซ็ปต์คาร์ที่ชื่อ Midget X รถขนาดเล็ก (micro-vehicle) แบบ LCV เพื่อการพาณิชย์ ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เน้นใช้งานในเมือง, ขนส่งบริเวณใกล้เคียง, มีห้องโดยสาร 3 ที่นั่งวิ่งได้ 150 กม. โดยต้องการแสดงวิสัยทัศน์ของ Daihatsu ในการพัฒนา EV ขนาดเล็กสำหรับเมือง ซึ่งตอบโจทย์ตลาดญี่ปุ่นและเอเชีย
นอกจากนี้ยังมี K-OPEN RUNNING PROTOTYPE รถยนต์ต้นแบบ pre-production ที่สร้างขึ้นด้วยจิตวิญญาณ ความสนุกในการขับขี่ของ COPEN ไปสู่อนาคต งาน Japan Mobility Show 2025 ถือเป็นเวทีใหญ่ที่สะท้อนการเปิดตัวแนวคิดใหม่ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่สำคัญว่าแบรนด์ในเครือโตโยต้า กำลังคิด และกำลังเดินหน้าไปสู่อนาคต อย่างไร
 
 


 
  
  
  
  
  
  
  
  
  
 










