วันก่อนค่ายโตโยต้ารายงานสถิติภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศไทย 9 เดือนแรกขายได้ 447,969 คัน เพิ่มขึ้น2.1%จากช่วงเดียวกันปีก่อนอาจจะดูไม่หวือหวาเท่าไหร่แต่ต้องสะดุดตากับยอดขายเฉพาะเดือนกันยายน ซึ่งมีปริมาณพุ่งปรี๊ดเกือบ 5 หมื่นคัน โตพรวดพราดถึง 23.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันปีที่แล้ว เรียกว่าเติบโตอย่าง “มีนัยสำคัญ” เลยทีเดียว

วันนี้ CARZANOVA พาไปหาคำตอบ อะไรนะเป็นตัวเร่ง และรถยนต์กลุ่มไหนที่เป็นพระเอกของผลงานครั้งนี้

หากพิจารณาจากสถิติจะมีรถยนต์ 2 กลุ่มหลักซึ่งมีการเติบโตแข็งแกร่ง ได้แก่ กลุ่มรถยนต์นั่งซึ่งมียอดขาย19,671คันขายเพิ่มขึ้น 25.5%และตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ปรับตัวดีขึ้นด้วยยอดขาย28,679 คัน เพิ่มขึ้น 24.4%การเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดรถยนต์นั่งและรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ทำหน้าที่เหมือนเป็นพระเอกที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดรวมทั้งหมดให้ทะยานขึ้นไปข้างหน้าได้มากถึง 23.8%

เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราไปเจาะลึกลงไปถึงแต่ละแบรนด์ เริ่มจากหมวดรถยนต์นั่ง แบรนด์ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ได้แก่ โตโยต้า ขายได้ 6,848 คัน โตขึ้น 46% อันดับ 2 เป็นฮอนด้า 3,036 คัน โตขึ้น 11.4% และอันดับ 3 เอ็มจี 1,650 คัน ซึ่งก้าวกระโดดอย่างน่าสนใจมากถึง 84.6% โดยในรายงานยังระบุว่ารถยนต์ในกลุ่มHEVหรือรถยนต์ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามียอดขายสูงถึง12,756คันเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึง73.45%

ประเด็นนี้ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรถยนต์วิเคราะห์ว่า การเติบโตที่แข็งแกร่งเป็นผลมาจาก แต่ละแบรนด์นำเสนอความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง มีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเสริมและเพิ่มความรุนแรงของการแข่งขันในตลาดโดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ญี่ปุ่น อาทิ YARIS ATIV HEV ซึ่งมีการปรับขนาดของเครื่องยนต์จาก 1.2 ลิตร เป็น 1.5 ลิตร และนำเทคโนโลยีไฮบริดจุดเด่นสำคัญของโตโยต้าใส่เข้าไป สามารถพัฒนาอัตราการสิ้นเปลืองได้มากถึง 29.4 กม./ลิตร แค่เดือนแรกฟันยอดขายหลายพันคันจากที่ตั้งไว้ทั้งปี 20,000 คัน


รวมถึงรถยนต์ EV จากจีนที่พยายามชูจุดขายด้านราคา อาทิ JAECOO 5 EV เปิดตัวเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2568 ฟันยอดจองได้กว่า 5,000 คัน ขณะที่ MG 4 ก็ดันยอดขายได้ค่อนช้างดีจากแพ็กเกจดูแลรถแบบไลฟ์ไทม์วารันตี ซึ่งเหล่านี้เป็นตัวเร่งกำลังซื้อมากกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในวงกว้าง

ไม่ต่างจากกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งทั้งตลาดโตขึ้น 24.4% แบ่งเป็นโตโยต้า 11,624 คัน เพิ่มขึ้น 9.5% ฮอนด้า 2,056 คัน ซึ่งเติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 119% ขณะที่ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน แม้จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 2.7% แต่ด้วยวอลลุ่มของตลาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้จัดเป็นอีกแรงส่งสำคัญโดยมีแบรนด์ที่ยังคงมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งและมีการเติบโตเป็นบวกมาโดยตลอด อาทิ โตโยต้า 6,602 คัน เพิ่มขึ้น 1.8%



ดังนั้นถ้าจะให้ฟันธงว่า การเพิ่มขึ้นของยอดขายรวมในเดือนกันยายน 2568 นั้นได้รับแรงหนุนหลักจากยอดขายรถยนต์นั่งของโตโยต้าที่เพิ่มขึ้น 46% และยอดขายรถยนต์นั่งของเอ็มจีที่เพิ่มขึ้นถึง 84.6% รวมถึงยอดขายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ของฮอนด้าที่ก้าวกระโดดถึง 119% บวกกับความสำเร็จของกลุ่มรถยนต์ไฮบริดและรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่โตไม่หยุดถึง 73.45%


รวมพลังกันเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันตลาดโดยรวมขยายตัวไปถึง 23.8% ก็คงไม่ผิดอะไร



 












