โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย แถลงสถิติการขายรถยนต์ปี 2567 พร้อมคาดการณ์ตลาดปี 2568 ว่า ภาพรวมยังคงอยู่กับสถานการณ์ที่ท้าทาย โดยปี 2567 ทั้งประเทศมีขายรถยนต์เพียง 572,675 คัน ลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับปี 2566 และเซกเมนต์ที่กระทบหนักสุดคือ ตลาดปิกอัพ ซึ่งหดตัวไปกว่าเกือบ 40% จากปัจจัยหลายด้าน อาทิ กำลังซื้อที่ลดลงซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจ รวมถึง ค่าครองชีพ อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่สูง ตลอดจนความเข้มงวดของมาตรฐานในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน

ส่วนปี 2568 มองมุมบวกสถาณการณ์คงดีขึ้นเล็กน้อย หลายเรื่องได้รับการผ่อนคลาย และมีแรงหนุนด้านอุปสงค์จากกิจกรรมในภาคธุรกิจและการลงทุนที่จะกระเตื้องขึ้น ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นความต้องการใช้รถยนต์ให้สูงขึ้น นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่าย การขยายตัวของการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมภายในประเทศและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการผลักดันมาตรการสนับสนุนของภาครัฐที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ รวมถึงกลยุทธการส่งเสริมการขายและสงครามราคาจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ต่างๆที่ทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้น


นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา อาทิ การที่ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (HEV) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เป็นแรงส่งสำคัญในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัว เห็นได้จากการที่รถยนต์ไฮบริดในไทยมียอดจำหน่ายเพิ่มเกือบ 30% แสดงให้เห็นถึงทางเลือกเทคโนโลยีของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น คาดการณ์ว่าปี 2568 ประเทศไทยจะขายรถได้ถึง 6 แสนคัน เติบโตขึ้น 5% ส่วนโตโยต้า ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน เพิ่มขึ้น 5% ส่วนแบ่งตลาด 38.5% โดยตลาดรถยนต์นั่งยังเป็นหัวหอกสำคัญ ในขณะที่ตลาดปิกอัพยังต้องลุ้นและมั่นใจว่าจะสามารถประคองตลาดให้ติดลบไม่เกิน 5%

ขณะที่ตลาดส่งออกยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบด้านภูมิรัฐศาสตร์ ภาวะสงคราม และมาตรการด้านภาษีของคู่ค้า ส่งผลให้โตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์ 336,184 คันลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2568 อยู่ที่ราว 537,860 คัน เพิ่มขึ้นเพียง 0.3% จากปีที่ผ่านมา

ส่วนแนวทางการทำงาน โตโยต้ายังให้ความสำคัญกับ Quality, Durability and Reliability หมายถึงคุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ

คุณภาพ (Quality) โตโยต้ามุ่งมั่นในการผลิตยานยนต์ที่มีคุณภาพสูง ทั้งในด้านการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ และกระบวนการผลิต รวมถึงการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอนของการผลิต

ความทนทาน (Durability) โตโยต้าให้ความสำคัญกับการผลิตรถยนต์ที่มีความทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนาน และทนต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ

ความน่าเชื่อถือ (Reliability) รถยนต์ที่ผลิตโดยโตโยต้าถูกออกแบบให้สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ไม่เกิดปัญหากะทันหันขณะใช้งาน และสามารถพึ่งพาได้ในทุกสถานการณ์

ซึ่งแนวคิดนี้ช่วยให้โตโยต้ามีชื่อเสียงในเรื่องของคุณภาพและความน่าเชื่อถือของยานยนต์ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน สามารถตอบสนองความคาดหวัง และเสริมสร้างความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อโตโยต้าได้อย่างต่อเนื่อง

