หลังจากเทรนด์การใช้รถของกลุ่มครอบครัวคนไทย ที่มุ่งความนิยมไปยังรถ MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่สามารถตอบสนองได้ทุกโจทย์การใช้งาน ทั้งเดินทางไกลหรือใช้งานในเมือง โดยเมื่อช่วงต้นปี ค่ายนิสสันเลือกนำเข้า NISSAN SERENA e-POWER เข้ามาทำตลาดแบบจริงจังในบ้านเรา

ด้วยดีไซน์หรูหรา โฉบเฉี่ยวโดนใจ เหนือชั้นกว่า ให้ความสบายในการขับขี่ มาพร้อมนวัตกรรม e-POWER ที่พร้อมมอบประสบการณ์แบบ BIG! EASY! FUN! ให้กับทุกคน ตั้งแต่ห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายในการใช้งาน ประตูสไลด์อัตโนมัติ และฝาท้ายอเนกประสงค์แบบ Dual Back Door และความสนุกในการปรับที่นั่งได้ถึง 13 รูปแบบ จะขนกระเป๋า เพิ่มพื้นที่ช่วงขาหรือปรับเบาะแถว 2 และ 3 ราบเป็นห้องนั่งเล่น รวมถึงสนนราคาค่าตัวแบบน่าทึ่ง 1.699 ล้านบาท เรียกเสียงตอบรับจากลูกค้าคนไทยได้ล้นหลาม

ล่าสุดจากความสำเร็จของ SERENA e-POWER ทำให้นิสสันเตรียมเปิดตัว Nissan X-Trail e-POWER ด้วยการนำเข้าจากญี่ปุ่นอวดโฉมกับลูกค้าคนไทยในช่วงปลายปี 2568 นี้ คาดกันว่าน่าจะแนะนำทั้งสเปกและราคาขายภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ปลายปีนี้

สำหรับข้อมูลคราวๆ ของ X-Trail e-POWER จะเป็น SUV 7 ที่นั่ง ตัวนี้น่าจะเป็นเจเนอเรชั่นที่ 4 ขุมพลังเป็น e:POWER เจนเนอเรชั่นที่ 2 เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี เทอร์โบ ทำหน้าที่ปั่นไฟเก็บยังแบตเตอรี่ Lithium-ion ส่วนมอเตอร์จะทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน e-4ORCE (ขับ4 ล้อ) เป็น 2 มอเตอร์ไฟฟ้า หน้าให้กำลัง 203 แรงม้าหลังมาเสริมอีก 135 แรงม้า คาดว่าจะประหยัดน้ำมันได้ถึง 18 กม./ลิตร

ส่วนบอดี้ได้รับความร่วมมือบริษัทในเครือ Renault-Nissan-Mitsubishi Alliance เพื่อพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม CMF-C ใหม่ กระจังหน้าดีไซน์ V-Motion แผงหน้าปัดดิจิทัล TFT Advanced Drive-Assist ขนาด 12.3 นิ้ว มีระบบ Infotainment System ต่อเชื่อม Apple CarPlay และ Android ระบบเครื่องเสียง Bose Premium Sound System 10 ลำโพง มีช่องจ่ายไฟขนาด 100V ระบบเกียร์อิเล็คทรอนิคส์ คอนโซลเกียร์ใหม่มาพร้อมปุ่มเลือกโหมดการขับขี่

เบาะคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง หุ้มหนัง Nappa บุนวมสีดำ หลังคาแก้วพาโนรามา ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน มีระบบ ProPilot Assist ทำงานด้วยเรดาร์ มาพร้อมระบบความปลอดภัย Nissan Safety Assist กล้องมองภาพ 360 องศา ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์เรดาร์และโซนาร์ จอภาพอัจฉริยะ Around View พร้อมตรวจจับการเคลื่อนไหว และควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ

ส่วนราคาค่าตัว Nissan X-Trail e-POWER เท่าที่เช็กข้อมูลในญี่ปุ่น รุ่นปี 2025 ตั้งราคาไว้เริ่มต้นที่ 3.8 ล้านเยนไปจนถึง 4.9 ล้านเยน ทีนี้มาลองคำนวนเล่นๆ กันครับว่าราคาขายในไทยควรเป็นเท่าไหร่?
Serena e-POWER ที่เอามาขายในไทยแล้วมีราคาขายในญี่ปุ่นประมาณ 3.7 ถึง 4 ล้านเยน แต่เมื่อเข้ามาขายบ้านเรา 1.699 ล้านบาท เริ่มต้นคิดจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 เยน เท่ากับ 0.22 บาท ดังนั้น Serena e-POWER ที่ขายในไทย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ตั้งแต่ค่าขนส่ง, ภาษีนำเข้า, ภาษีสรรพสามิต, ภาษีมมหาดไทย และภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นราคาในประเทศไทย 1.699 ล้านบาท มีส่วนจากราคาขายในญี่ปุ่น ซึ่งเปลงเป็นเงินบาทคือ 8.8 แสนบาท ทำให้มีส่วนต่างเท่ากับ 819,000 บาท เท่ากับว่าขายในไทยแพงขึ้นราวๆ 48%

ดังนั้นสูตรคำนวนราคา Nissan X-Trail e-POWER ก็น่าจะไปในทางใกล้เคียงกัน คือแพงขึ้นราวเท่าตัว จากราคาขาย 4.9 ล้านเยน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1 ล้านบาท ราคาที่จะมาขายในไทยก็น่าจะประมาณ 2 ล้านบาท อาจจะขาดนิดหน่อย ซึ่งถ้าราคาขนาดนี้ มาขายเมืองไทยบ้านเราในจังหวะที่รถจีนดาหน้ากันเข้ามาทำตลาดแถมมีราคาต่ำแบบดึงดูดสุดสุด ดูแล้วก็น่าจะเหนื่อยอยู่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอาจมีเซอร์ไพร์สจากทางนิสสันก็เป็นไปได้…ว่ามะครับ!!+