• Home
  • Review
  • Car
  • Bike
  • Other
  • Motorsport
  • Lifestyle
CARZANOVA เว็บซ่าส์เรื่องยานยนต์
No Result
View All Result
  • Home
  • Review
  • Car
  • Bike
  • Other
  • Motorsport
  • Lifestyle
CARZANOVA เว็บซ่าส์เรื่องยานยนต์
No Result
View All Result
CARZANOVA เว็บซ่าส์เรื่องยานยนต์
No Result
View All Result

Lamborghini Urus SE ซูเปอร์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของแบรนด์เปิดตัวเริ่มต้น 24.98 ล้านบาท

Admin by Admin
May 18, 2024
in Car
2
SHARES
20
VIEWS
Share on FacebookShare on Twitter

เรนาสโซ มอเตอร์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ลัมโบร์กินีอย่างเป็นทางการรายเดียวในประเทศไทย เปิดตัว “Lamborghini Urus SE” ซูเปอร์เอสยูวีระบบปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของลัมโบร์กินี ที่มาพร้อมระบบส่งกำลัง 800 CV ชูเวอร์ชัน PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) เป็นรุ่นท็อปในตระกูล Urus ทั้งในด้านความสบาย ประสิทธิภาพ การปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศ และประสบการณ์ที่สนุกสนานในการขับขี่ ผสานหัวใจสำคัญทั้ง 2 ด้านของแบรนด์คือระบบการเผาไหม้และระบบไฟฟ้าเพื่อให้ได้แรงบิดและกำลังเครื่องสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ Urus SE เป็นรถยนต์ที่มีความโดดเด่นที่สุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน โดยสามารถลดการปล่อยไอเสียสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 80%

Lamborghini Urus SE

Urus SE ใช้เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 4.0 ได้ถูกนำมาพัฒนาใหม่เพื่อให้สามารถทำงานกับระบบส่งกำลังไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้มีกำลังเครื่องถึง 620 CV (456 kW) และแรงบิด 800 Nm โดยระบบสันดาปได้ถูกผสานเข้ากับระบบส่งกำลังไฟฟ้าเพื่อมอบกำลังเครื่อง 192 CV (141 kW) และแรงบิด 483 Nm และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทีมวิศวกรจึงให้ความสำคัญกับการปรับจูนการทำงานที่สอดคล้องกันระหว่างเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) กับมอเตอร์ไฟฟ้า จนได้กำลังเครื่องสูงสุดที่ 800 CV พร้อมการันตีกำลังเครื่องเฉลี่ยดีที่สุดในทุก ๆ โหมดการขับขี่และสภาพพื้นผิวถนน พร้อมติดตั้งแบตเตอรีลิเทียม 25.9 kWh บริเวณใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระด้านบนระบบเฟืองท้ายไฟฟ้า

มอเตอร์ซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) ซึ่งติดตั้งอยู่ในระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 ระดับสามารถช่วยบูสต์เครื่องยนต์สันดาป V8 และยังเป็นตัวสร้างแรงฉุดได้อีกด้วย ทำให้ Urus SE เป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบไฟฟ้า 100% ที่สามารถเดินทางได้ไกลกว่า 60 กม.เมื่อขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้า (EV Mode) เพียงอย่างเดียว

เทคโนโลยีใหม่ที่ถูกนำมาใช้ใน Urus SE เป็นครั้งแรกคือระบบเวคเตอร์แรงบิดไฟฟ้าตามแนวยาวรูปแบบใหม่ที่ติดตั้งไว้บริเวณกลางตัวรถ พร้อมคลัตช์อิเลกโตรไฮดรอลิกแบบมัลติเพลตซึ่งช่วยสร้างแรงบิดแปรผันระหว่างเพลาหน้าและเพลาหลังได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำหน้าที่ประสานการทำงานให้สอดรับกับเฟืองท้ายไฟฟ้าบนเพลาหลังอย่างราบรื่นจะคอยกระจายแรงบิดเมื่อทำการเบรก ทำให้รถยนต์สามารถควบคุมอาการ oversteer ได้แบบ “on demand” เพื่อมอบสัมผัสอันเร้าใจเสมือนขับขี่รถยนต์สายพันธุ์สปอร์ตตัวจริง

ทั้งสองระบบที่กล่าวมา ได้รับการออกแบบและปรับจูนการทำงานให้เหมาะสมกับการยึดเกาะถนนทุกรูปแบบและทุกสไตล์การขับขี่ มอบแรงฉุดและการตอบสนองที่ฉับไวสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการพุ่งทะยานในสนามแข่งหรือวิ่งตะลุยไปบนเนินทราย พื้นน้ำแข็ง หรือทางดิน

Urus SE เป็นรถยนต์ที่โดดเด่นที่สุดในคลาสเดียวกันด้วยแรงบิดและกำลังเครื่องที่เหนือล้ำในทุกรอบเครื่องยนต์และทุกสภาพถนน โดยมอบกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 800 CV (588 kW) ที่ 6,000 รอบต่อนาทีและสามารถให้แรงบิดรวม 950 Nm ที่ 1,750 รอบต่อนาทีและสูงสุดที่ 5,750 รอบต่อนาที จึงมอบประสิทธิภาพสูงสุดในคลาสในทุกแง่มุมของการขับขี่ ผลลัพธ์อันน่าประทับใจนี้มาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านอัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักเครื่อง (Weight-to-Power Ratio) ที่ 3.13 kg/CV (เปรียบเทียบกับ 3.3 ในรุ่น Urus S) โดย Urus SE สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม.   ในเวลาเพียง 3.4 วินาที (Urus S ที่ 3.5 วินาที) และจาก 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 11.4 วินาที (Urus S ที่ 12.5 วินาที) สามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 312 กม./ชม. (Urus S ที่ 305 กม./ชม.) ข้อมูลเหล่านี้ทำให้ SE เป็นรถยนต์ที่   ทรงพลังสูงสุดของตระกูล Urus และสร้างมาตรฐานใหม่ในกลุ่มรถยนต์ซูเปอร์เอสยูวี

Urus SE คือการสร้างนิยามใหม่ให้กับงานออกแบบรถยนต์อันโฉบเฉี่ยวที่เปลี่ยนแนวคิดของดีไซน์เอสยูวีไปอย่างสิ้นเชิง พร้อมนำเสนอเส้นสายใหม่ที่สื่อถึงการอัปเกรดประสิทธิภาพระบบอากาศพลศาสตร์ได้อย่างชัดเจน ดีไซน์ของ Urus SE สะท้อนถึงรูปทรงแบบพลศาสตร์ที่เน้นภาพลักษณ์ความเป็นรถสปอร์ตและความแข็งแกร่งบึกบึนได้อย่างโดดเด่น ส่วนหน้าหรูหราด้วยการออกแบบฝากระโปรงทรงใหม่แบบ Floating Design โดยลบเส้นสายที่เป็นตัวแบ่งส่วนต่าง ๆ ทิ้งไปเพื่อเสริมความรู้สึกลื่นไหลต่อเนื่องและเน้นย้ำถึงรูปทรงแบบนักกีฬา ชวนให้นึกถึงแนวคิดการออกแบบแนวใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรุ่น Revuelto นอกจากนี้ ยังเสริมด้วยองค์ประกอบใหม่ ๆ อีกมากมาย ทั้งชุดไฟหน้าที่ใช้เทคโนโลยี Matrix LED ซึ่งเป็นดีไซน์ซิกเนเจอร์ใหม่ล่าสุดที่มีแรงบันดาลใจมาจากหางวัวกระทิงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ลัมโบร์กินีนั่นเอง ตลอดจนการออกแบบส่วนกันชนท้ายและตะแกรงหน้าใหม่ในทุกรายละเอียด

Urus SE แสดงถึงวิวัฒนาการอันเปี่ยมเสน่ห์อย่างยิ่ง ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบระดับไอคอนิกที่ยอดเยี่ยมของเรา และที่สำคัญคือการมอบสัมผัสอันหรูหรายิ่งกว่าเดิมด้วยโปรแกรมการตกแต่งแบบ Ad Personam โดยเรานำแรงบันดาลใจมาจากรุ่น Revuelto พร้อมฝากระโปรงรถแบบ Floating เพื่อมอบเส้นสายที่สะอาดตาและรูปทรงส่วนหน้าที่แข็งแกร่งบึกบึน โดยระบบไฟหน้าที่ล้ำสมัยได้ผสานดีไซน์ซิกเนเจอร์แบบ DRL ไว้อย่างลงตัว การออกแบบส่วนท้ายให้ความสำคัญกับช่วงกว้าง ตกแต่งด้วยดิฟฟิวเซอร์แบบใหม่และปรับช่องติดป้ายทะเบียนรถให้มีระดับต่ำลง ดีไซน์ตะแกรงหลังนำ    แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตของลัมโบร์กินีอย่าง Gallardo สำหรับการออกแบบห้องโดยสารภายในยังคงสืบทอดปรัชญา “Feel like a pilot” เพื่อยกระดับปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักขับและระบบดิจิทัลภายใน

สำหรับการออกแบบส่วนท้าย มีการจัดสรรพื้นที่เก็บสัมภาระใหม่ทั้งหมดโดยนำรูปทรงที่ต่อเนื่องมาจากรุ่น Gallardo โดยผสานเส้นสายต่าง ๆ ได้อย่างกลมกลืน เชื่อมต่อชุดไฟท้ายด้วยดวงไฟรูปตัว “Y” และดิฟฟิวเซอร์หลังรูปแบบใหม่ซึ่งทำให้รถยนต์มีสัดส่วนคล้ายสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ส่วนสปอยเลอร์ใหม่ยังทำงานร่วมกับดิฟฟิวเซอร์หลังในการช่วยเพิ่มแรงกดด้านหลังขณะวิ่งด้วยความเร็วสูงเพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่น Urus S จึงเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

ประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ได้ถูกยกระดับขึ้นด้วยการออกแบบท่อระบายลมที่ส่วนล่างตัวรถและท่อลมเข้าแบบปรับปรุงใหม่ พร้อมออกแบบช่องทางลมให้ต่อเนื่องมากขึ้นเพื่อลดความร้อนของชิ้นส่วนและเครื่องยนต์ได้ดีกว่าเดิม ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่ารุ่น Urus เดิมถึง 15% การออกแบบส่วนหน้ายังผสานกับการเพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์ด้านล่างเพื่อช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศและระบายความร้อนให้กับระบบเบรก ซึ่งมีประสิทธิภาพการระบายความร้อนด้วยอากาศสูงขึ้นถึง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับระบบเก่า

Urus SE เสนอออปชันการตกแต่งที่เหนือชั้นที่สุดในรถยนต์คลาสเดียวกัน โดยมีทั้งล้ออัลลอยรุ่นอัปเดตใหม่พร้อมดีไซน์ Galanthus ขนาด 23 นิ้วเป็นรุ่นมาตรฐานพร้อมยาง Pirelli P Zero รุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังมีโทนสีตัวรถให้เลือกมากมายและออปชันการตกแต่งอีกมากกว่า 100 องค์ประกอบ พร้อมนำเสนอ 2 โทนสีใหม่ในวันเปิดตัว ทั้งโทนสี Arancio Egon (สีส้ม) ที่จับคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารโทนสี Arancio Apodis (สีส้ม) และโทนสี Bianco Sapphirus (สีขาว) จับคู่กับการตกแต่งห้องโดยสารโทนสี Terra Kedros (สีน้ำตาลแดง)

ออปชันการตกแต่งภายในยังมอบทางเลือกคู่สีอีกกว่า 47 แบบและการเย็บตะเข็บตกแต่งถึง 4 สไตล์ (Q-citura stitching) พร้อมออปชันในโปรแกรมการตกแต่ง Ad Personam ที่ช่วยให้เจ้าของ Urus SE สร้างสรรค์รถยนต์ให้มีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครเพียงหนึ่งเดียวในโลก

การตกแต่งภายในได้รับการอัปเดตใหม่ เพื่อขับเน้นดีไซน์ระดับซิกเนเจอร์ “Feel like a pilot” อันเป็นเสมือนดีเอ็นเอของลัมโบร์กินี โดยนำเสนอฟีเจอร์ใหม่มากมายบริเวณแผงหน้าปัดด้านหน้าและยกระดับภาพลักษณ์รถยนต์น้ำหนักเบาเหมือนกับในรุ่น Revuelto

หน้าจอขนาดใหญ่ 12.3 นิ้วซึ่งใหญ่กว่ารุ่นเดิม ถูกติดตั้งไว้บริเวณกลางแผงหน้าปัดและมอบการแสดงผลกราฟิก Human Machine Interface (HMI) เวอร์ชันใหม่ที่ใช้งานได้ง่ายดายและเป็นธรรมชาติมากขึ้นเหมือนที่พบได้ในรุ่น Revuelto ทีมนักออกแบบ Lamborghini Centro Stile ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบท่อลม โดยตกแต่งด้วยวัสดุอลูมิเนียมเคลือบผิวในรูปทรงตัว “Y” อันเป็นเอกลักษณ์ และยังหุ้มส่วนบานตกแต่ง แผงหน้าปัด เบาะนั่งด้วยวัสดุใหม่ นอกจากนี้ ยังออกแบบแผงปุ่มกดแบบกลไกเพื่อให้ได้สัมผัสของการกดที่สมจริง

ผู้ขับยังสามารถใช้งานทั้งแผงควบคุมรวมแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว และจอทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้วที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งถูกรวมเข้าไว้ด้วยกันตรงกลางแผงหน้าปัดและยังเป็นเสมือนหัวใจหลักของระบบ Lamborghini Infotainment System (LIS) นอกจากนี้ ยังนำเสนอระบบวัดระยะสำหรับรุ่น SE และจอแสดงผลแบบใหม่ที่ทำงานสัมพันธ์กับระบบช่วยขับต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ขับสามารถรับรู้สภาวะรอบด้านได้ดียิ่งขึ้น

แผงควบคุม “Tamburo” ถูกติดตั้งบริเวณกลางคอนโซลเพื่อให้ผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่แตกต่างกันได้อย่างง่ายดาย และด้วยการใช้ระบบส่งกำลังแบบไฮบริด เมื่อรวมโหมดการขับขี่ของ Urus ทั้ง 6 แบบเข้ากับการทำงาน Electric Performance Strategies (EPS) แบบใหม่อีก 4 แบบ ทำให้นักขับมีตัวเลือกทั้งหมดมากถึง 11 ออปชันโดยในรุ่นนี้ โหมดพื้นฐานทั้ง Strada, Sport, Corsa (สำหรับท้องถนนและสนามแข่ง) รวมถึง Neve, Sabbia และ Terra (สำหรับพื้นผิวที่มีการยึดเกาะที่แตกต่างจากพื้นยางมะตอย จะสามารถทำงานร่วมกับออปชันระบบ EV Drive, Hybrid, Performance และ Recharge ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ระบบ EV Drive ช่วยให้ผู้ขับได้สัมผัสประสบการณ์และศักยภาพของพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเมื่อได้รับการปรับแต่งมาเพื่อวิ่งบนท้องถนนในเมือง โดยสามารถวิ่งได้ไกลสุดถึง 60 กม. และเร่งความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม. เมื่อทำความเร็วสูงกว่านี้ เครื่องยนต์ V8 ก็จะเข้ามาสนับสนุนการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า เช่นเดียวกันเมื่อผู้ขับต้องการแรงบิดที่มากกว่าระดับสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้า

ระบบ Hybrid ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้เมื่อขับขี่ในโหมด Strada มอบประสิทธิภาพและความสบายสูงสุดบนการทำงานที่สมดุลระหว่างเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าและแน่นอน ถือเป็นโหมดใช้งานแบบอเนกประสงค์ที่เหมาะสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ระบบ Recharge ซึ่งสามารถเลือกได้เมื่อใช้โหมด Strada, Sport, Corsa และ Neveโดยสามารถชาร์จไฟให้แบตเตอรีได้ถึง 80% โดยที่ยังให้สมรรถนะการขับขี่สูงสุด ส่วนระบบ Performance เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องสัมผัสศักยภาพที่แท้จริงของ Urus SE ซึ่งไม่เพียงเลือกได้ในโหมด Strada, Sport และ Corsa เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโหมด Sabbia และ Terra อีกด้วย โดยมอบประสิทธิภาพด้านพลศาสตร์ที่เหนือชั้นของซูเปอร์  เอสยูวีตัวจริงแม้ไม่ได้วิ่งบนพื้นยางมะตอย

เมื่อวิ่งในโหมดที่แตกต่างกัน สปริงลมจะปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อสร้างค่าความสูงรถที่เหมาะสม ตั้งแต่การเดินทางระยะ 15 มม. ในโหมด Corsa ไปจนถึงสูงสุดที่ 75 มม. เมื่อระบบยกตัวรถทำงานเต็มที่ นอกจากนี้ พารามิเตอร์ที่คอยปรับพวงมาลัย ระบบการขับขี่ และเสียงเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ V8 ก็จะทำงานแบบแปรผันเช่นกัน เพื่อสะท้อนถึง “บุคลิก” ที่แตกต่างของ Urus SE

ทีมผู้พัฒนายังให้ความสำคัญอย่างมากกับระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (Air Suspension) เพื่อเน้นประสบการณ์การขับขี่ของแต่ละโหมดให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โดยในโหมด Strada ได้เพิ่มระดับความสบายของรถยนต์ Urus S ให้มากขึ้นไปอีก ส่วนในโหมด Sport จะเพิ่มความสนุกสนานในการขับขี่ โดยเสริมคาแรกเตอร์ของระบบส่งกำลังแบบใหม่ในการสตาร์ตและการดริฟต์ที่มันส์อย่างต่อเนื่อง โหมด Corsa ออกแบบมาเพื่อการพุ่งทะยานในสนามแข่งขัน ทำให้ Urus SE โชว์ศักยภาพด้านพลศาสตร์ได้อย่างเต็มที่ด้วยการติดตั้งหน่วยควบคุมไฟฟ้า (ECU) สำหรับระบบกันสะเทือน ซึ่งช่วยควบคุมรูปแบบการเคลื่อนไหวของโครงแชสซี (ทั้งการ Pitch, Yaw, Roll และ Pump) ซึ่งทำให้ตัวรถมีความเสถียรสูงและตอบสนองกับขอบสนามแข่งได้อย่างฉับไว รวมไปถึงการวิ่งบนทางขรุะขระและพื้นผิวที่มีการยึดเกาะต่ำ ซึ่งเกิดจากการติดตั้งเหล็กกันโคลงที่ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 48V ส่วนในโหมด Neve, Stabbia และ Terra ได้ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพใหม่เพื่อเสริมประสิทธิภาพแรงกระทำกับพื้นถนนที่สม่ำเสมอ และสร้างแรงฉุดที่ดีที่สุดบนพื้นผิวทุกประเภท

Technical Specifications

ENGINE  
EngineTypeV8, 90°
Valves per cylindern°4
Displacementcm33996
BoreMm86
StrokeMm86
Compression Ratio ICERatio9,7:1
Max Power ICECV620
Max Power ICEkW456
Max Power @ rpm (ICE)@ rpm620 CV @ 6000
Specific Output (ICE)CV/L155
Max revs (ICE)Rpm6800
Max torque (ICE)Nm800
Max torque @ rpm (ICE)Nm @ rpm800 @ 2250-4500
Minimum Engine Rev – IdleRpm550 +/- 100
Maximum Engine Rev – LimiterRpm6800  
GEARBOX & TRANSMISSION  
TransmissionType4WD with integrated front differential,
hang-on central differential electronic rear differential with torque vectoring
GearboxType8-speed automatic gearbox with torque converter
PERFORMANCE  
Acceleration 0-100 km/hS3,4
Acceleration 0-200 km/hS11,2
Braking 100-0 km/hM33,5
Vmaxkm/h312
Vmax only ekm/h135
WHEELS  
Standard Rims 
 Front9,5Jx21″ ET28
 Rear10,5Jx21″ ET18
Standard Tires 
 Front285/45 ZR21
 Rear315/40 ZR21
BRAKES  
Carbon ceramic brakes (front)TypeCCB
Diameter440 mm (17.32 in)
Thickness40 mm (1.57 in)
Carbon ceramic brakes (rear)TypeCCB
Diameter410 mm (16.14 in)
Thickness32 mm (1.26 in)
  DIMENSIONS  
Wheelbasemm3003
Overall lengthmm5123
Front overhangmm1067
Rear overhangmm1053
Overall width (excluding mirrors)mm2022
Overall width (including mirrors)mm2181
Overall heightmm1638
Track (front)mm1695
Track (rear)mm1710
Aream22,83
Weight distribution%54/46
  HYBRID SYSTEM  
BatteryLithium-ion with prismatic cells
Electric engines AC synchronous EM with PM 141 kW @3200 rpm
SUSPENSIONS  
Front SuspensionTypefront suspension with multilink layout, semi-active dampers, pneumatic springs and car height adjustment system.
Rear SuspensionTyperear suspension with multilink layout, semi-active dampers, pneumatic springs and car height adjustment system. Double steering axle (Rear Wheel Steering)
ELECTRIC ENGINE  
BatteryTypeBATTERY LI-ION E67 BATTypA27
Battery Total EnergykWh25,9

Related Posts

Porsche 911 Spirit 70 ความสนุกแบบยุค 70s–80s                                                                                                                
Car

Porsche 911 Spirit 70 ความสนุกแบบยุค 70s–80s                                                                                                                

May 11, 2025
GEELY RIDDARA เผยโฉมกระบะไฮบริดที่งานเซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์  2025
Car

GEELY RIDDARA เผยโฉมกระบะไฮบริดที่งานเซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์  2025

April 29, 2025
เบนท์ลีย์ แบงค็อก เปิดรับจอง New Continental GT – New Flying Spur ขุมพลัง High Performance Hybrid ใหม่ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะรุ่น
Car

เบนท์ลีย์ แบงค็อก เปิดรับจอง New Continental GT – New Flying Spur ขุมพลัง High Performance Hybrid ใหม่ พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะรุ่น

April 10, 2025
AAS ขนสุดยอด DNA รถแข่ง ชวนสัมผัสจิตวิญญาณแห่งความเร็ว ณ เอเอเอส-เฮาส์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์
Car

AAS ขนสุดยอด DNA รถแข่ง ชวนสัมผัสจิตวิญญาณแห่งความเร็ว ณ เอเอเอส-เฮาส์ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์

April 8, 2025

Category

  • Review
  • Car
  • Bike
  • Other
  • Motorsport
  • Lifestyle

Tags

4K Omni 70mai 718 Cayman Style Edition AION UT API Audi A5 AVATR 11 AZIMUT Bentley Mulliner Inspired BYD Dolphin CHANGAN Automobile CHANGAN DEEPAL S05 DEEPAL Hunter K50 DEEPAL S05 ercedes-AMG G 63 Ghost Series II GWM TANK 300 DIESEL Hyundai PALISADE Hyundai SANTA F IONIQ ISUZU DRAGONMAX Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ MITSUBISHI XFORCE HEV OMODA C5 EV PEUGEOT 408 GT Porsche911 GTS PTG Quad Film TANK 300 Volvo EX90 Wrangler Rubicon XC90 XPANDER HEV PLAY YAMAHA R3 YAMAHA R3 BLU CRU Asia-Pacific 2025 YAMAHA R9 YAMAHA SR400 Final Edition YAMAHA YZF-R9 จี๊ป ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล บางกอกมอเตอร์โชว์ มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ ( แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ

About

มิติใหม่แห่งข่าวสาร ความเคลื่อนไหวในแวดวงยานยนต์ และไลฟ์สไตล์ บนโลกออนไลน์ ในรูปแบบวาไรตี้ ที่ไม่ควรพลาด

Categories

  • Review
  • Car
  • Bike
  • Other
  • Motorsport
  • Lifestyle

Browse by Tag

4K Omni (1) 70mai (1) 718 Cayman Style Edition (1) AION UT (1) API (1) Audi A5 (1) AVATR 11 (1) AZIMUT (1) Bentley Mulliner Inspired (1) BYD Dolphin (1) CHANGAN Automobile (3) CHANGAN DEEPAL S05 (1) DEEPAL Hunter K50 (1) DEEPAL S05 (2) ercedes-AMG G 63 (1) Ghost Series II (1) GWM TANK 300 DIESEL (1) Hyundai PALISADE (1) Hyundai SANTA F (2) IONIQ (1) ISUZU DRAGONMAX (1) Mercedes-AMG GT 63 4MATIC+ (1) Mercedes-AMG SL 55 4MATIC+ (1) MITSUBISHI XFORCE HEV (2) OMODA C5 EV (2) PEUGEOT 408 GT (1) Porsche911 GTS (1) PTG (2) Quad Film (1) TANK 300 (1) Volvo EX90 (1) Wrangler Rubicon (1) XC90 (1) XPANDER HEV PLAY (1) YAMAHA R3 (1) YAMAHA R3 BLU CRU Asia-Pacific 2025 (1) YAMAHA R9 (1) YAMAHA SR400 Final Edition (1) YAMAHA YZF-R9 (1) จี๊ป (1) ซัมมิท ฮอนด้า ออโตโมบิล (1) บางกอกมอเตอร์โชว์ (1) มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ป (1) เอ็มจีซี มารีน แอนด์ ชาร์เตอร์ ( (1) แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ (1)

Recent Posts

  • ดวลเดือดที่ไทย! นักแข่งระดับท็อปของโลก พร้อมลุยศึก ”ซูเปอร์คาร์พันล้าน ซีรีส์ดังแห่งเอเชีย” 30 พ.ค.-1 มิ.ย.นี้
  • ซูซูกิ ยกระดับแคมเปญบำรุงรักษาฟรี 7 ปี พร้อมเอกสิทธิ์ SUZUKI Worry Free Privilege Booklet

© 2024 CARZANOVA เว็บซ่าส์เรื่องยานยนต์

No Result
View All Result
  • Home
  • Review
  • Car
  • Bike
  • Other
  • Motorsport
  • Lifestyle

© 2024 CARZANOVA เว็บซ่าส์เรื่องยานยนต์