ยัง..ยัง มันยังไม่จบง่ายๆ สำหรับรหัส GR จาก Toyota ซึ่งหลายคอนเทนต์ที่ผ่านมา เราคุยกันกับซีรีส์รถรุ่นพิเศษของ Toyota ภายใต้รหัส GR เริ่มตั้งแต่ GR ที่ถูกสร้างมาเป็นรถสมรรถนะสูงจากโรงงานแบบขับลง Track ได้ทันที ต่อด้วย GR Sport ที่เป็นเวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษเพิ่มความสปอร์ตให้กับรถโมเดลทั่วไปที่ขายในตลาด โดยแต่ละประเทศก็จะมีโมเดล GR Sport แตกต่างกันไป ซึ่งคอนเทนต์นั้นเราก็เน้นไปที่โมเดลที่ขายในประเทศไทยบ้านเรานี่แหละ แต่อย่างที่บอกว่า รหัส GR ไม่ได้จบแค่นั้น มันยังมีที่เป็น GRMN อีกด้วย เอาล่ะสิ มันคืออะไรกันอีกหนอ … ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้
เรามาเริ่มจากการถอดรหัสตัวย่อกันก่อนเลย GRMN ย่อมาจาก Gazoo Racing Tuned by “Meister of Nürburgring” หรือแปลได้ว่า เป็นรุ่นพิเศษที่ตั้งขึ้นมาเพื่อยกย่องบรรดานักขับทดสอบของ Toyota Gazoo Racing ที่ร่วมพัฒนารถสมรรถนะสูงที่ไปวิ่งทดสอบในสนามแข่งระดับตำนานของโลกอย่าง Nürburgring ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักในการพัฒนารถยนต์ Toyota แต่ก็เหมือนจะเก็บความภาคภูมิใจดังกล่าวไว้สำหรับคนญี่ปุ่นกันเอง เพราะรถเวอร์ชั่น GRMN มีขายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่…ก็ไม่ได้หมายความว่าคนประเทศอื่นจะซื้อแล้วนำเข้ามาขับในประเทศตัวเองไม่ได้นะครับ เพราะที่แน่ๆ ผมเห็นบางคันวิ่งอยู่ในประเทศไทยแล้วก็มี
ถ้าจะย้อนกลับไปว่าโครงการ GRMN เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่?? ต้องตอบว่าโครงการเค้าเริ่มมานานแล้วครับ ตั้งแต่ก่อนที่เราจะได้เห็น Toyota รหัส GR ต่างๆ อีก โดยย้อนกลับไปปี 2009 รถคันแรกที่สวมรหัส GR เข้าไปหลังชื่อรุ่นกลับไม่ใช่รถสปอร์ตสมรรถนะสูงแต่อย่างใด แต่เป็นเจ้าตัวจิ๋วน่ารักน่าชังอย่าง Toyota iQ เจ้า Toyota iQ GRMN เป็นเหมือนการนึกสนุกขึ้นมาของ Toyota ที่จะทำรถสักคันเพื่อไปจอดโชว์ในงาน Tokyo Auto Salon ปี 2009 ก็เลยเลือกรถที่ดูแปลกตามาเสริมหล่อกับเติมสมรรถนะสักหน่อย จับเอา iQ มาเติมสเกิร์ตใต้กันชนหน้า เพิ่มไฟตัดหมอก เปลี่ยนสเกิร์ตข้าง เปลี่ยนกันชนหลังเจาะช่องตรงกลางเพื่อเอาปลายท่อไอเสียออกตรงกลาง ชุดท่อไอเสียเป็นแบบสปอร์ต
ส่วนภายในเปลี่ยนผ้าหุ้มเบาะเป็นลายเฉพาะของ iQ GRMN เปลี่ยนพื้นหน้าปัด แป้นเหยียบสปอร์ต เครื่องยนต์ยังคงเดิม เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.3 ลิตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด แต่ช่วงล่างถูกปรับให้เฟิร์มขึ้นด้วยโช้คอัพ+สปริงใหม่ ลดความสูงช่วงล่างลง 30 มม. เบรกหลังจากดรัมเบรกเปลี่ยนเป็นดิสก์เบรก อัพเกรดเบรกหน้า เปลี่ยนล้อเป็นของ RAYS ขนาด 16 นิ้ว เปลี่ยนเหล็กกันโคลงใหญ่ขึ้น
ถึงวันนี้น่าจะเป็นรถแรร์มากๆ แล้ว เพราะผลิตออกมาเพียง 100 คันเท่านั้น ซึ่ง Toyota เองยังสนุกกับเจ้า iQ GRMN อย่างต่อเนื่อง เพราะในปี 2011 ได้เผยโฉมรถต้นแบบ GRMN iQ Racing Concept ออกมา โดยได้เพิ่มความแรงให้เครื่องยนต์ด้วยซูเปอร์ชาร์จเจอร์ และเพิ่มความแข็งแกร่งให้โครงสร้างด้วยโรลเคจทั้งคันสไตล์รถแข่ง แต่ทำมาแค่จอดโชว์ในงาน Tokyo Auto Salon ปี 2011 ไม่มีข่าวว่าขาย
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อโชว์แล้วมันต้องมีคนอยากได้ เข้าทาง Toyota เลยครับ ปีต่อมา 2012 ทาง Toyota ก็เลยทำรถเวอร์ชั่นขายออกมาเสียเลย เป็น GRMN iQ Supercharger ก็แทบจะเหมือนเจ้ารถต้นแบบปี 2011 เพียงแต่ไม่ได้ติดตั้งโรลเคจเท่านั้นเอง และมีจำนวนผลิตแค่ 100 คัน
GRMN คันต่อมา Toyota อัพไซส์รถที่จะเล่นขึ้นมาหน่อย เลือกเป็น Toyota Vitz GRMN หรือที่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่ญี่ปุ่นเรียกว่า Yaris นั่นแหละครับ โดยครั้งนี้เป็นการตั้งใจเพิ่มความแรงกันอย่างจริงจัง จับเอา Vitz รุ่นปี 2013 มาใส่เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้พละกำลัง 150 แรงม้า ปรับแต่งระบบช่วงล่างเพื่อให้แมทช์กับแรงม้าที่มากขึ้น
โดยทำออกมาขายเพียง 200 คัน ซึ่งหลังจากนั้นในโมเดล Vitz/Yaris ก็ถูกนำจับมาความความสนุกอีกครั้งในปี 2017 โดยเป็นการเอา Vitz โมเดลปีนั้นจับมาวางเครื่องยนต์ตัวเดียวกับที่อยู่ใน Lotus Elise (Lotus ใช้เครื่อง Toyota อยู่แล้ว) เป็นเครื่อง 2ZR-FE เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร ซูเปปอร์ชาร์จ มีพละกำลังถึง 212 แรงม้า เคลมอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ได้ภายใน 6.3 วินาที ผลิตขายในประเทศญี่ปุ่นจำนวนจำกัด 150 คัน แต่ต้านทานความต้องการในตลาดยุโรปไม่ไหว เลยมีผลิตส่งไปขายในยุโรปด้วยจำนวนจำกัดอีก 400 คัน แล้วผมจะบอกว่าด้วยความสำเร็จของเจ้า Vitz/Yaris GRMN ปี 2017 นี่แหละครับ ถือเป็นต้นแบบและที่มาของ GR Yaris ในรุ่นปัจจุบันที่ประสบความสำเร็จสุดๆ กับการเป็นรถเล็กเครื่องแรงมาก ขับเคลื่อน 4 ล้อ
สนุกกับรถเล็กมาสองรุ่น Toyota และทีมนักทดสอบในสนามแข่งระดับโลกเกิดไอเดียอยากลองเล่นกับรถใหญ่ดูบ้าง ในปี 2015 ทาง Toyota จับรถพื้นฐานเครื่องยนต์แรงอยู่แล้วอย่าง Toyota Mark X มาเข้าโปรเจ็กต์ GRMN โดยToyota Mark X GRMN ใช้ขุมพลังเบนซิน V6 3.5 ลิตร ซึ่งแรงมาอยู่แล้วตั้งแต่เกิด จับมาอัพเกรดเข้าไปอีกจนมีพละกำลังถึง 321 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เพิ่มลิมิเต็ดสลิป Torsen LSD เพื่อการขับเคลื่อนที่สมบูรณ์มากขึ้น
ระบบช่วงล่างปรับใหม่หมดทั้งโช้คอัพ สปริง และปรับจูนพวงมาลัยพาวเวอร์ เปลี่ยนใช้เบรกเกรดเดียวกับรถแข่ง แม้กระทั่งตัวถังก็มีการ Spot เพิ่มเพื่อความแข็งแกร่งมากขึ้นของโครงสร้าง ที่สำคัญลดน้ำหนักตัวรถทั้งคันด้วยการใช้หลังคา CFRP คาร์บอนไฟเบอร์ ภายนอกเติมความสปอร์ตด้วยกันชนหน้า-หลังใหม่ (กันชนดังกล่าวถูกนำมาใช้ใน Mark X GR Sport รุ่นปี 2019) เปลี่ยนล้อเป็นขนาด 19 นิ้วของ BBS
ภายในเปลี่ยนใช้เบาะนั่งทรงสปอร์ต พวงมาลัยทรงสปอร์ต ตกแต่งภายในด้วยสีดำเงา กลายเป็นรถพ่อบ้านสายซิ่งแบบเต็มตัวเอาไปวิ่งกับรถสปอร์ตได้สบาย Mark X GRMN ถูกผลิตออกมาสองรอบ โดยรอบแรกในปี 2015 ถูกผลิตจำนวนจำกัด 100 คัน แต่มาในปี 2019 ถูกผลิตขึ้นมาเพิ่มอีก 350 คัน โดยมีการเปลี่ยนรูปทรงกันชน-หลัง และภายในเล็กน้อยเท่านั้น
ในที่สุดก็ถึงเวลาของ GRMN ที่เป็นรถสปอร์ตเต็มตัวเสียที ในปี 2016 ทาง Toyota ได้เลือกโมเดลที่เป็นสปอร์ตเต็มตัวอย่าง 86 มาเข้าโปรเจ็กต์ GRMN โดย Toyota 86 GRMN คันต้นแบบใด้รับการพัฒนาด้านเทคนิคจากรถ 86 ที่ลงแข่งรายการ Endurance 24 ชั่วโมง ที่ Nürburgring
โดยเน้นที่การลดน้ำหนักตัวรถ การเซ็ตรถให้น้ำหนักลงกึ่งกลางรถให้มากที่สุด เครื่องยนต์ยังคงเป็นเบนซินขนาด 2.0 ลิตร สูบนอน รหัส FA20 แต่มีการอัพเกรดชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ให้แข็งแรงทนทานมากขึ้น เพิ่มออยล์คูลเลอร์ โปรแกรม ECU ใหม่ เพิ่มกำลังจากเดิม 200 แรงม้าเป็น 216 แรงม้าที่ทนทานกว่าเดิม ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เพิ่มลิมิตเต็ดสลิป ภายนอกใช้ล้อน้ำหนักเบาขนาด 17 นิ้ว ฝากระโปรงหน้า หลังคา ฝาท้าย ครีบรีดอากาศที่กันชนหลัง สเกิร์ตข้าง สปอยเลอร์หลัง โครงสร้างเบาะนั่ง ทั้งหมดที่ว่ามานี้ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมดเพื่อการลดน้ำหนัก กระจกหน้าต่างด้านข้างเปลี่ยนเป็นโพลีคาร์บอเนต 86 GRMN ถูกผลิตออกมาขายเพียง 100 คัน และได้ยินว่าเปิดขายไม่กี่ชั่วโมงเกลี้ยง
หลังจากนั้น ในปี 2018 เราก็ได้เห็น Toyota ทำอะไรแผลงๆ อีกครั้ง กับการจับโมเดลรถที่เรานึกมาถึงมาเข้าโปรเจ็กต์ GRMN ก่อนอื่นถ้าพูดถึง Toyota Century ภาพของมันคือรถซีดานที่หรูที่สุดของ Toyota และผมก็กล้าพูดได้ว่าเป็นซีดานที่หรูที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว เป็นรถที่ถูกยกให้เทียบเท่ากับ Mercedes-Maybach, Bentley หรือแม้กระทั่ง Rolls-Royce
ซึ่งการจะเป็นเจ้าของ Toyota Century ที่เป็นรถใหม่ก็ไม่ใช่ใครแค่มีเงินจะซื้อก็ได้ ต้องมีเงื่อนไขมากมาย เป็นรถที่ใช้ในราชสำนักของจักพรรษดิญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรี หรือนักธุรกิจระดับประเทศทั้งนั้น แต่แล้วในวันหนึ่งก็เกิดมี Toyota Century GRMN ขึ้นมา
ตอนนั้น Toyota คิดอะไรขึ้นมานะ? เรื่องของเรื่องก็คือเจ้า Century GRMN มันปรากฎตัวครั้งแรกแบบไม่มีวี่แววมาก่อน ด้วยการที่คุณ Akio Toyoda ท่านประธานใหญ่สุดของ Toyota ท่านไปร่วมงานประชุม Japan Automobile Manufacturers Association (JAMA) โดยท่านนั่งมาในรถ Toyota Century รุ่นล่าสุดในขณะนั้น โมเดล G60 ปี 2018
แต่ Century คันที่ท่านประธานนั่งมามันไม่เหมือน Century ทั่วไปน่ะสิครับ พูดง่ายๆ คือมันดูซิ่งกว่าปกติ ก็แน่นอนอยู่แล้ว ท่านเป็นคนที่มีมอเตอร์สปอร์ตอยู่ในสายเลือดรวมถึงเป็นนักแข่งรถอีกด้วย จะให้นั่งรถเดิมๆ มันคงไม่ใช่ บวกกับ (อันนี้ผมคิดเอง) น่าจะอยากบอกเป็นนัยๆ ว่าเร็วๆ นี้เตรียมพบกับเซอร์ไพร์ส ใช่ครับ มันคือ Century GRMN ที่เข้าสู่โปรเจ็กต์อัพเกรดนี้
ก่อนอื่นเลยคือสี รถคันดังกล่าวเป็นสีขาว ซึ่งจริงๆ แล้ว Toyota Century มีขายสีเดียวเท่านั้นคือสีดำ ชิ้นส่วนไหนที่เป็นโครเมียม เปลี่ยนเป็นสีดำทั้งหมด ตั้งแต่กระจังหน้า กระจกมองข้าง สเกิร์ตเรียบๆ รอบคัน คิ้วโคมไฟท้าย แต่ยังอุส่าห์มีสปอยเลอร์หลังชิ้นเล็กๆ เป็นคาร์บอนไฟเบอร์ และแถบสีแดงขอบล่างตัวรถรอบคัน
ปิดท้ายด้วยป้าย GRMN ที่ท้ายรถ ล้อจากหรูๆภูมิฐาน เปลี่ยนเป็นลาย Mesh แต่ขนาดเท่าไหร่คนแถวนั้นดูไม่ทัน แต่ที่แน่ๆ จานเบรกใหญ่ขึ้น คาลิปเปอร์ก็ไม่ใช่ของเดิม ระบบช่วงล่างดูเหมือนจะเตี้ยลงแต่ไม่มีการยืนยัน ส่วนขุมพลังติดรถที่เป็นเบนซิน V8 ไฮบริด 430 แรงม้าได้ถูกปรับแต่งเพิ่มเติมหรือไม่ยังไม่เป็นที่เปิดเผย ที่แน่ๆ ตอนนี้มี 2 คัน สีขาวที่ท่านประธานนั่ง กับอีกคันสีดำ และยังไม่มีผลิตออกขายแต่อย่างใด
โปรเจ็กต์ GRMN ผมเชื่อว่าทางทีมงานแผนกนี้ของ Toyota คงทำรถต้นแบบกันอยู่เรื่อยๆ เพียงแค่ไม่ได้เปิดเผยเท่านั้นเองว่ากำลังทำอะไรกันอยู่บ้าง แต่ตัวที่เปิดเผยที่เห็นเป็นคันจริงและมีความตั้งใจสร้างมาเพื่อขายจริง เรามักจะได้เห็นที่งาน Tokyo Auto Salon ซึ่งในปี 2022 ที่บูธ Toyota ก็ได้เปิดผ้าคลุมเจ้า Toyota GRMN Yaris โมเดลล่าสุด โดยใช้พื้นฐานจาก GR Yaris ตัวเล็กพลังแรงยอดนิยมนี่แหละครับ
โดยทาง Toyota เน้นเลยว่า GRMN Yaris เป็นผลลัพท์ที่ได้มาจากประสบการณ์ในมอเตอร์สปอร์ตทั้งทางเรียบและแรลลี่ นำมาพัฒนาให้เกิดรถรุ่นนี้ขึ้นมา โดยมีคอนเซ็ปต์หลักง่ายๆ คือให้เป็นรถที่มีสเปคความเป็นรถแข่งแต่สามารถขายให้คนทั่วไปขับใช้บนถนนได้อย่างถูกกฎหมาย
เริ่มต้นด้วยการลดน้ำนหนักตัวรถด้วยวิธีง่ายๆ ใช้ฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ เปลี่ยนเบาะคู่หน้าเป็นบัคเก็ตซีทน้ำหนักเบา เบาะคู่หลังถอดออกซะ แค่นี้ก็ลงไป 20 กก. แล้ว ตัวถังมีความกว้างมากขึ้นจาก GR Yaris 10 มม. รวมถึงเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวถังด้วยการเพิ่มจุดสป็อต พร้อมด้วยกาวยึดเสริมความแข็งแรง ระบบช่วงล่างปรับใหม่ทั้งโช้คอัพและสปริง เฟิร์มขึ้นและเตี้ยลง 10 มม.
ขุมพลังยังคงใช้ตัวเดียวกับที่อยู่ใน GR Yaris เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ 261 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่เปลี่ยนตัวลิมิตเต็ดสลิปมาใช้แบบเดียวกับของรถแข่ง เปลี่ยนอัตราทดเกียร์ให้จัดจ้านขึ้น ชิ้นส่วนภายในระบบเกียร์ถูกเปลี่ยนเป็นเกรดที่ทนทานมากกว่าเดิม ก็มีเพียงเท่านี้
แต่หาก GRMN Yaris ที่กล่าวไปมันยังฮาร์ดคอร์ไม่พอสำหรับคุณ ทาง Toyota ก็มี GRMN Yaris เวอร์ชั่นที่โหดเข้าไปอีก เป็น Circuit Package พูดง่ายๆ คือซื้อไปลงแข่งทางเรียบได้เลยแบบมีทะเบียน รถในเวอร์ชั่น Circuit Package มีการเปลี่ยนล้อไปใช้ขนาด 18 นิ้วของ BBS โช้คอัพ Bilstein แบบปรับได้ เพิ่มลิ้นที่สปอยเลอร์หลัง และสเกิร์ตข้าง
แต่ถ้าใครไม่ใช่สายทางเรียบ ก็มี GRMN Yaris เวอร์ชั่น Rally Package ให้เลือกด้วยเช่นกัน แต่จะเป็นลักษณะอ๊อพชั่นที่ลูกค้าจิ้มเลือกว่าจะเพิ่มเติมอะไรบ้าง ทั้งโช้คอัพ เหล็กกันโคลง ชุดแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ โรลเคจแบบเต็มคัน สะใจกันไปเลยงานนี้
ยังไม่จบครับ ด้วยความที่ Toyota เข้าร่วมมอเตอร์สปอร์ตหลายรายการ โดยใช้รถแข่งหลายรุ่น ซึ่งรถแข่งเหล่านั้นนอกจากหน้าที่ที่ต้องชนะแล้ว ยังสวมบทบาทการเป็นสิ่งทดลองของ Toyota เพื่อนำหลายๆ อย่างจากสนามแข่งมาปรับใช้พัฒนารถรุ่นใหม่ๆ ของค่าย ไม่เว้นแม้แต่ Prius ที่ถูกปรับแต่งเป็นรถต้นแบบ Toyota Prius 24h Le Mans Centennial GR Edition (ชื่อยาวจัง) ลงแข่งในรายการ Super GT series ในประเทศญี่ปุ่น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพระบบไฮบริดของ Toyota ที่สามารถลงแข่งขันและนำไปพัฒนาใช้ในรถที่จำหน่าย
จาก Prius คันต้นแบบดังกล่าว จึงมีการคาดเดากันว่าอีกไม่นานเราอาจจะได้เห็น Prius เวอร์ชั่น GRMN ก็เป็นได้ โดยมีการเดาต่างๆ นาๆ กันไป แต่ที่ดูเชื่อถือได้ก็น่าจะเป็นการนำขุมพลังที่ใช้อยู่ใน Prius ตัวปัจจุบันอยู่แล้วมาอัพเกรดเพิ่ม โดยยังคงเป็นรถ Plug-in ไฮบริด ที่ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กำลังรวมอยู่ที่ 223 แรงม้า และน่าจะมีการอัพเดทความแรงเพิ่มเติมเพื่อให้สมฐานะ GRMN
แต่ที่แน่ๆ หลายคนเดาว่า Prius จะต่างจากโมเดลอื่นของ Toyota โดยจะไม่มี GR Prius แต่จะกระโดดไปทำเวอร์ชั่น GRMN เลย และถ้าเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ของ GRMN กับโมเดลอื่นๆ ที่ผ่านมา ภายนอกตังถังก็น่าจะมีการปรับปรุงเล็กน้อยในเรื่องของชุดแต่งเพิ่มเติม แต่ที่แน่ๆ ระบบช่วงล่าง เบรก ต้องเปลี่ยนแน่นอน รวมถึงโครงสร้างตัวถังที่ต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วยการสป็อตเพิ่ม ถึงวันนี้ยังไม่มีกำหนดการณ์ที่แน่นอนสำหรับการเปิดตัว Prius GRMN เพราะ Prius รุ่นล่าสุดมันเพิ่งเปิดตัวไปยังไม่ถึงปี ซึ่งสื่อต่างประเทศพูดเหมือนกันว่าสงสัยจะได้เห็น Supra GRMN ก่อน
ไหนๆ ก็พูดถึงชื่อ Toyota Supra GRMN ขึ้นมาแล้ว ถามว่ามีมั้ย? มีแน่นอนครับ เพราะจากที่เป็นแค่ข่าวลือ เมื่อกลางปีที่ผ่านมามีคนแอบไปเห็น Supra คันหนึ่งติดสติกเกอร์ลายพรางทั้งคันวิ่งทดสอบอยู่ในสนาม Nürburgring ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปต์ GRMN เป๊ะ! ตัวรถภายนอกดูบึกบึนกว่า Supra ทั่วไป ช่องรับอากาศที่กันชนหน้าใหญ่ขึ้น มีการเพิ่มอะไรไปบ้างนั้นยังบอกไม่ได้เพราะยังอยู่ภายใต้ลายพรางและอาจมีการแปะชิ้นส่วนหลอกไว้ก็เป็นได้
แต่ที่แน่ๆ สปอยเลอร์ชิ้นหลังใหญ่เวอร์วังกว่าปกติ ซึ่งชิ้นส่วนนี้หลอกกันไม่ได้เนื่องจากมันส่งผลต่อการขับทดสอบที่ความเร็วสูง เลยไม่ยากที่จะคาดเดาว่าขุมพลังน่าจะต้องแรงกว่าเดิมแน่ๆ ส่วนใหญ่เดากันว่าน่าจะเป็นเบนซิน 6 สูบแถวเรียง รหัส S58 ทวินเทอร์โบ พละกำลัง 543 แรงม้า ตัวเดียวกับที่อยู่ใน BMW M4 CSL ซึ่งน่าจะทำให้มันแรงและเร็วกว่า Supra เดิมๆ ไม่น้อย คาดว่าคงอีกไม่นานเกินรอน่าจะได้เห็นคันจริงเปิดตัว
GRMN ที่จะพูดถึงคันสุดท้าย เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายอีกแล้ว Toyota ยังคงมีไอเดียแผลงๆ สำหรับ GRMN ออกมาเสมอ จาก Century GRMN ที่ท่านประธานนั่งไปประชุมครั้งนั้น ล่าสุดหลังจากที่ Toyota ได้เผยโฉมคู่แข่ง Rolls-Royce Cullinan อย่าง Century SUV ออกมา ในวันนั้นเอง ทุกคนได้เห็น Century SUV อีกคันในรูปลักษณ์แบบสปอร์ตที่มีคันเดียวในโลก แล้วก็เป็นรถที่จะถูกขับใช้งานจริง ซึ่งเจ้าของก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ท่านประธาน Akio Toyoda คนเดินนั่นแหละครับ แต่ครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะผลิตออกมาขายจริงๆ ด้วยคำกล่าวของท่านประธานเองเลย ซึ่งใครอยากได้ให้รอไปก่อน แต่มาแน่ๆ ว่าอย่างนั้น
สเป็คต่างๆ ของ ยังไม่มีการเปิดเผยอะไรทั้งสิ้น แต่จากที่ได้เห็นรถของท่านประธานคันที่ไปจอดโชว์ในงาน ก็คือมากับคอนเซ็ปต์เพิ่มความสปอร์ตให้กับรูปลักษณ์ภายนอก ด้วยสีตัวถัง ชิ้นส่วนต่างๆ ที่เคยเป็นโครเมียมจับมาทำสีดำเงาทั้งหมด (อีกแล้ว) ล้อเปลี่ยนเป็นสีดำลายสปอร์ต กระจกมองข้างสีดำ และถ้ายังคงคอนเซ็ปต์ของ GRMN ระบบช่วงล่าง และความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวถังก็น่าจะได้รับการอัพเกรดด้วย
ส่วนขุมพลังเดิมๆ ที่ติด Century SUV เป็น Plug-in ไฮบริด ที่ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีพละกำลังรวม 412 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อระบบ E-Four Advanced กระจายกำลังหน้า-หลังอัตโนมัติ ซึ่งพละกำลังก็ถือว่าแรงเอาเรื่องอยู่แล้ว แต่ใครจะรู้ มีป้าย GRMN แปะท้ายทั้งที ขุมพลังอาจจะยกเครื่องยนต์ V8 จาก Century ซีดานรุ่นก่อนหน้านี้มาวางก็ได้
คิดว่าน่าจะอิ่มจุใจกันสำหรับเวอร์ชั่น GR ทั้งหลายที่ไล่มาจนถึง GRMN ซึ่งถือเป็นที่สุดในขบวนการ GR ทั้งหมด การที่ Toyota มีอะไรแบบนี้ออกมาให้ได้เห็นและได้ขับกัน ผมให้เครดิตไปที่ท่านประธานใหญ่ของ Toyota อย่างคุณ Akio Toyoda ถือเป็นผู้บริหารที่มี Passion หรือความคลั่งไคล้ในรถยนต์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะการเพิ่มสมรรถนะให้กับรถรุ่นต่างๆ ซึ่งก็ถือว่าได้เปรียบและส่งผลชัดเจนต่อผลิตภัณฑ์ ถึงขนาดที่ท่านประธานลงไปขับทดสอบรวมถึงลงแข่งเอง จะมีบริษัทรถยนต์สักกี่บริษัทในโลกที่มีท่านประธานใหญ่แบบนี้ล่ะครับ
