วันก่อนทีมงาน carzanova เห็น SUV ดีไซน์โฉมเฉี่ยวเอาเรื่องวิ่งอยู่แถวเลียบทางด่วนเอกมัย–รามอินทรา ทำให้ต้องขยัยตามเข้าไปใกล้ๆ ส่องทะเบียนเป็นตัวอักษร TC ป้ายสำหรับรถทดสอบจากโรงงานประกอบหรือรถนำเข้า ย่อมาจาก “Test Car” หรือ “Temporary Car” ซึ่งกรมการขนส่งทางบก ออกให้ชั่วคราวเพื่อใช้กับรถยนต์ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการแต่อนุญาตให้วิ่งเพื่อการตรวจสอบคุณภาพก่อนวางจำหน่าย

ซูมเข้าไปใกล้ๆ ปะยี่ห้อว่า Fregata ข้อมูลจากกูเกิลระบุว่าแบรนด์ Fregata เกิดจากความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่าง Skyworth Auto (จีน), Wind God Automobile Co., Ltd. และ Sunlight Capital Co., Ltd. โดยมีจุดมุ่งหมายพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ครอบคลุมทั้ง R&D การผลิตและการขายผ่านเครือข่ายในประเทศไทยโดยเฉพาะกลุ่มแท็กซี่หรือภาคขนส่งทั่วไป

ดูจากมิติและรูปทรงน่าจะเป็นรุ่น FREGATA Ariel 8 ความยาว 4,698 กว้าง 1,908 สูง 1,696 มม. ฐานล้อ 2,800 มม. น้ำหนักรถ 1,920 กก. แบตเตอรี่มีตั้งแต่ 55,57 ไปจนถึง 70 kWh มอเตอร์ 204 แรงม้า ระยะทางวิ่งสูงสุด (NEDC) 410-520 กม. แล้วแต่ขนาดแบตเตอรี่สามารถชาร์จแบบ DC ได้

แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะเริ่มขายชัดเจนเมื่อไหร่มีเพียงข้อมูลว่าแนวโน้มจะเน้นไปที่ภาคขนส่งสาธารณะหรือขายเป็นรถแท็กซี่โดยเฉพาะ Ariel 8 ซึ่งมีระยะทางวิ่งไกลและ ADAS เหมาะกับการใช้งานหนัก หรือถ้าจะขยายตลาดมาสู่ลูกค้าประเภทส่วนบุคคลด้วยก็ยิ่งได้เปรียบ

ส่วนคู่แข่งที่เตรียมตัวหนาวไว้ได้เลยหลักๆก็มีหลายแบรนด์เช่น MG EP Plus ซึ่งถูกนำมาใช้จริงในระบบแท็กซี่ของไทยผ่านเครือข่าย SMAT (Sumitomo Mitsui Auto Leasing & Service) ร่วมกับ SAIC Motor-CP และ MG Sales (Thailand) โดยมีระยะทางสูงสุดถึง 380 กม. ต่อการชาร์จเต็มและโดดเด่นเรื่องความคุ้มค่า ประหยัดและราคาน่าจะโดดเด่นสุดในตลาด

ถัดมาเป็น GAC Aion ES (Taxi Edition) ออกแบบมาสำหรับภาคขนส่งในไทยขายผ่าน EVme Plus ในเครือ PTT ระยะทางสูงสุด 442 กม. ต่อการชาร์จมาพร้อมระบบ Smart Taxi (เช่นมาตรวัด, GPS, ป้ายแท็กซี่)
อีกแบรนด์ที่ระยะหลังเริ่มเห็นมากขึ้น BYD e6 หลักๆให้บริการรถแท็กซี่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ



นอกจากนี้ยังมี Asia Cab หรือ CABB EV แท็กซี่ไฟฟ้าต้นแบบสัญชาติไทยที่พัฒนาจากดีไซน์ลอนดอนแท็กซี่วิ่งไกล 300 กม. ต่อการชาร์จ
เรียกว่าตลาดแท็กซี่ EV ระยะหลังเดือดขึ้นเรื่อยๆ

เครดิตภาพ https://www.fregata.co.th/