ปัจจุบัน AI มีการพัฒนาค่อนข้างเร็วและเริ่มนำมาใช้อย่างแพร่หลาย ส่งผลให้ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ กลายเป็นผลิตภัณฑ์อันดับต้นๆ ที่มีการนำ AI มาใช้ ทำให้วงการยานยนต์กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้ง จากเดิมที่เคยแข่งกันพัฒนาซอฟท์แวร์ มาสู่การแข่งกันพัฒนา AI
ซึ่ง เอ็กซ์เผิง ได้นำ AI มาใช้กับระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัยต่างๆอย่างกว้างขวาง อาทิ XNGP ADAS (XPENG Navigation Guided Pilot Advanced Driver Assistance System) พร้อมจัดทำโครงสร้างแผนที่ขนาดใหญ่ การบริหารจัดการ และอัพเดตซอฟท์แวร์ที่ใช้กับยานยนต์ทุกรุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เอ็กซ์เผิง จะเป็นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรายแรก ที่ได้นำโครงสร้างทางความคิดของมนุษย์มาใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าอัฉริยะหลากรุ่นในสายการผลิต โดยอาศัยการวาดลายตารางที่มีความละเอียดสูง รวมกันมากกว่า 2 ล้านชิ้นเพื่อจำลองโลกทั้งใบ และช่วยให้ยานยนต์อัจฉริยะสามารถมองเห็นและแยกแยะอุปสรรคต่างๆ บนถนน ทั้งแบบชั่วคราวหรือถาวรได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้น เอ็กซ์เผิง ก็นับเป็นผู้ผลิตรายแรกของวงการที่ได้นำโครงสร้างทางความคิดของมนุษย์มาใช้กับ AI เรียกว่า ‘Xplanner’ เพื่อสร้างความสามารถในการเรียนรู้, คิด และทำได้เหมือนมนุษย์มากยิ่งขึ้น
++ นำเสนอประสบการณ์ด้านโมบิลิตี้อัจฉริยะ ผ่าน AI ที่สามารถคิดใกล้เคียงมนุษย์
วันนี้ เอ็กซ์เผิง นำเสนอยานยนต์อัจฉริยะรุ่น ‘X9’ ที่ติดตั้งหลากหลายนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาทิ ระบบปฏิบัติการ XOS 5.1.0 หรือมีชื่อว่า ‘Tianji’ ซึ่งนับเป็นระบบปฏิบัติการแรกของวงการที่นำ AI มาใช้กับค็อกพิทล้ำสมัย และการขับแบบอัจฉริยะแบบเต็มระบบ พร้อมสำหรับการใช้งานในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567
เอ็กซ์เผิง มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการสร้างระบบปฏิบัติการที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ล้ำสมัยที่สุดสำหรับการใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ รังสรรค์ประสบการณ์ขับที่สะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้นไม่ว่าจะขับเองหรือใช้ระบบขับอัตโนมัติ เอ็กซ์เผิง ได้มีการปรับปรุงระบบ สิ่งแวดล้อมเสมือนจริง‘SR-surround reality’ ให้มีศักยภาพในการมองเห็นที่ละเอียดขึ้น เพิ่มระยะสังเกตการณ์ได้ไกลเทียบเท่าความยาวเกือบ 2 สนามฟุตบอลมาตรฐาน และสามารถระบุวัตถุต่างๆ ที่อยู่รอบตัวได้มากกว่า 50 ชิ้น อย่างแม่นยำ
บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวระบบ ‘AI Valet Driver’ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มศักยภาพการมองเห็นและควบคุมระบบต่างๆ โดยเทคโนโลยี AI ที่มีความสามารถในการเรียนรู้ที่ละเอียด และซับซ้อนยิ่งขึ้น ทำให้ AI Valet Driver สามารถทำได้งานได้อิสระ โดยไม่จำกัดว่าจะต้องติดตั้งคู่กับระบบ XNGP โดยสามารถจดจำเส้นทางที่ใช้บ่อยได้อย่างแม่นยำ ซึ่งผู้ขับสามารถเลือกใช้ได้สูงสุดถึง 10 เส้นทาง (ระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อเส้นทาง) ผสานความมั่นใจกับโครงข่ายรองรับทั่วประเทศ
++ มุ่งมั่นในการก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของยุคโมบิลิตี้อัจฉริยะ
และช่วงเดือนมิถุนายนที่กำลังจะมาถึง เอ็กซ์เผิง มีกำหนดเปิดตัว MONA (Made Of New AI)แบรนด์ใหม่ในเครือฯ ที่จะเป็นตัวแทนของนวัตกรรมยุคใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ยานยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วโลก