ถึงกระแสจะดูจางๆ แต่ยังไม่ห่างหายไปไหน ผมกำลังพูดถึงรถในกลุ่ม D-segment หรือซีดาน 4 ประตูขนาดใหญ่ (ต่างประเทศเรียกขนาดกลาง) ที่ต้องยอมรับว่าความนิยมตกลงไปมากเมื่อมีพาหนะในรูปแบบ SUV เกิดขึ้นมา

ซึ่วถ้ามองกันแค่ในตลาดประเทศไทยตอนนี้ ค่ายญี่ปุ่นบางค่ายตัดลินใจเลิกขายรถกลุ่มนี้ไปเลยเพราะความนิยมมันเทียบไม่ได้กับ SUV หรือ Crossover ดูกันง่ายๆ ถ้าในราคาที่เท่ากัน ลูกค้าเกินกว่า 80% เลือก SUV โดยถ้าย้อนกลับไปเมื่อสักสิบกว่าปีที่แล้ว ตลาดรถญี่ปุ่นกลุ่มนี้ถือว่ายังคึกคักอยู่ไม่น้อยโดยคู่แข่งหลักมีอยู่สามรุ่นคือ Toyota Camry , Honda Accord และ Nissan Teana แต่ปัจจุบัน Nissan Thailand ประกาศออกมาว่าจะเลิกทำตลาดรถซีดานในกลุ่ม D-segment และ C-segment ซึ่งได้แก่ Teana และ Slyphy


ดังนั้นคู่แข่งหลักจึงเหลือแค่ 2 รุ่นคือ Camry กับ Accord ซึ่งก็เป็นคู่กัดกันมาตลอดกาลอยู่แล้ว โดยรุ่นหลังๆ ของทั้งคู่ก็เน้นเจาะจงไปที่ขุมพลังไฮบริด ถามว่ายังได้รับความนิยมอยู่มั้ย? ถ้าเทียบโมเดลล่าสุดในประเทศไทย แม้ว่า Camry จะไม่ได้มีโมเดลใหม่ออกมาซักพักแล้ว แต่ประชากรของรถก็ยังมีให้เราเห็นกันบนถนนทุกวัน ในขณะที่ Honda Thailand เปิดตัว All-New Honda Accord ล่าสุดเจเนอเรชั่น 11 มาเกือบปีแล้ว แต่ดูเงียบเหงายังไงพิกล เห็นวิ่งกันบนถนนน้อยมาก อาจเนื่องมาจากกระแสที่ว่า SUV มาแรงในยุคปัจจุบัน รวมถึงการยกทัพเข้ามาของรถจีนที่พกเทคโนโลยีล้ำสมัย และราคาชวนเสียเงินเสียเหลือเกิน หลายคนจึงมองว่า หรือจะถึงเวลาสูญพันธุ์ของซีดานญี่ปุ่นกลุ่ม D-segment ในประเทศไทยเสียแล้ว
ถ้าส่วนตัวผมว่ายังนะครับ! มันยังไม่ถึงเวลานั้น เพราะเรากำลังจะได้เห็นการเปิดตัว All-New Toyota Camry ในประเทศไทยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และใครที่ว่ากระแส D-segment แผ่วจนต้องเลิกขายคิดใหม่ เพราะตั้งแต่มีข่าวออกมาว่าเรากำลังจะได้เห็น Camry ใหม่ ก็มีคนถามมาเยอะมากโดยไม่พ้นเรื่องของสเปค และราคา ซึ่งผมเองก็ยังตอบไม่ได้หรอกครับ ก็รถมันยังไม่เปิดตัว

แต่ถ้าอิงจาก Camry รุ่นผ่านๆ มาที่ขายในประเทศไทย ก็มักจะเป็นรูปร่างหน้าตาแบบเดียวกับที่ขายอยู่ในอเมริกาเสียเป็นส่วนใหญ่ เนื่องด้วยเป็นรถเก๋ง 4 ประตูรุ่นใหญ่สุดที่ขายในประเทศไทย ทางค่ายก็ต้องเน้นไปที่ลุคที่หรูหรา Luxury อย่างไรก็ตาม กาลเวลาเปลี่ยนไป เทรนด์โลกก็เปลี่ยนไป พอรถรุ่นใหม่จะเปิดตัว คนมักโฟกัสไปที่รถเวอร์ชั่นที่ขายในประเทศจีน เพราะมักได้สเปคสูงกว่าที่อื่นๆ และก็มีข่าวแว่วออกมาว่า All-New Toyota Camry ที่ผมบอกว่าจะเปิดตัวในประเทศไทยเร็วๆ นี้ จะไม่ใช่เวอร์ชั่นที่ขายในจีน แต่หากดูกันแค่ภายนอก หน้าตาของรถสเป็คขายในจีนกับอเมริกาก็มีความคล้ายกันมาก จะต่างกันก็แค่กระจังหน้า กันชน และอะไรเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
โดยรวมถ้าเทียบกับรุ่นปัจจุบันที่ขายอยู่ในประเทศไทย ส่วนตัวผมมองว่ารุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวมีลุคที่ดูโฉบเฉี่ยวสปอร์ตมากกว่าเดิมเยอะ ซึ่งก็เดาล่วงหน้าว่าน่าจะได้กลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยลงได้ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า Camry ถูกมองว่าเป็นรถคนแก่ในสายตาหลายๆ คน ซึ่งมาถึงตรงนี้ก็ถือว่าเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับ Honda Accord ที่เจเนอเรชั่นล่าสุดอย่าง Gen 11 มันดูสวยสปอร์ตกว่า Gen 10 แบบคนละเรื่อง

ไม่เพียงแต่ภายนอกที่ Camry เวอร์ชั่นอเมริกาและจีนจะคล้ายกันมาก ภายในห้องโดยสารก็ยังมีดีไซน์เดียวกัน รูปแบบการจัดวางอุปกรณ์แบบเดียวกัน คือถ้าจะต่างก็คงเป็นเรื่องของลูกเล่นที่เวอร์ชั่นจีนย่อมต้องมากกว่า เพราะที่นั่นเขาบ้าเทคโนโลยีไฮเทคที่ต้องแข่งกับรถจีนรุ่นใหม่ๆ ซึ่งถ้าดูดีไซน์โดยรวมของภายในห้องโดยสาร มันก็ขยับเข้าใกล้ Lexus เข้าไปทุกที
ด้านขุมพลังหากอิงจากรถที่เปิดตัวไปแล้วในประเทศจีน มีให้เลือก 4 แบบคือ เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร, 2.0 ลิตร ไฮบริด, เบนซิน 2.5 ลิตร และ 2.5 ลิตร ไฮบริด ซึ่งผมแอบกระซิบเบาๆ ว่า Camry ที่เปิดตัวไปในประเทศจีนมีที่เป็น 2.0 ลิตร ไฮบริด มอเตอร์สองตัวหน้า-หลัง ขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยนะครับ แต่ถามผมว่าเวอร์ชั่นขับเคลื่อน 4 ล้อนี้จะมาขายในประเทศไทยหรือไม่? ผมบอกเลยว่า ไม่มาหรอกครับ ถ้างั้น All-New Camry ที่จะมาเปิดตัวประเทศไทยจะมีขุมพลังแบบใดให้เลือกบ้าง ผมเดาว่าน่าจะมีแค่สองตัวเลือกคือ เบนซิน 2.5 ลิตร VVT-iE พละกำลัง 209 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า กับอีกแบบคือ 2.0 ลิตร ไฮบริด ที่พละกำลังรวมระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 232 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดประมาณ 290 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า
แต่ถ้าให้ผมเดาลึกไปกว่านั้น ส่วนตัวผมคิดว่าที่จะเปิดตัวในประเทศไทยน่าจะมาเวอร์ชั่นเดียวเลยครับคือ เบนซิน 2.0 ลิตร ไฮบริด เนื่องด้วยกระแสความนิยมที่รถยุคใหม่ต้องมีมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว ความนิยมเครื่องยนต์สันดาปเพียวๆ ที่ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ราคาค่าตัว การประหยัดเชื้อเพลิง และสุดท้ายคือสมรรถนะที่ยังไงไฮบริดก็ดีกว่าเครื่องยนต์อย่างเดียวเพียวๆ ส่วนเรื่องค่าตัวถ้ารุ่นเริ่มต้นหย่อนล้านกลาง ตัวท็อปล้านปลายไม่แตะ 2 ล้าน ผมว่าไปได้ เพราะเชื่อว่ายังมีแฟนรถญี่ปุ่นโดยเฉพาะแฟน Toyota ที่เหนียวแน่นอีกจำนวนมาที่ยังเชื่อถือยี่ห้อ Toyota และไม่ปันใจไปหารถจีนง่ายๆ


แล้ว All-New Camry เมื่อมาถึงแล้วมีใครที่เป็นคู่แข่งรออยู่บ้าง? เจ้าแรกไม่ต้องสงสัย Honda Accord Gen 11 แน่นอน เพราะเขาฟัดกันมานานในแง่ของรถที่อยู่ใน Segment เดียวกัน ระดับราคาเดียวกัน และค่ายญี่ปุ่นเหมือนกัน ซึ่ง Accord รุ่นล่าสุดทาง Honda Thailand เปิดทางเลือกขุมพลังมาให้แบบเดียวเลยคือ e:HEV ไม่มีเบนซินเทอร์โบแล้ว โดยรายละเอียด e:HEV ที่อยู่ใน Accord ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร Direct Injection ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (ชาร์จไฟฟ้า 1 ตัว ขับเคลื่อนที่ล้อหน้า 1 ตัว) พละกำลังรวม 207 แรงม้า ภายในและฟังก์ชั่นมีจุดขายที่เป็นไฮไลท์เช่น Remote Engine Start, Wireless Charger, เครื่องเสียง Bose, หน้าจอกลางสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว, Google Built-in เป็นต้น
ส่วนระบบความปลอดภัยก็ Honda SENSING เต็มระบบ ซึ่งถ้าเทียบกับ All-New Camry ที่จะเปิดตัว ผมว่าก็ไม่หนีกันเท่าไหร่เพียงแค่อาจใช้ชื่อระบบต่างกันเท่านั้น จากข้อมูลคร่าวๆ ของ Camry ไฮไลท์ก็มี แผงหน้าปัดทรงโค้งรับกับคอนโซลทรงโค้ง S-curve หน้าจอกลางแบบแบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้วความละเอียดสูงลูกเล่นเพียบ Wireless Charger ระบบความปลอดภัยเป็น Toyota Safety Sense เวอร์ชั่น 3.0


ค่าตัวของ Honda Accord e:HEV อยู่ที่ 1,529,000 – 1,799,000 บาท ซึ่งอย่างที่บอกว่าผมเดาว่าค่าตัวของ Camry ใหม่ก็น่าจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ นี้แหละครับ คราวนี้ประเด็นคือว่า ณ ปัจจุบันในยุคที่กระแสรถไฟฟ้า EV กำลังมาแรงมาก มันก็มีตัวเลือกรถ EV ที่เป็นซีดาน 4 ประตูที่กำลังขายอยู่ในประเทศไทยให้เลือกในระดับราคานี้เสียด้วยสิครับ เรื่องของขนาดตัวรถก็แตกต่างกันไปแต่ก็ไม่มาก อย่างที่เห็นชัดๆตอนนี้ทางฝั่งรถ EV สัญชาติจีนที่เป็นซีดาน 4 ประตูก็มีตัวฮิตอย่าง BYD SEAL ที่สมรรถนะร้อนแรงเหลือเกิน ฟังก์ชั่นใช้งานลูกเล่นก็ใส่มาเพียบ ส่วนเรื่องราคารุ่นเริ่มต้นอยู่ที่ 1,199,000 บาท ไปจบตัวท็อปมอเตอร์คู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ 500 แรงม้า ค่าตัว 1,499,000 บาท ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าวันดีคืนดี BYD จะประกาศลดราคาลงมาอีกรึเปล่า รถ EV จีนคันต่อมาที่น่าจะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยก็คือ Deepal L07 เราอาจยังไม่เห็น L07 มากนัก เพราะ Deepal ที่ขายดีตอนนี้เป็น S07 ที่รูปร่างหน้าตาเป็น SUV ที่ไปละม้ายคล้ายคลึงกับ SUV ของค่ายซูเปอร์คาร์จากอิตาลี เจ้า Deepal L07 ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวขับเคลื่อนล้อหลัง พละกำลังสูงสุด 258 แรงม้า ฟังก์ชั่นของเล่นมาเต็ม กับค่าตัว 1,329,000 บาท


ยังไม่หมดแค่นั้น อีกหนึ่งตัวเลือกซีดาน 4 ประตู EV จากจีนที่ได้รับความสนใจไม่แพ้เพื่อนร่วมชาติก็คือ ORA 07 กับราคาในรุ่นเริ่มต้นที่ 1,299,000 บาท แล้วไปจบตัวท็อป ORA 07 Performance มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวหน้า-หลัง ขับเคลื่อน 4 ล้อ พละกำลัง 408 แรงม้า ภายนอกดูดีมีเสน่ห์ ภายในสวยหรูวัสดุชั้นเยี่ยม ฟังก์ชั่นเกินจะครบ กับค่าตัวรุ่นท็อป 1,499,000 บาท (ราคาเท่า SEAL Performance เป๊ะ!)
ตัวจริงยังไม่ทันมา คู่แข่งก็มารออยู่แล้ว ถามว่า All-New Camry จะกลับมาเป็นรถยอดนิยมในกลุ่มซีดาน 4 ประตูขนาดกลาง-ใหญ่ได้หรือไม่ ผมว่ายังไงก็ยังได้อยู่ เพราะอย่างที่บอกไปตั้งแต่ตอนต้นว่าฐานลูกค้าคนไทยที่ยังคงเป็นแฟนเหนียวแน่นของ Toyota ก็ยังมีอยู่มาก ดังนั้นโอกาสที่ลูกค้าเก่าที่ใช้ Camry อยู่แล้ว อยากจะได้รุ่นใหม่ ก็ถึงเวลาเปลี่ยนพอดี เพราะอายุรถของ Camry รุ่นปัจจุบันที่ขับมาก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว เซลส์ Toyota เริ่มแรกไม่ต้องไปวิ่งลูกค้าใหม่ ตามลูกค้าเก่าๆ มาชมมาลองขับตอนรถมาถึงโชว์รูมนี่แหละครับ ถ้าสินค้าดีจริง ถูกใจ ทำไมเขาจะไม่ซื้อ ยิ่งเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์หรือของ Camry ด้วย แล้วไหนอาจจะมีลูกค้าที่เจ็บช้ำมาจากรถ EV ในหลายๆ กรณี อยากหันกลับมาหารถไฮบริดภายใต้แบรนด์ดังมีศูนย์บริการทั่วบ้านทั่วเมืองอีกครับ ตอนนี้เหลืออย่างเดียวคือ สเปครถจะมาแบบไหน และ Toyota Thailand จะตั้งราคามาเท่าไหร่ แค่นั้นแหละครับ
Photo credit: https://www.chinacarforums.com/threads/2024-gac-toyota-camry.75141/
https://www.longotoyotaofprosper.com/blogs/3123/new-inventory/2024-toyota-camry-interior-features/