ยังคงเป็นคู่แข่งตลอดกาล สำหรับ 2 บิ๊กแบรนด์มอเตอร์ไซค์จากฝั่งญี่ปุ่น หลังฮอนด้า ได้เปิดตัว “ALL NEW HONDA PCX 160” ไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ล่าสุดค่ายยามาฮ่า ถึงคิวเปิดตัว “ALL NEW YAMAHA NMAX” ออกมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ YECVT ซึ่งเป็นเจ้าแรกในโลกสำหรับรถคลาสนี้ เล่นเอาตลาดออโตเมติกสกู๊ตเตอร์คลาสเล็ก มันดูคึกคันน่าสนใจ แบบชนิดที่ว่าถ้าใครกำลังจะซื้อรถในคลาสนี้อยู่ ต้องศึกษาหาข้อมูลกันแบบจริงจังสว่าจะเลือกคันไหนดี เรามาเจาะลึกสเปค พร้อมข้อมูลเปรียบของเจ้า สกู๊ตเตอร์พรีเมียม ทั้ง 2 รุ่น ว่าคันไหนมีความน่าสนใจอย่างไร และคันไหนจะครองใจสิงห์นักบิดได้มากกว่ากัน
ALL NEW YAMAHA NMAX

เริ่มกันที่ค่ายที่เปิดตัวแบบสดๆ ซิงๆ กับ All New Yamaha NMAX ที่ออกแบบใหม่ภายใต้ DNA ของ MAX Series ที่พัฒนาไปอีกขั้น ยกระดับความเป็น Premium Sport Scooter รอบคัน ปรับแต่งในทุกรายละเอียด ให้สปอร์ตดุดันด้วยเส้นสายเฉียบคม เพื่อตอบสนองความเท่แบบเร้าใจ มีให้เลือกถึง 2 รุ่น คือรุ่น STANDARD และรุ่น TECHMAX

ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟหน้าโปรเจ็กตอร์ใหม่แบบรถยุคใหม่ หลอด LED Projector ทั้งไฟสูง-ต่ำ ทนทาน ให้แสงสว่างชัดเจน ไม่ฟุ้งกระจายรบกวนสายตาเพื่อนร่วมทาง เพิ่มทัศนะวิสัยในเวลากลางคืน ด้านท้ายมากับดีไซน์ไฟท้ายใหม่ ที่พัฒนาจากรุ่นพี่อย่าง TMAX ชุดไฟท้าย ไฟเลี้ยว เป็นแบบ LED สว่างกว่าหลอดธรรมดา ประหยัดพลังงานและทนทานกว่า

หน้าจอเรือนไมล์ดิจิทัลเป็นแบบใหม่แบ่งออกเป็น 2 หน้าจอ สามารถควบคุมการใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยสวิตช์บนแฮนด์ด้านซ้าย หน้าจอสี TFT 4.2 นิ้ว ฟังก์ชันสุดล้ำแบบ INFOTAINMENT แสดงผลข้อมูลมากมาย แสดงเบอร์โทรศัพท์สายเรียกเข้า พร้อมกดรับหรือวางสายได้ แสดงผลสภาพภูมิอากาศแบบ Realtime สามารถเชื่อมต่อกับแอพ Garmin Street Cross พร้อมระบบนำทาง แสดงแผนที่เส้นทาง สภาพอากาศที่ปลายทาง แจ้งเตือนข้อมูลเส้นทางที่อาจไม่ปลอดภัย เช่น ทางโค้งหักศอก ทางจำกัดความเร็ว เมื่อเชื่อมต่อ Y-Connect


เบาะนั่งดีไซน์พิถีพิถัน วัสดุและลวดลายพิเศษ โดยเฉพาะรุ่น TECHMAX เพิ่มความพรีเมียมสปอร์ต ช่วยกระชับลดอาการเมื่อยล้าขณะเดินทางทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย

ด้านขุมพลังยังคงมากับเครื่องยนต์ Blue Core 155.09 ซีซี VVA 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ควบคุมประสิทธิภาพของการเผาไหม้ให้สมบูรณ์ และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมกับการจุดระเบิดอย่างแม่นยำ ลดการสูญเสียกำลังของเครื่องยนต์ ระบายความร้อนได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีและประหยัดน้ำมันมากขึ้น

โดยระบบวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA ให้อัตราเร่งดีเยี่ยม ช่วยให้เครื่องยนต์ตอบสนองทุกแรงบิด ลดอาการรอรอบ ให้อัตราเร่งเต็มกำลัง ทั้งรอบต่ำ กลางและสูง ตั้งแต่ออกตัวและเร่งแซง นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมชุดส่งกำลังอัตโนมัติด้วยระบบ Electronic สั่งงานผ่าน ECU ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหมดการขับขี่เพื่อออกแบบการขับขี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน มั่นใจในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

โดยมีโหมดการขับขี่ปรับได้ 2 รูปแบบ ตามลักษณะการใช้งาน ทั้งในเมืองหรือขับขี่ทางไกล เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานตามความเหมาะสม
T Mode (Town Mode) – ขับขี่ง่าย นุ่มนวล เหมาะกับใช้งานในเมือง ประหยัดน้ำมัน
S Mode (Sport Mode) – อัตราเร่งดี เครื่องยนต์ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ขับขี่เร้าใจสไตล์สปอร์ต

พร้อมกันนี้เฉพาะรุ่น TECH MAX ยังมีเทคโนโลยี YECVT (YAMAHA ELECTRIC CONTIUOUSLY BARIABLE TRANSMISSION) ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกของโลกที่นำเอาเทคโนโลยีนี้มาใช้กับรถออโตเมติกสกู๊ตเตอร์ โดยเป็นกลไกระบบไฟฟ้าที่เข้ามาช่วยเรื่องการบีบอัดสายพาน แทนการใช้เม็ดตุ้มแบบเก่า ซึ่งข้อดีคือเรื่องการสึกหรอที่น้อยกว่า ไม่ต้องถอดเปลี่ยนไล่เม็ดในชาม เพราะชุดกลไกที่ทำงานร่วมกับชามตัวหน้า จะควบคุมเซอร์โวมอเตอร์ที่ใช้ขับเฟืองดันชามไปอัดสายพาน ด้วยกล่องไฟฟ้าควบคุม อธิบายง่ายๆ คือเอาระบบไฟฟ้ามาใช้แทนการไล่เม็ดแบบเก่า

สำหรับ SHIFT DOWN FUNCTION ที่มีเฉพาะในรุ่น TECH MAX จะมีฟังก์ชันการทำงานดังนี้
1.เพิ่มอัตราเร่งอัตโนมัติ 1 ระดับ เมื่อเปิดคันเร่งทันที
2.เพิ่มทางเลือกในการควบคุมได้ด้วยตัวเอง แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
2.1 เปิดคันเร่ง และกดปุ่ม Shift เพื่อเพิ่มอัตราเร่ง โดย ECU จะปรับอัตราทดของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมในการเร่งแซง โดยสามารถเพิ่มได้ 3 ระดับ
2.2 ปิดคันเร่ง และกดปุ่ม Shift เพื่อสร้างแรงเบรกจากเครื่องยนต์ (Engine Brake) โดย ECU จะปรับอัตราทดของเครื่องยนต์ ทำให้เกิดแรงต้าน และความเร็วของรถจะลดลงเร็วกว่าการปิดคันเร่งเพียงอย่างเดียว โดยสามารถลดได้ 3 ระดับ
ด้านระบบกันสะเทือน ช็อคอัพหน้า-หลัง ได้รับการเซ็ตอัพใหม่ รองรับการขับขี่ที่สนุกมากยิ่งขึ้น ดิสก์เบรกมาพร้อม ABS ทั้งล้อหน้าและล้อหลัง ควบคุมแรงดันเบรกอัตโนมัติ ลดอาการล้อล็อกทั้งหน้าและหลัง กรณีเบรกกะทันหัน มีระบบ Traction Control System (TCS) ช่วยลดอาการล้อลื่นไถล ปรับสมดุลการหมุนของล้อหน้า-หลังให้สัมพันธ์กัน หากล้อหลังเกิดอาการหมุนฟรี ระบบจะลดการส่งกำลังของเครื่องยนต์อัตโนมัติ ช่วยลดอาการลื่นไถลใน สภาพพื้นถนนผิดปกติ

นอกจากนี้ยังมีระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop and Start System) ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องยนต์จะหยุดทำงาน เมื่อรถหยุดในการจราจรติดขัด ช่วยประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น

เรื่องความสะดวกสบายมากับระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพิ่มความสามารถในการใช้งาน ด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชัน Y-Connect ในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน CCU ของตัวรถ เพื่อให้สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ได้มากมาย อีกทั้งยังมีกุญแจรีโมทอัจฉริยะ Smart Key System สะดวกในการใช้งาน สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ ปลดล็อกแฮนด์รถ ปลดล็อกเบาะ ปลดล็อกหรือล็อกฝาถังน้ำมัน

สำหรับช่องเก็บของมีกล่องเก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่ 25 ลิตร เก็บสัมภาระได้พอสมควร ทั้งหมวกกันน็อกเต็มใบหรือกระเป๋าเอกสารได้ อัพเกรดช่องชาร์จสมาร์ทโฟนเป็น USB-Type C เพื่อรองรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ พร้อมช่องเก็บของด้านหน้า 2 ด้านสำหรับเก็บอุปกรณ์หรือสิ่งของได้

ด้านการรับประกัน ต้องบอกว่าเป็นเจ้าที่รับประกันมากที่สุด เรียกว่าเป็นการเปิดโลกใหม่ของการรับประกันรถออโตเมติกสกู๊ตเตอร์ด้วยการรับประกันมากถึง 5 ปี 50,000 กิโลเมตร ก่อนจะปิดท้ายที่ราคาค่าตัว เริ่มกันที่รุ่น STANDARD เปิดราคาที่ 98,500 บาท และรุ่น TECHMAX เปิดราคาที่ 113,500 บาท

ALL NEW HONDA PCX 160

ขณะที่ค่ายฮอนด้า หลังประกาศเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปี ส่ง All New Honda PCX160 ออกสู่ตลาด กับดีไซน์สปอร์ตพรีเมี่ยม โดดเด่นด้วยไฟหน้าดีไซน์ใหม่ ทรง Victory Shape ไฟเลี้ยว LED เพิ่มการส่องสว่างไปในทุกเส้นทาง ส่วนไฟท้าย LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวสปอร์ตพรีเมี่ยม

หน้าจอแสดงผล TFT ใหม่ ขนาด 5 นิ้ว แสดงผลทุกข้อมูลการขับขี่ได้ครบถ้วน ชัดเจน ทั้งการคำนวณระยะทางกับน้ำมันที่เหลืออยู่, อัตราสิ้นเปลือง, สัญญาณไฟขาตั้ง, การแจ้งเตือนการบำรุงรักษา รวมไปถึงการแสดงอุณหภูมิ ในขณะที่การแสดงผลระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ระบบตรวจจับและควบคุมล้อหน้า-ล้อหลังให้สัมพันธ์กัน ป้องกันรถเสียการทรงตัว สะดวก ปลอดภัยในทุกการขับขี่ พร้อมกันนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น Honda RoadSync เทคโนโลยีอัจฉริยะจากฮอนด้าที่ควบคุมการทำงานด้วยเสียงโดยไม่ต้องละสายตาจากถนน ในการรับสายโทรศัพ์, ระบบนำทาง, แอปพลิเคชั่นฟังเพลง และประวัติการเดินทาง ควบคุมผ่านปุ่มคอนโทรลเลอร์ดีไซน์ใหม่ในแบบมัลติฟังก์ชั่นสั่งการได้หลากหลาย ถือเป็นอีกระดับของการเชื่อมต่อระหว่างคนและรถ

ALL NEW PCX 160 มาพร้อมกับขุมพลังขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 4 วาล์ว 156.93 ซีซี ให้สมรรถนะแรงต่อเนื่อง ส่งเต็มกำลัง สมูท ลื่นไหล ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบเบรก ABS ล้อหน้า มีจานเบรกขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อล็อกเมื่อเบรกกะทันหัน

พร้อมกันนี้ยังมีพื้นที่เก็บของใต้เบาะขนาดใหญ่จุได้ 30 ลิตร สามารถเก็บหมวกกันน็อกทั้งใบได้ โดยสามารถเปิดเบาะค้างเพื่อหยิบของได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ยังมีที่ชาร์จไฟสำรอง USB-Type-C มาให้ รวมถึงกุญแจรีโมตอัจฉริยะ Honda SMART KEY & CONTROLLER ที่สั่งงานง่ายเพียงบิดสวิตช์

สำหรับผู้ทำการจองรถ All New Honda PCX160 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 มกราคม 2568 จะได้รับแพ็กเกจ HSP (Honda Service Premium Package) ตรวจเช็กระยะฟรีตลอดระยะเวลา 2 ปี หรือระยะทาง 18,000 กิโลเมตร

สำหรับ Honda PCX 160 มี 3 รุ่น ให้เลือก ได้แก่ รุ่น Standard มี 3 ราคาแนะนำ 96,000 บาท , รุ่น RoadSync ราคาแนะนำ 99,900 บาท และ รุ่น Exclusive Edition ราคาแนะนำ 107,500 บาท






