ALL NEW NISSAN X-TRAIL e-POWER MODIFY BY Nismo จัดเป็น SUV GRAND TOURING ที่น่าหลงใหล อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แม้แต่ Chisō Senmasa นักแข่งรถประจำทีม Nissan ที่ใช้ GT 500 ในการแข่งขัน Super GT ยังตะลึงกับการพัฒนา NISSAN X-TRAILใหม่ ผ่านการโมดิฟายโดย NISMO

X-Trail ใหม่ เป็นการนำเทคโนโลยีพลังงานไฟฟ้า e-POWER ผสานเข้ากับเทคโนโลยี e-4ORCE ระบบช่วงล่างที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่แบบสปอร์ตได้อย่างเหลือเชื่อ และสามารถควบคุมการตอบสนองที่ฉับไวของพวงมาลัยและระบบขับเคลื่อนทั้งหมด Chisō กล่าวอย่างประหลาดใจว่าเขาไม่รู้สึกถึง “น้ำหนักที่หนักอึ้ง” โดยชี้ให้เห็นว่า ฟิลลิ่งของ NEW NISSAN X-TRAIL e-POWER ไม่เหมือนกับ SUV ทั่วไปที่เคยสัมผัส

แรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต ทำให้สมรรถนะการขับขี่ ถูกปรับแต่งอย่างละเอียดในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ ระบบส่งกำลังอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ NISMO ซึ่งใช้เทคโนโลยีควบคุมด้วยไฟฟ้าเช่นเดียวกับใน Formula E ช่วยให้รถสามารถขับขี่ได้ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ
e-4ORCE มาพร้อมกับยาง และล้อรุ่นพิเศษเฉพาะของ NISMO ที่รวมเสถียรภาพในการควบคุมและความเงียบอย่างลงตัว โดยยางใช้เป็น MICHELIN PILOT SPORT EV 255/45R20 ซึ่งพัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับ NISMO มอบความสมดุลในระดับสูงระหว่างสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า

ล้ออะลูมิเนียมของ Enkei ขนาด 20 นิ้ว ที่ออกแบบเฉพาะของ NISMO ช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสของยาง และช่วยเพิ่มฟิลลิ่งการยึดเกาะถนนในการเข้าโค้ง ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มสมรรถนะขณะขับขี่เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มการตอบสนองของพวงมาลัยอีกด้วย การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีรถแข่ง รวมถึงสมรรถนะของรถที่ให้การขับขี่ที่คล่องตัว และอัตราเร่งที่ดีเยี่ยมจากระบบ e-POWER ที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษสำหรับ Nismo เท่านั้น
ระบบช่วงล่าง ที่ใช้โช้คอัพแบบ Swing Valve กลไกของสวิงวาล์วในช็อกอัพจะสร้างแรงหน่วง ช่วยให้รถมีการทรงตัวที่ดี ลดอาการเหวี่ยงของตัวรถในการขับขี่บนพื้นผิวขรุขระ เพื่อให้ได้ทั้งความสปอร์ตและความสบายในการขับขี่อีกด้วย ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Nismo ในการพัฒนารถยนต์ที่ให้ทั้งความเร็ว ความสบายใจ และความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่เหนือกว่ารถ SUV ทั่วไป

รถคันนี้มีศักยภาพที่สูงของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า e-Power ปรับจูนโหมดขับขี่พิเศษของ NISMO ช่วยให้สามารถเร่งความเร็วได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การควบคุมการขับเคลื่อนของมอเตอร์ทำด้วยความละเอียดระดับ 1/10,000 วินาที ขณะที่ระบบ e-FORCE เทคโนโลยีล่าสุดของ Nissan ที่รวมเอาการควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า การควบคุมล้อทั้งสี่ และการควบคุมแชสซีส์เข้าไว้ด้วยกัน จะควบคุมการกระจายแรงบิดระหว่างล้อหน้าและล้อหลังอย่างละเอียด ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการเดินคันเร่งออกจากโค้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อที่ถูกนำมาใช้ในรถแข่ง Formula E ซึ่งกำลังทำผลงานได้ดี

ขณะที่ประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ เพิ่มแรงกด Downforce ประมาณ 30% วิศวกรของ Nismo ระบุว่า การลดแรงต้านอากาศพร้อมกับเพิ่มแรงกดได้พร้อมกันนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก แต่เป็นผลจากการใช้เทคโนโลยีการแข่งรถของ NISMO โดยแรงกดที่เพิ่มขึ้นนี้รวมกับการปรับจูนแชสซีส์ ช่วยให้ความมั่นคงที่ความเร็วสูงและให้ความรู้สึกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งขณะขับขี่
ส่วนการออกแบบตัวรถ มีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับเทคโนโลยีรถแข่ง โดยยึดหลักปรัชญาการออกแบบของ NISMO Road Car ซึ่งเป็น การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฟังก์ชันการใช้งานจากเทคโนโลยีการแข่งรถ สำหรับคันนี้ สีตัวถังเป็น NISMO Stealth Gray สีเดียวกับที่ใช้ในรถแข่ง GT500 ที่ขับในรายการ Super GT3 สีนี้ให้ความรู้สึกถึงความเร็วและดุดัน ด้านภายในห้องโดยสารเบาะนั่งเป็น Recaro ที่ได้รับการปรับจูนโดยเฉพาะของ NISMO ซึ่งให้การกระจายแรงกดและตำแหน่งการขับขี่ที่เหมาะสม รองรับทั้งการขับขี่แบบสปอร์ตและการขับขี่ระยะไกล













