
หลังค่ายซูซูกิเปิดตัว Suzuki Fronx ที่วางจำหน่ายแล้วกว่า 80 ประเทศและทุกภูมิภาคทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อินเดีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ต่างให้การตอบรับเป็นอย่างดีในทุกตลาดพร้อมคว้ารางวัลติดไม้ติดมือมามากมาย

เที่ยวนี้ต้องบอกว่าไม่ธรรมดา เพราะมาพร้อมกับกลยุทธ์ “Worry-Free” โดยมุ่งเน้นนำเสนอความน่าเชื่อซึ่งเป็น DNA ของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ที่ตั้งใจยกระดับบริการหลังการขายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าอย่างแท้จริง ต่อจากนี้คือบทสัมภาษณ์บอสใหญ่ “ทาดาโอะมิ ซูซูกิ” ประธานกรรมการบริหาร ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย)

ดันเป้าปีนี้โต 41%
ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจค่อนข้างแย่ หนี้ครัวเรือนสูง กระทบต่อตลาดรถยนต์มาก คาดการณ์ยอดขายรวมของตลาดรถยนต์ปีนี้ใกล้เคียงปีที่แล้วหรือประมาณ 600,000 คัน (เดือนละ 5 หมื่นคัน) ซึ่งถือว่าเติบโตขึ้นเล็กน้อยประมาณ 5% อุปสรรคและความท้าทายในตลาดมีทั้ง ปัญหาด้านการปล่อยสินเชื่อซึ่งยากลำบากมาก กำลังซื้อที่ลูกค้าหลายคนเองยังชะลอการตัดสินใจ

แต่ปีนี้ซูซูกิตั้งเป้ายอดขายรวม 8,000 คันซึ่งเป็นตัวเลขที่แสดงถึงการเติบโตถึง 41% จากยอดขายปีที่แล้วที่ทำได้ 5,651 คัน มั่นใจว่า Suzuki Fronx จะเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ถูกวางให้เป็นตัวผลักดันยอดขายในช่วงปลายปีเฉลี่ยเดือนละประมาณ 400 คัน โดยมีเป้าส่งมอบรวม 2,000 คัน ภายในสิ้นปีงบประมาณนี้

ซูซูกิ เปิดให้ลูกค้าจองสิทธิ์ Suzuki Fronx ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมาจนถึงวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีผู้สนใจจองสิทธิ์มากถึง 5,364 ราย แบ่งเป็นลูกค้าเก่า 31% ลูกค้าใหม่ 69% จุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงกระแส การต้อนรับอย่างยอดเยี่ยม ที่มีจากลูกค้ากลุ่มใหม่ของซูซูกิ

Suzuki Fronx คันนี้เป็นยนตกรรมสไตล์ BSUV ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานอย่าง สมบูรณ์แบบภายใต้คอนเซ็ปต์ The Iconic Drive นิยามใหม่ของการขับขี่ โดดเด่นทั้ง ดีไซน์ สมรรถนะ และความปลอดภัย และเป็นครั้งแรกที่เรามี ADAS เช่น ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Lane Deparure Warning System กล้องมองภาพรอบ คัน 360 องศา และยังมีระบบ Rear Cross Traffic Alert มี parking sensor ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร K15B และ K15C ที่ทำงานพร้อมกับหัวฉีดคู่ Dual Jet โดยทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Smart Hybrid จาก Suzuki โดยมีให้เลือก 3 รุ่น GL เครื่องยนต์เพียวๆ รุ่น GLX ไฮบริด และ GM Plus มีระบบ ADAS มี 8 สีให้เลือกระดับราคาตั้งแต่ 689,000 บาทไปจนถึง 799,000 บาท

ซื้อตอนนี้รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ฟรี ประกัน ภัย ชั้น 1 และระบบช่วยเหลือฉุกเฉิน 3 ปี ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม เรานำเสนอโปรแกรม Fronx Worry Free maintenance package ซึ่งเราจะจำหน่ายในราคาเพียง 27,999 บาท ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษานานตลอดนานถึง 7 ปี ถือเป็นความคุ้มค่าที่จะช่วยให้กับลูกค้าได้วางแผนได้ง่ายขึ้นและราคานี้สามารถนำไปรวมกับการจัดไฟแนนซ์ได้เลย

กวาดลูกค้าใหม่กว่าครึ่ง
กลุ่มเป้าหมาย Fronx มุ่งเป้าไปที่กลุ่มวัยกลางคนอายุ 30 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่ในเมือง และพร้อมที่จะเปลี่ยนรถจากกลุ่ม Eco Car เดิมสิ่งที่น่าสนใจคือผู้ที่ลงทะเบียนล่วงหน้ากว่า 31% เป็นลูกค้าเก่าของ Suzuki ที่ใช้รุ่น Swift, Celerio, หรือ Ertiga อยู่แล้ว ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นในแบรนด์ และ Suzuki ตั้งเป้า Conversion Rate จากยอดลงทะเบียนนี้ไว้ที่ประมาณ 10%

สำหรับ Fronx นำเข้าจากอินโดนีเซีย ส่วนโรงงานระยองตอนนี้ปิดเรียบร้อยแล้ว และไม่มีแผนที่จะกลับมาผลิตรุ่นอื่นๆ ในประเทศไทยอีก ตอนนี้ใช้ฐานการผลิตหลักอินโดนีเซีย บางท่านอาจะมองว่า บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นลดความสำคัญกับประเทศไทยไปหรือเปล่า กรณีปิดโรงงานขอยืนยันถึงแม้จะไม่มีโรงงานผลิตแล้ว แต่ประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นตลาดคุณภาพสูง ซึ่งถือเป็นชั้นแนวหน้าในอาเซียน

นอกจากนี้ซูซูกิยังยืนยันว่าโครงสร้างซัพพลายเชนที่เน้นการผลิตในอินโดนีเซียและชิ้นส่วนจากอินเดีย ทำให้ธุรกิจของบริษัท ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกา หรือภาษีทรัมป์ เนื่องจากไม่มีการส่งออกจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังสหรัฐฯ

ชูจุดขาย Worry Free
ขอเสริมเรื่องกลยุทธ์ “WorryFree” ซึ่งเรามั่นใจว่าเป็นบริการที่เหนือกว่า แบรนด์อื่นๆ ที่เข้ามาทำตลาดในไทย เราต้องการ สร้างความเชื่อมั่นในการแข่งขันกับคู่แข่งที่มีราคาถูกกว่า ซึ่งซูซูกิพยายามใช้ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ญี่ปุ่นและการบริการหลังการขายที่เข้มข้นเป็นหัวใจหลักในการก้าวไปสู่ความยั่งยืน

เรามีเครือข่ายที่ครอบคลุม ปัจจุบันมีศูนย์บริการครอบคลุม 86 แห่งทั่วประเทศ ศูนย์ซ่อมสี-ตัวถัง 47 แห่ง และตั้งเป้าจะขยายให้ได้ 50 แห่ง และยังมีโครงการ 2S Showroom (Service and Spare Part) เพื่อรองรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป ในพื้นที่ต่างๆ เช่น มหาสารคาม, พัทลุง, ปราจีนบุรี, และแพร่ เพื่อให้มีจุดบริการรองรับลูกค้าหลังการส่งมอบรถ แม้จะสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ก็ตาม

โปรแกรมดูแลรถ 7 ปี ทำขึ้นเพื่อสร้างกรอบให้ลูกค้าวางใจให้ดูแลรถได้ตลอด 7 ปี โปรแกรมนี้ครอบคลุมการเช็กระยะตามกำหนด 14 ครั้ง รวมถึงน้ำมันเครื่องและชิ้นส่วนอื่น ๆ ไม่รวมพวกยาง แบตเตอรี่ นอกเหนือจากวารันตีพื้นฐาน 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร โปรแกรมนี้เราทำคู่ไปกับกิจกรรมดึงดูดลูกค้าเดิมที่วารันตีหมดอายุให้กลับเข้ามาใช้บริการ และตั้งเป้าเพิ่มอัตราการกลับเข้าศูนย์ จากประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ให้ถึง 25% และยังมีบริการ “Service Van” เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในพื้นที่ห่างไกล

ตอนนี้เราได้เตรียมพร้อมรับมือเทคโนโลยีใหม่ ที่นำมาเสนอให้กับลูกค้าชาวไทย เรียกว่า ศูนย์บริการมีการเตรียมความพร้อมอย่างเข้มข้นสำหรับการมาของเทคโนโลยีใหม่ๆ มีการ ฝึกอบรมช่างเทคนิคอย่างสม่ำเสมอในรูปแบบที่เป็นมาตรฐานครอบคลุมทั้งรถ Hybrid, ระบบ ADAS (เช่น ระบบกล้องอัตโนมัติ/เบรกอัตโนมัติ) และแม้กระทั่ง EV ที่กำลังจะนำเข้ามาเพิ่มเติม มีการจัดซื้อ Special Tool ที่จำเป็นสำหรับการซ่อมบำรุงเรียบร้อย
EV ไม่ใช่คำตอบเดียวสู่ Carbon Neutral
ความสำหรับทิศทางในอนาคตของูซูกิ ยอมรับว่า Hybrid คือสะพานเชื่อมไปสู่เทคโนโลยีอีกมากมาย และยังเชื่อว่า ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) มีหลายแนวทาง โดยเฉพาะ EV ไม่ใช่คำตอบเดียวเท่านั้น ยังมี พลังงานชีวภาพ (Bio Energy) อื่นๆ อีก แต่ตอนนี้รถยนต์ Hybrid ยังคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดในฐานะเทคโนโลยีเชื่อมโยง ยืนยันว่าเร็วๆ นี้จะมีผลิตภัณฑ์ Hybrid ที่แข็งแกร่งเข้ามาเพิ่มเติม หลายอย่างอยู่ระหว่างการพัฒนา

ส่วนแผนการผลิตรถ EV ในอนาคต แน่นอนว่าบริษัทจะเลือกขึ้นไลน์ประกอบที่อินโดนีเซีย โดยใช้ชิ้นส่วนจากอินเดีย ส่วนเป้าหมายการขายในปีหน้า ซูซูกิจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่และผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าเข้ามาหรือไม่? ต้นเดือนมกราคมปี 2026 น่าจะมีคำตอบ