คุณเคยสงสัยเหมือนผมมั้ยว่า รถใหม่ป้ายแดงบางรุ่นในประเทศไทย ทำไมขายกันน้านนาน โมเดลเดียวลากยาวกันกว่า 10 ปี ถึงจะมีการปรับปรุง แต่งหน้า ทาปาก หรือบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ก็ตาม แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในโมเดลเดิมอยู่ดี ที่สำคัญตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ว่า มันก็ขายดีขายได้เรื่อยๆ อีกต่างหาก ลองนั่งนึกดูเล่นๆ รถอย่างที่ว่านี้ในประเทศไทยก็มีมาตลอด และหลายยี่ห้อ เลยปิ๊งได้ไอเดียว่ามีรถยนต์รุ่นไหนบ้าง?? ที่ลากยาวได้กว่า 10 ปี

คันแรกที่ผมนึกถึงคือ Toyota Hilux Vigo ที่ถ้านับตั้งแต่เริ่มโครงการ IMV (Innovative International Multi-purpose Vehicle) คือการใช้แพลตฟอร์มที่สามารถรองรับการผลิตรถยนต์หลายประเภททั้ง รถกระบะ, รถยนต์อเนกประสงค์, และรถแวน โดยใช้โครงสร้างแชสซีส์แบบ Ladder Frame เพื่อความแข็งแกร่งทนทาน ตั้งแต่เปิดตัวถึงช่วงเวลาสุดท้ายของการจำหน่าย Toyota Hilux Vigo (Hilux เจเนอเรชั่นที่ 7) ก็กินเวลาไป 12 ปี รถรุ่นเดียวขาย 12 ปี! ใช่แล้วครับ แล้วอย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า เป็นโมเดลที่มีการปรับเปลี่ยนหรือไมเนอร์เชนจ์แค่ไม่กี่ครั้ง

Toyota Hilux Vigo ใช้ฐานผลิตในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่กลางปี 2004 มีทั้งบอดี้หัวเดี่ยว, 2 ประตู แค็ป และ 4 ประตูตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งถ้าดูจากขนาดมิติตัวรถ Vigo มีความกว้างใหญ่กว่า Hilux รุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Tiger ค่อนข้างมาก นั่นหมายถึงพื้นที่ห้องโดยสาร และพื้นที่กระบะท้ายที่กว้างกว่าเดิม รวมถึงตัวแชสซีส์ที่ใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้น ใช้เป็นแชสซีส์แนวยาวแบบชิ้นเดียวเพื่อลดจำนวนจุดเชื่อม ทำให้แข็งแรงมากขึ้น พร้อมกับปรับปรุงระบบช่วงล่างกันสะเทือนใหม่หมดเพื่อสมรรถนะการขับขี่ที่ดีกว่ารุ่นเดิม และที่สำคัญถูกพัฒนามาเพื่อรองรับรถอีกสองรุ่นภายใต้พื้นฐานเดียวกันอย่าง Fortuner และ Innova แต่ในเรื่องนี้เราจะพูดกันถึง Hilux Vigo เท่านั้น โครงการ IMV ที่ก่อกำเนิด Hilux Vigo ขึ้นมานั้น เชื่อว่าเป้าหมายหลักของ Toyota คือ ต้องการล้มแชมป์ตลาดปิกอัพเมืองไทยที่ Isuzu ถือครองต่อเนื่องมานานให้ได้

เพราะนอกจากตัวรถที่ถูกพัฒนามาใหม่หมดชนิดที่พูดง่ายๆ ว่าแทบไม่มีของเดิม ทาง Toyota ยังอัดโฆษณากระจุยกระจาย เอาว่าอยู่ที่ไหนหรือไปไหนเราจะได้เห็นโฆษณา Hilux Vigo ทุกวัน ไม่นับกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ทำทั่วประเทศ ซึ่ง ณ เวลานั้นพอดีว่าผมอยู่ในทีมกิจกรรม Road Show 11 จังหวัดทั่วประเทศ จึงรู้ดีเลยว่า Toyota เอาจริงและคาดหวังกับรถกระบะรุ่นใหม่นี้มากขนาดไหน ลองคิดดูแล้วกันว่าขนาดพรีเซนเตอร์ที่เลือกใช้ตอนนั้นไม่ธรรมดาทีเดียว ทั้งอัสนี-วสันต์, น้าแอ๊ด คาราบาว หรือพรีเซนเตอร์ระดับโลกอย่าง เนย์มาร์ หรือคริสเตียโน่ โรนัลโด้

สำหรับ Toyota Hilux Vigo เปิดตัวมากับหลายรุ่นย่อยทั้งกระบะหัวเดี่ยว Single Cab , กระบะมีแค็ป Smart Cab, 4 ประตู Double Cab มีทั้งตัวเตี้ยและตัวสูงอย่าง Pre-Runner และ 4WD เอาว่าออกมาสนองความต้องการให้ได้ครบทุกประเภทของตลาดปิพอัพ ซึ่ง Hilux Vigo ช่วงแรกที่ขายในบ้านเรามีเครื่องยนต์ให้เลือกในแต่ละรุ่นย่อย ประกอบไปด้วย
1 KD-FTV ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร D-4D คอมมอนเรล VN Turbo Intercooler 163 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที
2 KD-FTV ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร D-4D คอมมอนเรล Turbo Intercooler 120 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 325 นิวตันเมตรที่ 2,000 รอบ/นาที
2 KD -FTV ดีเซลขนาด 2.5 ลิตร D-4D คอมมอนเรล Turbo 102 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตรที่ 1,400-2,400 รอบ/นาที
2 TR-FE เบนซินขนาด 2.7 ลิตร VVT-i 160 แรงม้าที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 241 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบ/นาที
ความตั้งใจของ Toyota ส่งผลสำเร็จ ยอดขาย Toyota Hilux Vigo มาแบบถล่มทะลาย ไล่ยาวมาตั้งแต่เปิดตัวปี 2004 จนถึง ปี 2007 ขายดีชนิดที่ว่าทาง Toyota เองก็ไม่คิดที่จะมีไมเนอร์เชนจ์ใดๆ ทั้งนั้น ลากมาจนถึงปี 2009 ถ้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวยอดมันจะตกเสียก่อน บวกกับมีแฟนๆ เรียกร้องอยากให้เพิ่มทางเลือกเครื่องยนต์อีกสักตัวดีมั้ย ในปี 2009 ทาง Toyota ประเทศไทย จึงได้ออกเครื่องยนต์ตัวใหม่เพิ่มเข้ามาในสายการผลิต Hilux Vigo เป็นเครื่องยนต์ดีเซลความจุเท่าเดิม 2.5 ลิตร แต่ใช้เทอร์โบแปรผัน VN Turbo ระบบเดียวกับที่อยู่ในเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรที่ใช้อยู่ (เทอร์โบต่างขนาดกันนะครับ)

ซึ่งเจ้าเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ใช้รหัสเหมือนกันกับ 2.5 ลิตรที่มีอยู่นั่นแหละครับ เป็น 2 KD-FTV 2.5 ลิตร VN Turbo Intercooler ได้แรงม้าเพิ่มจากเครื่อง 2.5 ลิตร Turbo ตัวเดิมขึ้นมาเป็น 144 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,800 รอบ/นาที ถามว่าทาง Toyota แค่เปลี่ยนจากเทอร์โบเดิมมาเป็นเทอร์โบแปรผัน (มีครีบปรับองศาเทอร์โบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าสั่งงานด้วย ECU) แค่นั้นเลยหรือไม่? บอกเลยว่าไม่ใช่นะครับ เพราะนอกจากเทอร์โบใหม่แล้ว มีการเปลี่ยนวัสดุที่ตัวเครื่องยนต์ทั้งเสื้อสูบ แหวนลูกสูบ และลูกสูบใหม่ เอาว่าได้เครื่อง 2.5 ตัวใหม่เลยดีกว่า แต่เครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ถูกจับคู่เฉพาะแค่เกียร์ธรรมดา 5 สปีดเท่านั้นนะครับ และยังได้เพิ่มระบบเบรก ABS เข้าไปด้วย โดยจะอยู่ในบอดี้ตัวสูงอย่าง Pre-runner และ 4WD เท่านั้น

ยอดขายของ Hilux Vigo ยังคงดำเนินต่อเนื่องไปด้วยดี จนในปี 2011 ทาง Toyota Global ได้ออกมาแถลงข่าวยอดขายทั่วโลกรวมระยะเวลา 5 ปีของ Hilux Vigo และ Fortuner รวมกัน 2 รุ่นภายใต้โครงการ IMV ที่ 2.3 ล้านคัน! มันจะมีรถกี่รุ่นที่โมเดลเดียวขายได้โวลุ่มขนาดนี้ภายในระยะเวลาแค่นี้ แล้วก็ถึงเวลาเสียทีที่เจ้า Hilux Vigo , Fortuner และ Innova ภายใต้โครงการเดียวกัน หน้าตาเริ่มหย่อนคล้อย ถึงเวลาต้องศัลยกรรมใหม่เสียหน่อย ในปีเดียวกันนั้น Toyota จึงได้ออกตัวไมเนอร์เชนจ์มาเป็น Hilux Vigo Champ ดูเหมือนทุกอย่างอยู่ในแผนที่วางไว้อยู่แล้ว เพราะชื่อ Champ ก็เหมือนการฉลองชัยชนะด้านยอดขายที่ถล่มทะลายเทน้ำเทท่าเอาชนะคู่แข่งหลักได้สำเร็จ
จุดเปลี่ยนหลักๆ สำหรับ Hilux Vigo Champ เริ่มจากภายนอกก็มี กระจังหน้าใหม่ ไฟหน้าใหม่ กันชนหน้าใหม่ (ต้องเปลี่ยนแก้มข้างใหม่ด้วยเพื่อให้รับกับไฟหน้าและกันชนหน้า) ไฟท้ายใหม่ เสาอากาศใหม่แบบสั้นพับได้ ส่วนรุ่น 4 ประตูยกสูงทั้ง Pre-Runner และ 4WD ได้มีการปรับเปลี่ยนโป่งซุ้มล้อดีไซน์ใหม่ด้วย ภายในห้องโดยสารปรับเปลี่ยนเล็กน้อย อย่างดีไซน์ช่องแอร์ตรงกลาง รุ่น Smart Cab, Xtra Cab และ Double Cab ได้พวงมาลัยใหม่อันเดียวกับที่อยู่ใน Camry เลย โดยในรุ่นย่อย G มีปุ่มมัลติฟังก์ชั่นบนพวงมาลัยด้วย และในรุ่นย่อย 3.0 G ทั้ง Pre-Runner และ 4WD เมื่อเป็น Vigo Champ แล้ว ได้อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพิ่มเติมอย่าง กล้องมองหลัง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง Cruise Control (รุ่นเกียร์อัตโนมัติ) และชุดเครื่องเสียงเล่น DVD ได้ ส่วนเรื่องเครื่องยนต์เมื่อเป็น Hilux Vigo Champ มีอะไรเปลี่ยนไปหรือไม่? คำตอบคือ ยังคงใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดิมทั้งหมด

แต่…ทาง Toyota บอกว่า ภายใต้พื้นฐานเดิมนั้น ได้มีการเพิ่มเทคโนโลยี Diamond Tech เข้าไป เป็นระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ เพื่อให้การจ่ายน้ำมันมีความแม่นยำสูง ช่วยประหยัดน้ำมัน ลดการจ่ายน้ำมันส่วนเกิน และเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ รวมถึงตัวหัวฉีดมีการเคลือบสารพิเศษเพื่อความทนทานและป้องกันการอุดตันด้วย เกือบลืมบอกไปว่า พรีเซนเตอร์ของ Hilux Vigo Champ จัดว่าสุดพิเศษเลยเพราะ Toyota ควักเงินก้อนใหญ่ จ้างนักฟุตบอลระดับโลกเบอร์ต้นๆ อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มารับงานนี้เลยทีเดียว

บทจะปรับปรุงพัฒนาขึ้นมา Toyota ก็ทำต่อเนื่องไม่แผ่ว หลังจากเปิดตัวไมเนอร์เชนจ์อย่าง Vigo Champ ออกมาได้ประมาณปีเดียว ซึ่งในระยะเวลานั้นปิ๊กอัพคู่แข่งค่ายอื่นเริ่มหันไปสู้กันด้วยความแรงของเครื่องยนต์ Toyota เลยอยู่นิ่งไม่ได้ จับเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร VN Turbo Intercooler ที่มีอยู่ มาอัพเกรดเพิ่มพละกำลังขึ้นไปเป็น 171 แรงม้าที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดก็เพิ่มด้วยเช่นกันเป็น 360 นิวตันเมตรที่ 1,400-3,200 รอบ/นาที

นอกจากนี้เกียร์อัตโนมัติที่เคยเป็น 4 สปีด ก็เปลี่ยนเป็น 5 สปีดและได้มีการปรับะรบบช่วงล่างให้ดีขึ้นไปอีก และในรุ่นย่อยตัวบนๆ มีการเพิ่มอุปกรณ์ภายในห้องโดยสารเข้าไปอีกอย่างเช่น ระบบนำทาง Navigation system , Bluetooth และเครื่องเสียงแบบ 2 DIN เล่น DVD หน้าจอสัมผัส และเหมือน Toyota จะปล่อยของสุดปลอกเหมือนจะบอกว่าใกล้จะเปลี่ยนรุ่นโมเดลแล้วนะ เพิ่มความปวดหัวให้กับเซลส์ด้วยการเพิ่มรุ่นย่อยเข้าไปอีก 6 รุ่น ในประเภทกระบะตัวเตี้ย และ Pre-Runner จนปิดท้ายความสำเร็จของ Hilux Vigo ด้วยรุ่นพิเศษ Hilux Vigo TRD Sportivo ที่ออกมาในปี 2014 โดย Toyota ได้ทำการขาย Hilux Vigo มาจนถึงปีสุดท้ายคือ 2015
ก่อนจะเปิดตัวกระบะโมเดลใหม่อย่าง Hilux Revo ที่ออกมาพร้อมกับความสดใหม่ทั้งหมดไม่เว้นแม้แต่เครื่องยนต์ตัวใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยและแรงขึ้นกว่าเดิม รวมจำนวนปีที่ Hilux Vigo อยู่ในตลาดรถใหม่ประเทศไทยก็ 12 ปีพอดี ทำไงได้ ก็รถมันขายดีต่อเนื่องขนาดนี้ คุณภาพสินค้าดี ทนทาน อะไหล่หาง่าย ไม่จุกจิก วิ่งกันทั่วบ้านทั่วเมือง โมเดลเดียวขายมาแล้ว 10 ปี แต่ก็ยังมีคนออกป้ายแดงอยู่ คุณคิดเอาแค่นี้แล้วกันครับ

เป็นยังไงกันบ้างครับกับ EP แรกของรถใหม่ที่ขายต่อเนื่องเกิน 10 ปี มาถึงตรงนี้ Hilux Revo โมเดลปัจจุบันก็ลากมา 10 ปีแล้วเหมือนกันนะ ใช่ครับ แต่ที่ผมยังไม่พูดถึงเพราะว่าจะรอดูว่า Toyota จะขาย Revo ลากยาวได้เท่ากับ Vigo หรือไม่ เพราะวันนี้มีข่าว (ลือ) ออกมาแล้วว่า Toyota มีแผนเปิดตัวกระบะโมเดลใหม่แบบ All-New ปลายปีนี้ ต้องมาดูกันว่า Revo จะสามารถทำลายสถิติระยะเวลาการขายของ Vigo ได้หรือไม่