แอดฯ มีโอกาสได้ไปทดสอบขับยานยนต์เชิงพาณิชย์พลังงานไฟฟ้าฝีมือคนไทย ที่ประกอบโดย แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี ซึ่งแอดฯ ได้ลองขับถึง 2 รุ่น คันแรก รถหัวลาก Nex EV Tractor 423 kWh และรถบัสไฟฟ้า Nex EV Citybus 8 m หรือที่คุ้นๆ กันก็คือรถขนฝันคันใหม่ ของทีมฟุตบอลโรงเรียนหมอนทองวิทยา นั่นเอง


งานนี้ไม่ได้แค่โชว์ศักยภาพ แต่เป็นการตอกย้ำถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานสะอาดอย่างแท้จริง ในโลกที่ธุรกิจขนส่งและคมนาคมกำลังมองหาทางเลือกเพื่อลดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เริ่มจาก รถหัวลาก EV Tractor เดินสำรวจรูปลักษณ์ภายนอก ออกแบบมาสำหรับงานขนส่งขนาดใหญ่โดยเฉพาะ น่าประทับใจตั้งแต่พบเห็น แถมยังได้ขุมพลังมหาศาล กับกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า 550 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 2,800 นิวตันเมตร ทำให้มีอัตราเร่ง ตอบสนองได้ทันใจและมีกำลังเหลือเฟือสำหรับงานหนัก การออกตัวและการไต่เนินทำได้อย่างราบรื่น ต่างจากรถหัวลากดีเซลทั่วไปอย่างชัดเจน ที่ต้องเรียกแรงเค้นโดยระบายออกมาเป็นควันสีดำที่น่ารังเกียจ


แม้จะเป็นรถขนาดใหญ่ แต่วงเลี้ยวค่อนข้างแคบ ทำให้มีความคล่องตัวสูง เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัดหรือคลังสินค้า มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 423 kWh ให้ระยะทางวิ่งประมาณ 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง หลายคนบอกน้อยไปนิด แต่อย่าลืมว่า ลักษณะการใช้งานมี Route ที่ชัดเจน ดังนั้นพียงพอสำหรับการวางแผนเส้นทางขนส่งประจำวันในระยะใกล้ถึงปานกลาง รองรับหัวชาร์จ DC สองหัวพร้อมกัน ช่วยลดเวลาในการชาร์จ


นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยระบบ MBS Tracking ช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการต้นทุนและติดตามการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน



ส่วนรถขนฝันบัสไฟฟ้า EV Citybus 8 m นิยามใหม่ของการเดินทางในเมือง สำหรับรถโดยสารไฟฟ้าขนาด 8 เมตร รุ่นนี้คือคำตอบสำหรับการขนส่งมวลชนในเขตเมืองที่ต้องการความสะอาดและลดมลพิษ การขับขี่ที่นุ่มนวลและเงียบ จุดเด่นที่สุดคือความเงียบภายในห้องโดยสาร และอัตราเร่งที่รวดเร็วทันใจเมื่อออกตัว ทำให้การเดินทางในเมืองที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อยครั้งเป็นไปอย่างราบรื่น


การออกแบบเพื่อความปลอดภัย สำหรับ 22 ที่นั่ง พร้อมมือจับสำหรับผู้โดยสารยืน 16 จุด และอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน เช่น อุปกรณ์ดับเพลิง ค้อนทุบกระจก และทางออกฉุกเฉิน สร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ประกอบการและผู้โดยสาร




ถ้ามองถึงความคุ้มค่าสำหรับธุรกิจ ด้วยระยะทางวิ่งประมาณ 120-140 กิโลเมตร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเส้นทางเดินรถประจำในเมืองที่สามารถวางแผนการชาร์จได้ ช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันได้อย่างมหาศาล

กิจกรรมทดสอบขับขี่ครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า NEX Point ไม่ได้แค่นำเข้ารถมาขาย แต่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำตลาดด้านยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างยั่งยืน ด้วยยอดจดทะเบียนรถ EV เชิงพาณิชย์กว่า 2,800 คันทั่วประเทศ และการประกอบรถโดยฝีมือคนไทย ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของการบำรุงรักษาและบริการหลังการขาย




การเปลี่ยนมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของ NEX Point ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นการตอบรับนโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่รัฐบาลสนับสนุน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อภาคธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งมวลชนของไทย สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโซลูชันเพื่ออนาคต


การลงทุนในรถ EV ของ NEX Point ดูจะเป็นก้าวที่คุ้มค่าและยั่งยืน















