ก็ว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปิดเฟสบุคเห็นบางคนในคลับ Bimmer ไปขับ BMW ที่ Driving Center เมืองอินชอน ประเทศเกาหลี จนมาวันนี้เข้าใจแล้ว ก็ BMW Thailand เขาจะโชว์ตัว และเปิดขายจอมโหดสอง BMW M4 CS และ M5 ในงาน Motor Expo ที่จะถึงในอีกไม่กี่วันนี้นั่นเอง
ต้องยอมรับว่าช่วงหลังๆ มานี้ ลูกค้าคนไทยได้เป็นเจ้าของรถสมรรถนะสูงผ่านการขายจากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศง่ายขึ้นทั้งค่ายยุโรปและญี่ปุ่น โดยเฉพาะทางค่ายยุโรปทั้ง Mercedes BMW และ Audi ที่ไม่ยอมแพ้กัน ส่งรถรหัสตัวแรงทั้ง AMG , M และ RS ออกมาสู้กันอย่างไม่ยอมกัน ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วมันก็ยอมกันไม่ได้ สังเกตง่ายๆ ต่างประเทศเปิดตัวออกขายไม่นาน แป๊บเดียวลูกค้าคนไทยเงินถึงได้ขับแล้ว ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอารัมภบทมาก มาดูกันเลยว่าเจ้าตัวโหดจาก BMW สองคันนี้มันมีพิษสงร้ายแรงขนาดไหน
เริ่มจาก M4 CS ก่อนอื่น CS ที่ต่อท้าย มันย่อมาจาก Competition Sport เป็นการบ่งบอกว่าสมรรถนะมันเหนือกว่า M ทั่วไปเข้าไปอีก ซึ่งคันนี้ถือเป็นทายาทลำดับถัดจาก M4 Competition ที่เจ้าของที่เพิ่งซื้อไปยังไม่ทันหายเห่อ ภายนอกถ้าไม่ใช่แฟน Bimmer ก็คงรู้สึกว่าไม่เห็นจะต่างอะไรกับ M4 Competition แต่เริ่มจากหน้าถ้าลองจ้องตามัน จะเจอลูกเล่นไฟ LED
ภายในโคมไฟที่เป็นสีเหลืองโดยเอาไอเดียมาจากรถที่ลงแข่ง GT3 พาร์ทรอบคันเป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เพื่อการลดน้ำหนัก และดีไซน์ที่แทบจะลอกมาจากตัวแข่ง GT3 เลยทีเดียว ทั้งลิ้นใต้กันชนหน้า สเกิร์ตข้าง กระจกมองข้าง ครีบรีดอากาศใต้กันชนหลัง แต่ที่ดุดันเตะตาที่สุดเห็นจะเป็นฝากระโปรงหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ที่ทำสีสลับตัดกับสีรถนี่แหละครับ โดยทาง BMW อ้างว่าน้ำหนักตัวรถทั้งคันเบากว่า M4 Competition ถึง 45 กก. ส่วนล้อก็เป็นดีไซน์ใหม่และน้ำหนักเบากว่าด้วยเช่นกัน และไม่ใช่แค่นั้น เพราะชุดท่อไอเสียก็ถูกลดน้ำหนักด้วยการใช้วัสดุไทเทเนียม
ภายในห้องโดยสารของ BMW M4 CS ยังคงดีไซน์เดียวกับ M4 Competition แต่แน่นอนว่ามันต้องลดน้ำหนัก จึงมีการเปลี่ยนมาใช้วัสดุอย่างอลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในส่วนต่างๆ โดยเฉพาะเบาะนั่ง Full Bucket Seat ที่โครงสร้างเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งตัวเอามาหุ้มหนังและอัลคันทาร่า ดีไซน์เฉพาะะรุ่นนี้เท่านั้น นอกนั้นก็เป็นหน้าจอแฝดขนาด 12.3 นิ้ว และ 14.9 นิ้วจัดวางต่อเนื่องกัน เพิ่มฟังก์ชั่นเฉพาะสำหรับการใช้งานในโหมดการขับขี่ M พวงมาลัยแทบจะถอดมาจากรถแข่ง GT3 ใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นโครงสร้าง หุ้มรอบวงพวงมาลัยด้วยอัลคันทาร่า มีแถบสีแดงด้าบน พร้อมด้วยปุ่มมัลติฟังก์ชั่น และแพดเดิ้ลเปลี่ยนเกียร์ที่เป็นคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน
ขุมพลังที่เอาไว้วัดกับคู่แข่งทั้ง AMG และ RS มากับเครื่องยนต์ M เบนซิน 6 สูบแถวเรียง M TwinPower พร้อมเทอร์โบ ให้พละกำลังถึง 550 แรงม้าที่ 6,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรที่ 2,750 – 5,950 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.4 วินาที และหากมีถนนเรียบๆยาวพอ คุณจะไปถึง 200 กม./ชม. ภายใน 11 วินาที กับท็อปสปีดที่ทำได้ถึง 302 กม./ชม.
ระบบช่วงล่าง Adaptive M เฟืองท้าย Active M Differential ยิ่งไปกว่านั้นถ้าคุณห้าวหาญและฝีมือถึง เมื่อกดยกเลิกระบบ DSC ระบบขับเคลื่อนจะเปลี่ยนเป็น 2 ล้อหลังทันทีเพื่อให้รถสามารถสไลด์ท้ายยาวๆในแทร็คได้ คันนี้ใช้เบรกหน้า 6-pot แต่ถ้ารู้สึกว่ายังไม่พอ ในต่างประเทศก็มีอ๊อพชั่นที่เป็นเบรก M Carbon ให้จ่ายเงินเพิ่มด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าสเปคที่มาขายประเทศไทยจะมีมาให้ด้วยหรือไม่
แต่ถ้าคุณรู้สึกว่า M4 CS มันดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากไป แล้วอยากได้ Sleeper Car ทรงซีดานภูมิฐานแต่โคตรแรงสไตล์พ่อบ้านสายโหดต้องคันนี้ที่จะมาโชว์ตัวพร้อมกันครับ BMW M5 รุ่นล่าสุด ซึ่งถือว่าเป็น M Hybrid ภายนอกเช่นเคย ถ้าไม่ใช่แฟน Bimmer ก็คงคิดว่าเป็น 5-series รุ่นล่าสุดรหัสตัวถัง G60 นี่แหละครับ แต่ถ้าเป็นแฟนหรือผู้ที่ชอบความแรง มองแว็บเดียวรู้เลยว่าคันนี้มันเป็นอะไรที่เหนือไปกว่า 5-series ยังไม่นับซุ่มเสียงถ้าได้ยิน ด้วยความเป็น M5 มันต้องดุดันบึกบึน
เริ่มจากกันชนหน้าที่ช่องรับอากาศมากับเหลี่ยมคมดุดัน สเกิร์ตข้างดูเรียบๆ แต่มันช่วยเพิ่มความอวบให้ตัวถังพอสมควร กันชนหลังโหดขึ้นด้วยสเกิร์ตด้านล่างที่เป็นครีบรีดอากาศในตัว พร้อมเว้นช่องซ้าย-ขวาให้ท่อไอเสียออกฝั่งละสองท่อ และสังเกตดีๆ ตัวถังมันต่างจาก 5-series ตรงที่โป่งซุ้มล้อหน้าและหลังมันขยายออกกว้างกว่าเดิมเพื่อรับกับฐานล้อซ้าย-ขวาที่กว้างขึ้น (ด้านหน้า 75 มม. ด้านหลัง 48 มม.) ล้อหน้า-หลังใช้ขนาดต่างกัน ด้านหน้า 20 นิ้ว ด้านหลัง 21 นิ้ว นอกนั้นเป็นชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกที่เป็นวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่ยังไม่แน่ใจว่าจะมาเป็นอ๊อพชั่นหรือไม่อย่างเช่น หลังคา กระจกมองข้าง และสปอยเลอร์หลังชิ้นเล็ก
ภายในเมื่อเป็น M แล้ว ดีไซน์หรูหราถูกปรับเปลี่ยนเป็นสปอร์ตแบบสุดขั้ว พวงมาลัยทรงสปอร์ตดีไซน์ใหม่ หน้าจอรวมญาติ BMW รุ่นปัจจุบัน วางเป็นคู่แฝดต่อกันระหว่างหน้าจอกลางขนาด 14.9 นิ้ว และมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งตัวหน้าจอกลางทำหน้าที่เป็นทั้งจอแสดงผล และปรับค่าต่างๆ ทั้งโหมดการขับ ระบบช่วงล่าง ระบบพวงมาลัย ระบบเบรก ระบบขับเคลื่อน และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนเบาะนั่งออกแบบให้โอบกระชับมากกว่าเดิม แต่ยังคงความสบายไว้เผื่อวันไหนไม่อยากซิ่ง
มาถึงหัวใจของเจ้า M5 ซัดมาเต็มข้อด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 4.4 ลิตร V8 พร้อมเทอร์โบ ลำพังตัวเครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้าที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 750 นิวตันเมตรที่ 1,800 – 5,400 รอบ/นาที แล้วยังเสริมกำลังเข้าไปอีกด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า BMW eDrive Technology อีก 197 แรงม้า แรงบิด 280 นิวตันเมตร รับกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 14.8 kW ซึ่งทาง BMW ให้ข้อมูลว่า M5 คันนี้สามารถวิ่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวได้ระยะทางสูงสุดถึง 69 กม. รวมพละกำลังทั้งหมดของรถคันนี้ออกมาที่ 727 แรงม้า กับเรงบิด 1,000 นิวตันเมตร!
ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ M xDrive อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. คันนี้ทำได้ 3.5 วินาที กับท็อปสปีด 305 กม./ชม. เจ้า M5 คันนี้สามารถปลดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้เป็น 2 ล้อหลังได้ ผ่านโหมดการขับ Dynamic และ Dynamic Plus ระบบช่วงล่างใช้ Adaptive M พร้อมเฟืองท้าย Active M Differential รวมถึงเสริมความแข็งแรงให้กับจุดยึดช่วงล่างต่างๆ เพื่อให้รองรับกับความแรงขนาดนี้
นอกจากนี้ยังได้ติดตั้งระบบ Active Rear Steering ที่ล้อคู่หลังสามารถปรับให้องศาสัมพันธ์กับการเลี้ยวของล้อหน้าได้อีกด้วย ระบบเบรกจาก M Power ด้านหน้า 6-pot จานเบรกมหึมา 16.1 นิ้ว ด้านหลังใช้จานเบรกขนาด 15.7 นิ้ว มีอ๊อพชั่นเป็นเบรกคาร์บอนเซรามิค
ทั้ง M4 CS และ M5 พร้อมขายเลยในงาน Motor Expo ที่จะถึงนี้ สาวก M ที่เงินถึงเตรียมตัวได้เลยครับ!
Photo credit: https://www.pacificbmw.com/the-2025-bmw-m4-cs/ https://www.press.bmwgroup.com/global/article/detail/T0443252EN/the-all-new-bmw-m5?language=en