สงครามราคายังถูกยึดเป็นกลยุทธ์หลักของค่ายรถยนต์จากจีน ที่ดาหน้ากันเข้ามาทำตลาดในบ้านเรา งานมอเตอร์โชว์ 2025 ครั้งนี้กลายเป็นเวทีถล่มราคากับแบบไม่ยั้ง เริ่มกันที่รถจีนเจ้าตลาดที่ประกาศถล่มราคาในวันแถลงข่าวสื่อมวลชน แต่ความมันอยู่ที่รถจีนเจ้าแรกที่เข้ามาทำตลาดอย่างจริงจังในไทย ตอกกลับทันควัน ประกาศลดราคาในวันที่ 2 ซึ่งเป็นวัน VIP ทั้งที่เพิ่งประกาศเปิดราคาไปเมื่อวาน เกริ่นหัวมาได้มันขนาดนี้ ตามไปดูเนื้อหากันดีกว่าครับว่าเรื่องราวการแก้เกมของสงครามราคาครั้งนี้จะเป็นอย่างไร??

เปิดหน้าจั่วหัว จะใครไปไม่ได้ก็ต้องค่าย BYD ที่จองแถลงข่าวเปิดบูธเป็นเจ้าสุดท้ายของวันสื่อมวลชน ถือฤกษ์เวลาดี 20.20 น. ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าหลายคนก็คาดการณ์กันอยู่แล้วว่าต้องมีเซอร์ไพรส์ประกาศลดราคา และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ BYD การประกาศทุบราคาเป็นเจ้าแรก แบบไม่เกรงใจลูกค้าเก่าที่ซื้อไปแล้วกันเลย เรียกว่ากระแสในโซเชียลถล่มกันโครมคราม อย่างที่ได้ติดตามในโซเชียลและเห็นใจสุดๆ คือเพิ่งซื้อรถไป ยังไม่ทันได้ผ่อนค่างวดรถเดือนแรกเลย ก็ประกาศลดราคากันซะแล้ว

ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่า BYD คงเน้นลูกค้าใหม่เป็นหลัก เพราะรถในสต๊อคที่สั่งมาก็คงค้างอยู่เยอะ รวมถึงรถใหม่ที่กำลังจะเปิดตัว ถ้าไม่ทุบราคา ก็เข้าใจได้ว่าสต๊อคในคลังก็คงบวมเป็นแบตเตอรี่อีวี ที่ใช้กันมาเกิน 10 ปี เอาล่ะพร่ำมาซะเยอะมาดูกันดีกว่าว่า BYD เค้าประกาศทุบราคารุ่นไหนกันบ้าง เริ่มจาก

BYD Dolphin รุ่นประกอบในประเทศ 2 รุ่นย่อย
Standard Range ราคา 569,000 บาท ลดราคาลงไป 70,000 บาท เหลือ 499,000 บาท
รุ่น Extended Range ราคา 709,900 บาท ลดราคาลงไป 110,000 บาท เหลือ 599,900 บาท
ตามาด้วย BYD ATTO 3 อีก 2 รุ่นย่อย
Premium ราคา 799,900 บาท ลดราคาลงไป 100,000 บาท เหลือ 699,900 บาท
Extended ราคา 899,900 บาท ลดราคาลงไป 100,000 บาท เหลือ 799,900 บาท

นอกจากนี้ในรุ่น Sealion 6 ยังกดราคาพร้อมชุดแต่งมูลค่ากว่า 3 หมื่นบาท ตั้งขายในราคา 1,029,900 บาท เท่ากับลดไป 4 หมื่นบาท รวมถึง Sealion 7 มีราคาพิเศษ รุ่นพรีเมียม 1,149,900 บาท และรุ่น AWD 1,249,900 บาท ส่วน M6 รุ่น Dynamic เดิม 829,900 บาท ลดลงไป 30,000 บาท เหลือ 799,900 บาท รุ่น Exteded เดิม 929,900 บาท ลดลงไป 30,000 บาท เหลือ 899,900 บาท

ปิดท้ายด้วย BYD Seal รุ่น Dynamic เหลือ 999,900 บาท รุ่น Premium เหลือ 1,099,900 บาท รุ่น AWD เหลือ 1,199,900 บาท




ในขณะที่ ค่าย MG ซึ่งถือเป็นรถยนต์จีนเจ้าแรกทำตลาดในบ้านเราอย่างจริงจัง และถือเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ไฟฟ้าในไทย จนทำให้คนไทยกล้าใช้รถยนต์ไฟฟ้าในทุกวันนี้ก็แก้เกมอย่างรวดเร็วโดยในวันที่ 2 ของงานมอเตอร์โชว์ที่เป็นวัน VIP ประกาศทุบราคา MG4 ทั้ง 2 รุ่น

Standard Range รุ่น D จากราคา 709,900 บาท ลดราคาลงไป 150,000 บาท เหลือ 559,900 บาท
Long Range รุ่น D ราคา 769,900 บาท ลดราคาลงไป 105,000 บาท เหลือ 664,900 บาท
โดยผู้บริหาร MG ระบุว่า สถานการณ์การเเข่งขันของรถยนต์นั่งที่เดือดมากอย่างนี้ MG ต้องการรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ให้ได้มากที่สุด แต่ราคานี้ทาง MG บอกว่าจะต้องซื้อภายในช่วงงานมอเตอร์โชว์ระหว่างวันที่ 26 มีนาคมถึงวันที่ 6 เมษายน 2568 เท่านั้น

นอกจากนี้ความมันของการแก้เกมสงครามราคาครั้งนี้ยังไม่หมด เมื่อ MG ได้ประกาศลดราคา MG IM6 รถเอสยูวีพรีเมียมของค่าย ที่เพิ่งประกาศราคาไปเมื่อวานนี้ ลงอีกรุ่นละ 1 แสนบาท เฉพาะช่วงเวลาเดียวกันในมอเตอร์โชว์ โดย IM6 ทั้ง 2 รุ่น ประกอบด้วย

Premium 2WD ราคา 1,399,900 บาท ลดราคาไป 100,000 บาท เหลือ 1,299,900 บาท
-Performance AWD ราคา 1,799,900 บาท ลดราคาไป 100,000 บาท เหลือ 1,699,900 บาท
และไม่ใช่แค่รถจีน 2 ค่ายที่กระหน่ำสงครามราคากัน ค่ายอื่นก็ยังมี ไม่ว่าจะเป็น OMODA ก็ทุบราคา C5 EV กับส่วนลดสูงสุด 220,000 บาท แต่เค้าบอกมีจำนวนจำกัด โดยทั้ง 2 รุ่น เมื่อลดราคาแล้วจะเหลือดังนี้

OMODA C5 EV Long Range Ultimate Model Year 2025 หลังหักส่วนลดเหลือ 729,000 บาท จาก 949,000 บาท
OMODA C5 EV Long Range Plus Model Year 2025 หลังหักส่วนลดเหลือ 679,000 บาท จาก 899,000 บาท
รามไปถึงฝั่งเกาหลีอย่างค่าย HYUNDAI ก็ประกาศลดราคา IONIQ 5 ลงสูงสุดถึง 330,000 บาท สำหรับรุ่น Premium เหลือเพียง 1,399,000 บาท จาก 1,699,000 บาท) หรือส่วนลด 330,000 บาท สำหรับรุ่น Exclusive เหลือเพียง 1,499,000 บาท จาก 1,829,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีตัว Hyundai SANTA FE ที่ลดราคาลง 280,000 บาท จาก 1,979,000 บาท เหลือเพียง 1,699,000 บาท และ STARGAZER ที่มีส่วนลด 130,000 บาท

ไม่หยุดเพียงเท่านี้ มันยังส่งผลไปถึงฝั่งยุโรป ที่ขนาด BMW ก็ต้องถล่มราคารถซีดานไฟฟ้าอย่าง i5 eDrive40 M Sport (Inspiring) ลงมาถึง 1,600,000 บาท เหลือเพียงแค่ราคาเริ่มต้น 3,350,000 บาท

เห็นความร้อนแรงของสงครามราคาแบบนี้ หวั่นใจเหมือนกันว่าตลาดรถยนต์จะเป็นอย่างไร อาจจะหยุดชะงักไปอีกรอบ เพราะลองคิดดูใครจะกล้าซื้อ กลัวจะติดดอย อย่างที่บอกยังไม่ทันผ่อนงวดแรก เงินหายไปเป็นแสน หรือถ้าคิดอีกมุม เห็นราคาแบบนี้ยิ่งต้องรีบซื้อ อันนี้ก็เป็นไปได้ สุดท้ายนี้ต้องมาดูกันแล้วล่ะครับ ว่าสงครามราคาครั้งนี้จะเป็นอย่างไร แต่เชื่อได้เลยว่า นี่ไม่ใช่สงครามราคาครั้งสุดท้าย แต่จะต้องมีต้องไปเรื่อยๆ ในเมื่อรัฐบาลจีนยัง Subsidize ผู้ผลิตแบบสุดๆ ทำให้โอเว่อร์ซัพพลายแบบนี้ แถมตอนนี้โดนัล ทรัมป์ กำลังจะขึ้นภาษีรถยนต์ EV จีนแบบโหดสุดๆ ประกอบกับยุโรป ก็ไม่เล่นด้วยกับรถยนต์จีน แล้วแบบนี้ รถยนต์จีนจะทะลักมาที่ไหนล่ะครับ ถ้าไม่ใช่ประเทศไทย ที่อ้าแขนรับ เป็นที่ดัมพ์ตลาดของจีนไปโดยปริยาย


