ช่วงนี้ 2 ค่ายมอเตอร์ไซค์ยักษ์ใหญ่จากฝั่งญี่ปุ่น เปิดตัวมอเตอร์ไซค์รุ่น Special Editon ในเวลาใกล้ๆ กัน อย่างค่ายยามาฮ่า ก็เปิดตัว New Yamaha Grand Filano Special Edition แฟชั่นออโตเมติกไฮบริดพรีเมียม ที่มาพร้อมสีพิเศษ Magma Black ล้อแม็กสีทอง อีกทั้งยังเสริมสมรรถนะด้วยโช้คหลัง Ohlins แบรนด์โช้คอัพระดับโลก รวมไปถึงเบาะนั่งพิเศษให้ดีไซน์ที่แตกต่าง โดดเด่นด้วยสีสันแบบทูโทน ตัวเบาะใหญ่นุ่มนั่งสบายทั้งคนขี่และคนซ้อน และสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความพิเศษด้วยโลโก้ Grand Filano Special Edition สีทอง ในขณะที่ค่ายฮอนด้า ก็เปิดตัว All New Honda Lead125 Ohlins Special Edition ที่สะท้อนความสปอร์ตได้มากกว่าด้วยสีดำด้าน คาลิปเปอร์เบรคสีแดง เสริมเอกลักษณ์ด้วย Emblem สีแดง Special Edition ด้านสมรรถนะการขับขี่มาสไตล์เดียวกัน ใส่โช้คหลัง Öhlins รวมถึงใส่ล้อสีดำด้าน เสริมลุคสปอร์ตให้มากกว่าเดิม เพิ่มความลงตัวด้วยไฟท้าย LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบมินิมอลอย่างมีสไตล์ ซึ่งก่อนที่เราจะเอามาเปรียบเทียบกัน เรามาไล่ดูรายละเอียดของรถทั้ง 2 คันนี้ ว่าเป็นอย่างไร
NEW YAMAHA GRAND FILANO SPECIAL EDITION
zเริ่มต้นด้วย Grand Filano Special Edition ที่หรูล้ำด้วยไฟ FULL LED รอบคัน ทั้งไฟหน้า Daylight ไฟเลี้ยว และไฟท้าย ให้แสงสว่างชัดเจน ทนทาน เรือนไมล์เป็น Digital Meter LCD & TFT ล้ำสมัย แสดงผลมาตรวัดครบถ้วน พร้อมบอกการทำงานของระบบไฮบริด มองเห็นได้อย่างชัดเจน
ขุมพลังมากับเครื่องยนต์ BLUE CORE HYBRID 125 ซีซี ที่ออกแบบให้เผาไหม้ได้สมบูรณ์แบบ เสื้อสูบเป็นแบบ DiASiL ระบายความร้อนได้ดี ทนทาน แถมยังผสานการทำงานกับระบบไฮบริด จึงให้การประหยัดน้ำมันมากถึง 62.5 กม.ต่อลิตร (ตามสเปค) ฟิลขี่จะเป็นสไตล์นุ่มนวล เครื่องยนต์เดินนิ่งไม่สั่น เสียงเงียบ โดยช่วงตอนออกตัว จะได้อัตราเร่งที่ดีเพราะมี SMART MOTOR GENERATOR คือมีมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งให้แรงบิดที่ดีช่วยในการออกตัว นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ STOP & START ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เองอัตโนมัติ เวลาจอดติดไฟแดง ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้ยังให้ความสะดวกด้วย ONE PUSH START ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบกดปุ่ม ให้การสตาร์ทที่ง่าย รวดเร็ว ไร้เสียงมอเตอร์รบกวน
ในขณะที่ระบบเบรกมั่นใจได้ด้วยระบบเบรก ABS ควบคุมแรงดันเบรกด้านหน้าอัตโนมัติ ช่วยลดโอกาสเกิดล้อล็อกเวลาเราเบรกฉุกเฉินหรือกะทันหัน ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุได้ และยังไม่หมดเพียงเท่านี้ Grand Filano Special Edition ยังเติมเต็มฟังก์ชั่นการใช้งานด้วยระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ SMART KEY แถมยังให้ความสะดวกสบายกว่าด้วยสวิตช์ปิด-เปิด แบบ Multi Functions ทั้งปลดล็อกสตาร์ท / ดับเครื่องยนต์ / ปลดล็อกแฮนด์ / ปลดล็อกเบาะ / ปลดล็อกฝาถังน้ำมัน ในสวิตซ์เดียวกัน
รวมไปถึงยังมีช่องชาร์จแบตเตอรี่มือถือ USB Type A พร้อมช่องใส่ของด้านหน้าขนาดใหญ่ ที่เก็บของใต้เบาะพร้อมไฟ LED ส่องสว่าง ขนาดใหญ่ถึง 27 ลิตร เก็บหมวกกันน็อกได้ 2 ใบ และช่องเติมน้ำมันด้านหน้า SMART & EASY REFUEL เติมน้ำมันง่าย สะดวกสบาย ไม่ต้องลงจากรถ โดยกดปุ่มเปิดฝาถังน้ำมันอัตโนมัติ ง่ายเพียงปุ่มเดียวไม่ยุ่งยาก
Grand Filano Special Edition ยังล้ำสมัยด้วย Y-Connect Application แอปพลิเคชันสำหรับดูข้อมูลเกี่ยวกับรถ 9 ฟังก์ชัน เพื่อความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นแจ้งเตือนการติดต่อเข้ามือถือบนจอหน้าปัดรถ แจ้งเตือนการบำรุงรักษา แจ้งเตือนเครื่องยนต์เกิดปัญหา แสดงข้อมูลการอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง แสดงมาตรวัดสมรรถนะขณะขับขี่ แสดงตำแหน่งจอดรถล่าสุด แสดงอันดับในการขับขี่ บันทึกประวัติการขับขี่
และล่าสุดจับใส่ชุดแต่งพิเศษเข้าไป เริ่มตั้งแต่สีพิเศษใหม่ Magma Black ล้อแม็กสีทอง กับไฮไลท์เด็ดที่ช่วยเสริมสมรรถนะกับโช้คอัพหลัง OHLINS ซับแทงค์สีทอง คุณภาพสูง ปรับตั้งค่า Full Adjust ได้ 3 แบบ (Rebound, Preload, Compression) เพื่อการขับขี่ที่นุ่มสบายมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงยังมีเบาะนั่งพิเศษที่ดีไซน์ให้แตกต่าง และโดดเด่นด้วยสีสันแบบทูโทน แต่ที่สำคัญที่สุดคือเบาะนั่งเค้าใหญ่นั่งนุ่มสบายทั้งคนขี่และคนซ้อน ปิดท้วยที่ขาดไม่ได้กับ SPECIAL EDITION EMBLEM เอกลักษณ์บ่งบอกถึงความพิเศษกว่า ด้วยโลโก้ Grand Filano Special Edition สีทอง ให้ความรู้สึกที่มีระดับยิ่งขึ้น โดยราคาคาดว่าน่าจะเป็นค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 7 แสนกว่าบาท
ALL NEW HONDA LEAD125 OHLINS SPECIAL EDITION
มาที่คู่เทียบอย่าง Lead125 SpecialEditionที่เปิดตัวครั้งนี้กับดีไซน์ใหม่รอบคัน ด้านหน้าเพิ่มเส้นสายโครเมียม ตัดกับฝาครอบด้านหน้าสีดำช่วยเสริมลุคสปอร์ต หน้าปัดเรือนไมล์ดีไซน์ใหม่ สะดุดตาด้วยชุดไฟ LED ทั้งไฟหน้าและไฟท้ายรูปทรงเรียวเข้ากับดีไซน์รถ อีกทั้งยังมอบความสะดวกสบายรอบคัน ทั้งช่องชาร์จไฟสำรอง USB Type C พร้อมคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ ถังเติมน้ำมันด้านหน้า เปิด-ปิด ได้ง่ายช่วยให้เติมน้ำมันแบบไม่ต้องลงจากรถ ช่องเก็บของใต้เบาะแบบ Maximal จุของได้เต็มที่ สามารถใส่หมวกกันน็อคได้ถึง 2 ใบ และกุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่นุ่นนวล และแรงด้วยเครื่องยนต์ eSP+ 125 ซีซี 4 วาล์ว
สำหรับ Lead125 รุ่น Special Edition สะท้อนความสปอร์ตได้มากกว่าด้วยสีดำด้าน เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ด้วย Emblem สีแดง Special Edition รวมไปถึงคาลิปเปอร์เบรคสีแดง ขณะที่ล้อเป็นสีดำด้าน ไฟท้ายเป็น LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยวแบบมินิมอล นอกจากนี้ยังยกระดับ Lead125 รุ่น Special Edition ขึ้นไปอีกด้วยรุ่น Lead125 Ohlins Special Edition ที่เพิ่มสมรรถนะให้สูงขึ้นด้วยโช้คอัพที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี STX 46 สุดล้ำจาก Öhlins พร้อมตกแต่งลวดลายด้วยสติกเกอร์ Öhlins รอบคัน อีกทั้งยังมี Emblem สีทอง และสติกเกอร์วงล้อสะท้อนความสปอร์ต โดยผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น ในราคาแนะนำ 72,200 บาท เตรียมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป
รีวิวเปรียบเทียบ
เอาล่ะ!! หลังจากที่เราได้ดูสเปคคร่าวๆ ของทั้ง 2 ตัวกันไปแล้ว คราวนี้มาเข้าเรื่องของการเปรียบเทียบกันดีกว่า ซึ่งขออนุญาตเริ่มกันที่สมรรถนะกันก่อนเลย เพราะเราเอาตัว Special Edition เอามาเทียบกัน เลยต้องขอเน้นเรื่องสมรรถนะ โดยเริ่มกันที่ขุมพลัง ซึ่งในส่วนของ Grand Filano Special Edition ดูจะได้เปรียบกว่าเรื่องความประหยัด เพราะเป็นระบบไฮบริด โดยเครื่องยนต์ Blue Core Hybrid ที่มากับขนาดความจุกระบอกสูบแบบเต็ม cc 125 cc นั้น จะให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 62.5 กิโลเมตรต่อลิตร ในขณะที่เครื่องยนต์ของ Lead125 Ohlins Special Edition จะเป็นเครื่องยนต์สันดาปล้วน eSP+ PGM-FI ที่มีขนาดความจุกระบอกสูบ 124.77 cc จะให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 52.6 กิโลเมตรต่อลิตร แต่เรื่องความแรงนั้นต้องยอมรับว่าทาง Lead125 Ohlins Special Edition จะมีแรงม้าที่สูงกว่าอยู่ประมาณ 2 ตัวนิดๆ
ขณะที่ระบบช่วงล่างหลัง ซึ่งเป็นแบบโช้คเดี่ยว ทั้งคู่จัดเต็มมาด้วยโช้คอัพแบรนด์ระดับโลกเหมือนกันทั้งคู่จาก OHLINS โดยเจ้า GRAND FILANO SPECIAL EDITION จะใช้ตัวที่มีซับแทงค์สีทอง คุณภาพสูง ปรับตั้งค่า Full Adjust ได้ 3 แบบ (Rebound, Preload, Compression) เพื่อการขับขี่ที่นุ่มสบาย ในขณะที่ Lead125 Ohlins Special Edition จะเป็นตัว OHLINS ที่มีเทคโนโลยี STX 46 ซึ่งก็จะให้ความนุ่มสบายเช่นเดียวกัน แต่ตัว Lead125 Ohlins Special Edition จะมีความแตกต่างจาก Grand Filano Special Edition ที่สังเกตได้ชัดคือเรื่องของขนาดล้อหลัง ที่ตัว Ohlins Special Edition จะใช้ล้อหลังขนาด 10 นิ้ว ซึ่งไม่เท่ากับด้านหน้าที่เป็นขนาด 12 นิ้ว ในขณะที่ Grand Filano Special Edition จะใช้ล้อหลังขนาด 12 นิ้ว เท่ากับล้อด้านหน้า ซึ่งข้อเสียเปรียบของล้อที่ขนาดไม่เท่ากันคือ ไม่สามารถสลับยางกันได้ รวมถึงเวลาขี่ไปต่างจังหวัดไกลๆ ยางชนาด 10 นิ้ว ค่อนข้างหายากกว่ายางขนาด 12 นิ้ว
ส่วนเรื่องระบบเบรก มากับระบบเบรก หน้าดิสก์ หลังดรัม ทั้งคู่ แต่ทาง Grand Filano Special Edition จะได้เปรียบกว่าตรงที่เบรกหน้ามีระบบเบรก ABS มาให้ ในขณะที่ Lead125 Ohlins Special Edition จะเป็นเบรกหน้าแบบ Combine Brake ซึ่ง 2 ระบบนี้จะทำหน้าที่ต่างกัน โดย ABS จะเป็นระบบป้องกันล้อล็อค เวลาเบรกแรงๆ ส่วน Combine Brake จะเป็นระบบกระจายแรงเบรกจากหลังมาสู่หน้า ซึ่งรถที่มี ABS ก็ไม่จำเป็นต้องมี Combine หรือถ้ามี Combine ก็ไม่ต้องมีระบบเบรก ABS ก็ได้ หรือจะมีทั้ง ABS และก็ Combine Brake อยู่ในตัวเดียวกันก็ได้ เพราะมันทำงานกันต่างกัน แต่ถ้ามีให้เลือก ก็อยู่ที่ว่าคนขี่จะชอบระบบไหนมากกว่ากันแล้วล่ะครับ
นอกจากนี้ ในตัว Grand Filano Special Edition ที่เป็นเครื่องยนต์ไฮบริด จะมีระบบ STOP & START ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เองอัตโนมัติ เวลาจอดติดไฟแดง ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ไฮไลท์มันอยู่ที่ไอ้เจ้าระบบนี้มันมีตัวปั่นไฟกับมอเตอร์สตาร์ทเป็นตัวเดียวกัน ซึ่งจะต่อเข้ากับแกนเพลาข้อเหวี่ยงโดยตรง ไม่ต้องมาคอยดูแลเรื่องแปรงถ่านไดสตาร์ทจะหมดแบบมอเตอร์ขบกับเฟืองทั่วไป รวมถึงเวลาสตาร์ทระบบนี้จะเงียบมาก
เรื่องของสมรรถนะก็จบไปเป็นที่เรียบร้อย คราวนี้มาเปรียบเทียบกันที่รายละเอียดของตัวรถกันบ้าง เริ่มกันที่ระบบไฟ ซึ่งทั้งคู่เป็นแบบ LED แต่เจ้า Grand Filano Special Edition จะเป็น FULL LED รอบคัน ทั้งไฟหน้า Daylight ไฟเลี้ยว และไฟท้าย ส่วนเจ้า Lead125 Ohlins Special Edition จะมี LED แค่ไฟหน้า และไฟท้ายเท่านั้น ขณะที่เบาะนั่ง Grand Filano Special Edition มีการเปลี่ยนเบาะนั่งใหม่แบบทูโทนทรงใหญ่และนั่งสบายขึ้นทั้งคนขี่และคนซ้อน ส่วน Lead125 Ohlins Special Edition จะเป็นเบาะเดิม แต่ตรงนี้ LEAD125 SPECIALEDITION จะได้เปรียบกว่าเรื่องความสูงจากพื้นที่เบาะ ซึ่งจะต่ำกว่าตัว Grand Filano Special Edition
ขณะที่สีสันของตัวรถ ใช้โทนสีดำทั้งคู่ โดย Grand Filano Special Edition จะเป็นสีพิเศษใหม่ Magma Black ตัดกับล้อแม็กสีทอง ซึ่งจะเข้าชุดกับโช้คอัพหลัง OHLINS ซับแทงค์สีทอง พอดิบพอดี รวมไปถึงโลโก้ Grand Filano Special Edition ก็เป็นสีทองด้วยเช่นเดียวกัน ส่วน Lead125 Ohlins Special Edition มากับสีดำด้าน เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ด้วย Emblem สีแดง Special Edition รวมไปถึงคาลิปเปอร์เบรคสีแดง ขณะที่ล้อเป็นสีดำด้าน พร้อมตกแต่งลวดลายด้วยสติกเกอร์ Öhlins รอบคัน อีกทั้งยังมี Emblem สีทอง และสติกเกอร์วงล้อ บวกกับการเติมเส้นสายโครเมียมด้านหน้า ตัดกับฝาครอบด้านหน้าสีดำ ซึ่งเรื่องการดีไซน์นี้ ต้องบอกว่าอยู่ที่ความชอบของแต่ละคน
ปิดท้ายกับเรื่องการรับประกันที่ทาง Yamaha เค้ากล้ารับประกัน Grand Filano Special Edition 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในขณะที่ Honda รับประกัน Lead125 Ohlins Special Edition เครื่องยนต์ 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร ส่วนระบบหัวฉีด รับประกัน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
ส่วนเรื่องราคา สำหรับ NEW YAMAHA GRAND FILANO SPECIAL EDITION ราคาคาดว่าน่าจะเป็นค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นกว่าบาท ส่วน ALL NEW HONDA LEAD125 SPECIALEDITION ราคาช่วงแนะนำอยู่ที่ 72,200 บาท ใครชอบคันไหน ก็ตัดสินใจกันได้เลย