เดี๋ยวนี้แต่ละเดือนเซลล์ขายรถยนต์ มีเวลานั่งตบยุง ปัดฝุ่น ทำความสะอาดโต๊ะทำงานตัวเองมากขึ้น เพราะระยะหลังพฤติกรรมการซื้อรถยนต์ของคนไทย เลือกและรอที่จะซื้อรถยนต์จากอีเวนต์ขายรถ โดยเฉพาะงานใหญ่บิ๊กบึ้มอย่าง Motor Show, Big Motor Sale และ Motor Expo

ด้วยเหตุผลที่ได้ทั้งโปรโมชั่น ทั้งความคุ้มค่า เช่น ส่วนลดเงินสดก้อนใหญ่ ดอกเบี้ยอัตราพิเศษ ของแถมจัดเต็ม ประกันภัยชั้นหนึ่ง ฟิล์มกรองแสง อุปกรณ์ตกแต่ง หรือบัตรกำนัล

ที่สำคัญซื้อรถในงานยังได้จับรางวัลใหญ่ “ซื้อรถชิงรถ” เพิ่มเติมจากผู้จัดงานด้วย นอกจากนี้การแข่งขันที่สูงมากของผู้ประกอบการในงาน ยังทำให้อำนาจต่อรองของผู้บริโภคสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

วันก่อนผู้จัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป แจ้งสถิติยอดจองรถในงานช่วง 10 วันแรก มียอดจองรถยนต์-มอเตอร์ไซค์ รวมกันมากกว่า 5 หมื่นคัน แบ่งเป็นยอดจอง รถยนต์ 51,164 คัน และรถจักรยานยนต์ 5,263 คัน

โดยระบุว่า ยอดจองรถจากแคมเปญ “ซื้อรถ..ชิงรถ” ในปีนี้คาดว่าน่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยสัดส่วนรถยนต์ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้า กว่า 50% เป็นรถ EV ส่วนกลุ่มรถไฮบริด (xEV) มีราวๆ 25%, รถยนต์ใช้เครื่องยนต์เพียวๆ (ICE) 20% และรถกลุ่มปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) 5%

สังเกตได้เลยว่าคนไทยยังตัดสินใจซื้อรถจาก “ราคา” เป็นหลัก สำหรับแบรนด์ยอดจองสูงสุด 5 อันดับแรกยังเป็นค่ายใหญ่ดังนี้ TOYOTA, BYD, HONDA, OMODA & JAECOO และ MG

เราได้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลง GEELY (บวก 550% จากปีก่อน), OMODA & JAECOO (บวก 434% จากปีก่อน) และ GWM (บวก 168% จากปีก่อน) ซึ่งล้วนเป็นฝั่ง EV แสดงถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสนใจกับเรื่องราคาเป็นพิเศษ และเปลี่ยนจากรถยนต์ใช้น้ำมัน ไปสู่รถพลังงานทางเลือก เน้นความคุ้มค่า เทคโนโลยี และโปรโมชันที่ดุดันของค่าย EV

สำหรับ Geely EX2 ต้องบอกว่าราคาเร้าใจสุดๆ ให้สิทธิ์พิเศษ 2,000 ราย โดย รุ่น PRO ราคาพิเศษเพียงแค่ 399,990 บาท ยังได้สิทธิพิเศษ Value Package ครบชุด รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี / 150,000 กม. รับประกันคุณภาพตัวรถ 6 ปี / 150,000 กม. บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. 5 ปี ประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. 1 ปี Portable Charger และรับฟรี กระเป๋า GEELY Exclusive มูลค่า 1,290 บาท เรียกว่า บูธแทบแตกกันเลยทีเดียว

ปรากฎการณ์นี้ เราเคยเห็นมาแล้วเมื่อคราวที่ NETA ถล่มราคาฉุดกำลังซื้อเมื่อช่วงปีเศษๆ ที่ผ่านมา
ค่ายฮอนด้า เป็นอีกแบรนด์ที่น่าสนใจและทำตัวเลขได้ค่อนข้างมาก เพราะฮอนด้ามีจุดขายที่เป็นรถไฮบริดทุกรุ่น และจากแรงกระแทกจากรถจีน ทำให้แบรนด์ญี่ปุ่นกล้าที่จะขยับราคาลงมาจากก่อนหน้านี้ ซึ่งห่วงเรื่องภาพลักษณ์

ขณะกลุ่มรถหรู แบรนด์ที่น่าจับตา คือ ค่ายดาวสามแฉก เมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่เคยตกเป็นรองค่ายใบพัดสีฟ้า BMW มาเที่ยวนี้ตีตื้นจากกลยุทธ์เด็ด เช่น เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ครั้งแรกในไทย มีรถยนต์ไฮไลต์ถึง 3 รุ่น ได้แก่ The new CLA รถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ รุ่นใหม่ล่าสุดที่ใช้แพลตฟอร์ม MMA (Mercedes-Benz Modular Architecture) ซึ่งเน้นความประหยัดพลังงานและเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด

ถัดมาเป็น G 450 d Edition STRONGER THAN THE 1980s รุ่นพิเศษจำนวนจำกัดที่นำเข้าไทยเพียง 3 คันเท่านั้น สามารถดึงดูดความสนใจจากแฟนๆ G-Class และนักสะสมได้เป็นอย่างดี

และ GLA 200 Night Edition รุ่นตกแต่งพิเศษที่เน้นความสปอร์ตและดุดัน ตามมาด้วยโปรโมชั่น “THE 333 OFFER” แคมเปญข้อเสนอสุดพิเศษส่งท้ายปีที่ดึงดูดใจผู้บริโภคอย่างมาก พร้อมทั้งการสร้างประสบการณ์ที่บูธ นำเสนอภาพรวมของแบรนด์ที่ชัดเจน ครอบคลุมทั้งดีไซน์ เทคโนโลยี และตัวเลือกขุมพลังที่หลากหลาย ทั้งปลั๊ก-อินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ

จุดแข็งที่ทำให้ได้รับความนิยม เช่น ภาพลักษณ์ความหรูหรา สัญลักษณ์ของความสำเร็จและมีระดับ ซึ่งเป็นสิ่งที่แบรนด์สร้างสมมาอย่างยาวนาน ความน่าเชื่อถือและเทคโนโลยีความปลอดภัย แบรนด์เป็นที่รู้จักในด้านระบบความปลอดภัยขั้นสูงและนวัตกรรมที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า และที่สำคัญการตอบสนองต่อตลาด EV การเปิดตัว The new CLA แสดงถึงความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถหรู

ข้ามมาฝั่งรถจักรยานยนต์ การนำเสนอความต่างที่หลากหลายของแบรนด์ยามาฮ่า ก็สามารถตรึงผู้ชม และแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตที่ก้าวเข้ามาในบูธได้เป็นอย่างดี โดยมีไฮไลต์เด็ดหลายประการ ทั้งในเรื่องของการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และแนวคิดของบูธที่น่าสนใจ

มีการเปิดตัวบิ๊กไบค์ใหม่ 3 รุ่น 3 สไตล์ ซึ่งแม่เหล็กสำคัญที่ดึงดูดไบเกอร์และผู้สนใจจำนวนมาก โดยเฉพาะ Yamaha YZF-R9 เจ้าแห่งซูเปอร์สปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล R-Series ที่หลายคนรอคอย แถมยังตั้งราคาได้ดีมากๆ โดยมีโปรแกรมจองสิทธิ์ พร้อมส่วนลด ได้รับความสนใจถล่มทลาย โดยล๊อตแรก 40 คันแรกถูกจองเต็มภายในเวลาเพียง 9 นาที ด้วยราคาเปิดตัวที่ 495,000 บาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ และพร้อมส่งมอบรถตั้งแต่เดือนธันวาคม 2025 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวที่ฮอตมากๆ

ตามาด้วย Yamaha Tenere 700 รถแอดเวนเจอร์ทัวริ่งตัวจริง ที่ตอบโจทย์สายลุยและการเดินทางไกล และ New Yamaha MT-07 & MT-07 Y-AMT ไฮเปอร์เนคเกดที่มีทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดาและรุ่นเกียร์อัตโนมัติ (Y-AMT) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจ

หลายคนยังตั้งข้อสังเกตุ ตัวเลขที่ผู้จัดงานประกาศออกมา เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เพราะลองคํานวนดู 10 วัน งานเปิดเที่ยงวันปิด 4 ทุ่ม เท่ากับเวลาทําการแค่ 12 ชม. 10 วันก็ 120 ชม. แต่กลับมียอดจองรวมกว่า 5 หมื่นคัน เท่ากับ 1 ชม. ทําได้เกือบ 500 คัน

เรื่องนี้ผู้จัดเคยชี้แจงว่า ยอดจองที่ค่ายรถรายงานเป็นยอดสะสมที่เกิดขึ้นจากหลายช่องทาง จองผ่านดีลเลอร์ ลูกค้าอาจตัดสินใจแล้วก่อนมางาน และทำการจองผ่านดีลเลอร์ในงาน เพื่อให้ได้โควตาพิเศษหรือโปรโมชัน นอกจากนี้ยังมีจองออนไลน์ เซลล์อาจนัดลูกค้าเซ็นเอกสารที่อื่นแล้วนำยอดเข้าระบบงาน เป็นยอดสะสม ตัวเลขที่ประกาศคือยอดสะสมตั้งแต่เริ่มงาน รวมวัน VIP Day และ Press Day ด้วย และมีการอัปเดตต่อเนื่อง

อีเว้นท์คาร์โชว์ ถือว่าเป็นมหกรรมลดแลกแจกแถม ลูกค้าจำนวนมากรอจังหวะนี้เพื่อรับข้อเสนอที่ดีที่สุด เช่น ดอกเบี้ย 0%, ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง, หรือของแถมอื่นๆ ที่หานอกงานได้ยาก ทำให้เกิดการเร่งตัดสินใจจองในช่วงเวลาสั้นๆ
ที่สำคัญตัวเลขยอดจองไม่ใช่ “ยอดจดทะเบียน” ยอดจอง คือยอด Booking ไม่เท่ากับยอดขายจริง การจองเป็นการวางเงินมัดจำเพียงเล็กน้อย หลักพันหรือหลักหมื่นบาทเท่านั้น ซึ่งลูกค้าสามารถยกเลิกได้และอาจได้รับเงินคืนตามเงื่อนไข นอกจากนี้ยังมีกระบวนการอีกเยอะ เช่น ไฟแนนซ์อาจจะไม่ผ่านก็เป็นได้

และยังมีความเป็นไปได้ที่ลูกค้าบางรายจองหลายค่ายเพื่อเปรียบเทียบ หรือจองไว้ก่อนเพื่อล็อกโปรโมชันแล้วค่อยยกเลิกในภายหลัง ทำให้ยอดจองมักจะสูงกว่ายอดจดทะเบียนจริงที่จะตามมาในเดือนถัดไป
มีการพูดถึงในวงการว่าบางครั้งค่ายรถหรือดีลเลอร์อาจมีกลยุทธ์ “ปั่นยอดจอง” ในช่วงแรกเพื่อสร้างกระแสความน่าเชื่อถือและโน้มน้าวใจลูกค้าคนอื่นๆ

แต่จะอย่างไรก็ตามอีเวนต์ขายรถยนต์สะท้อนพฤติกรรมหลายๆ อย่างของทั้งตัวผู้จัด คนขาย และคนซื้อรถยนต์ ว่ามีพฤติกรรมที่เป็นอย่างไรนั่นเอง













