BMW i4 eDrive35 M Sport รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ Gran Coupé ที่มาพร้อมค่าตัว 3,899,000 บาท ฟิลลิ่งอาจไม่แรงมากมาก แต่บอกเลยว่ามันกำลังกลมกล่อมแบบลงตัวพอดิบพอดี
BMW i4 eDrive35 M Sport ถ้าในโซเชี่ยลมักจะเห็นหลายคนเอาไปจับหาคู่เทียบกับ Tesla Model 3 ที่มีค่าตัวเพียงแค่ครึ่งเดียวของ i4 eDrive35 M Sport แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ที่หลายคนอยากรู้เรามาดูมิติตัวถังกันซักหน่อยดีกว่า สำหรับ BMW i4 eDrive35 M Sport มากับความยาว 4,783 มิลลิเมตร กว้าง 1,852 มิลลิเมตร สูง 1,448 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,856 มิลลิเมตร ขณะที่ Tesla Model 3 จะมีความยาว 4,720 มิลลิเมตร กว้าง 1,933 มิลลิเมตร สูง 1,441 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,875 มิลลิเมตร ซึ่งก็ใกล้เคียงกันอยู่ จะมีได้เปรียบเสียเปรียบก็นิดหน่อย ซึ่งถ้าดูด้านมิติตัวถังก็พอเป็นคู่เทียบกันได้
สำหรับ i4 eDrive35 M Sport จัดเป็นรถสไตล์ Gran Coupé สี่ประตู รูปทรงภายนอกมองดูจะคล้ายกับสปอร์ตซีดานที่ท้ายลาด แต่ถ้าเปิดฝาท้ายถึงจะเห็นได้ชัดว่าเป็นรถสไตล์ Gran Coupé เพราะฝาท้ายมันเปิดยาวไปถึงกระจกหลัง ไม่ใช่แค่ยกฝาท้ายขึ้นเหมือนรถซีดานทั่วไป ขณะที่ขอบประตูทั้ง 4 บาน เป็นแบบ Frameless หรือหน้าต่างแบบไร้ขอบนั่นเอง
BMW i4 eDrive35 M Sport มาพร้อมระบบไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ กระจังหน้ามากับทรงไตคู่ของบีเอ็มดับเบิลยูที่มีกล้องแฝงตัว พร้อมเซ็นเซอร์แบบเรดาร์ และอัลตราโซนิก การตกแต่งมากับชุดตกแต่ง M Sport พร้อมวัสดุสีเงาดำ คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport สีน้ำเงินมองเห็นเด่นชัด สปอยเลอร์หลังจะเรียกขนาดนั้นก็ดูใหญ่โตเกินไป ขอเรียกแค่ Duck Tail ก็แล้วกัน ซึ่งก็เป็นดีไซน์ของ M บวกกับล้อ M aerodynamic น้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว แบบสลับสี บวกเข้ากับยาง Hankook ขนาด 245/45 R18 ที่ด้านหน้า และ 255/45 R18 ที่ด้านหลัง
ภายในห้องโดยสารเน้นบรรยากาศสปอร์ตหรูหราระดับพรีเมียม พร้อมพื้นที่ใช้สอยที่ถือว่ากว้างขวางพอใช้ได้ ส่วนการตกแต่งใช้อลูมิเนียมลาย ‘Mesheffect’ เบาะนั่งปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่ง แผงหน้าปัดรถยนต์หุ้มหนัง Sensatec ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน และชุดไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร
โดยบริเวณคอนโซลหน้ามาพร้อมจอสัมผัสแบบโค้ง BMW Curved Display กับระบบปฏิบัติการ BMW Operating System 8 และการสั่งการด้วยเสียงผ่านระบบผู้ช่วยส่วนตัว BMW Intelligent Personal Assistant ที่ถูกพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจอดิจิทัล BMW Curved Display จะถูกแบ่งออกเป็น 2 จอ ตรงบริเวณคนขับจะมีขนาด 12.3 นิ้ว และจอควบคุมระบบสัมผัสตรงกลางจะมีขนาด 14.9 นิ้ว ซึ่งหน้าจอโค้งนี้ ด้วยองศาที่ออกแบบให้รับกับมุมสายตาของผู้ขับขี่ได้อย่างชัดเจน
ด้านพละกำลัง BMW i4 eDrive35 ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว ให้พละกำลังสูงสุด 286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนโดยล้อคู่หลัง ด้านแบตเตอรี่ Lithium-ion ความจุ 70.2 kWh ขับขี่เป็นระยะทางสูงสุดได้ 483 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ (WLTP) แต่เท่าที่ลองขับได้จริงๆ ก็ประมาณเกือบๆ 400 กิโลเมตร เรื่องความแรงอาจไม่ใช่จุดเด่นของรถคันนี้ เพราะทำอัตราเร่ง 0 – 100 km/h ได้แค่ 6.0 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดตามสเปคทำได้ที่ 190 km/h ซึ่งผมได้ลองก็ประมาณนั้น แต่อาจมีลมส่งท้ายหน่อยเพราะไหลไปได้ถึง 193 km/h
ซึ่งถ้าถามเรื่องความแรง สำหรับผม ไม่รู้สึกว่าตัว i4 eDrive35 เป็นรถยนต์ไฟฟ้าประเภทเน้นความแรงอะไรมากนัก แต่เป็นประเภทที่ขับสนุกกำลังกลมกล่อม ไม่แรงจนเกินไป และก็ไม่ช้าจนเกินไป เหยีบบออกตัวไม่อืดอาด แต่ก็ไม่กระชากจนหลังติดเบาะ หัวติดพนักอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าอยากได้ความแรง ทาง BMW เค้าก็มีตัวแรงมาให้กับ i4 M50 ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มอเตอร์ด้านหน้า 258 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร มอเตอร์ด้านหลัง 313 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 365 นิวตันเมตร พละกำลังรวมสูงสุด 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 795 นิวตันเมตร กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive ที่ต้องบอกว่าแรงจะชากใจแน่นอนตัวนี้ เพราะทำอัตราเร่ง 0 – 100 km/h ได้ภายใน 3.9 วินาที และความเร็วสูงสุดได้ถึง 225 km/h
ในขณะที่ระบบช่วงล่าง ผมถือว่าทำได้ดีเลย ด้วยช็อคอัพที่เป็นไฟฟ้า สามารถปรับได้ทั้ง Comfort และ Sport โดยในส่วนของโหมด Comfort นั้น ช่วยลบภาพช่วงล่างของรถ BMW ที่กระด้างสปอร์ตออกไปจากหัวได้ทันที ฟิลลิ่งมันนุ่มนวล แต่ไม่ย้วยมากเกินไป ส่วนพอปรับมาโหมด Sport ก็ได้ความรู้สึกสปอร์ตสไตล์ BMW กลับมาทันที แต่จุดนึงที่ผมสังเกตได้เวลาเข้าโค้งคือช่วงล่างของ i4 มันเข้าโค้งหนึบสนุกอยู่ แต่ยางที่ใช้เป็นตัว Hankook Ventus S1 Evo3 ลายดอกยางดูสปอร์ตดี แต่พอลองเข้าโค้งแรงๆ ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนยางมันเกาะน้อยกว่าช่วงล่าง ทำให้ฟิลมันเหมือนรถอันเดอร์สเตียง่ายไปนิด ซึ่งถ้าหากเปลี่ยนเป็นยางที่สเปคดีกว่านี้ น่าจะทำให้รถคันนี้ขับสนุกมากขึ้นไปอีก
ขณะที่ระบบเบรก ต้องบอกว่าหนึบแบบได้ใจ แต่ฟิลลิ่งของเบรกกว่าจะจับมันอยู่ลึกไปนิด ทำให้เวลาขับช่วงแรกกว่าจะกะระยะเบรกให้นุ่มนวลได้มันค่อนข้างยาก รวมถึงเวลาขับเหม่อๆ ไม่ได้ Concentrate กับการให้น้ำหนักเบรก ก็อาจมีหัวทิ่มได้ในบางครั้ง
ส่วนเรื่องระบบตัวช่วยเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย และยกระดับความปลอดภัยนั้น i4 eDrive35 M Sport ติดตั้งมาให้ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go และระบบช่วยการขับขี่ มาพร้อมกับระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่อัตโนมัติ (ASC) ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) ระบบควบคุมแรงดันเบรกแบบแปรผัน (DBC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน และระบบ Teleservices
ปิดท้ายที่เรื่องราคา ที่หลายคนบอกว่าค่าตัวมันค่อนข้างสูง ก็ธรรมดาแหล่ะครับ ขับ BMW เดินลงรถมาอย่างหล่อ ก็ต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายไปหน่อย ก็เท่านั้นเองครับ