ปอร์เช่ ประเทศไทย เปิดตัวรถรุ่นใหม่ในตลาดไทยมากถึง 4 รุ่น ในงานมหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 41 ได้แก่ มาคันน์ (Macan) ใหม่, ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) ที่สุดของความแรง ที่จะแสดงให้เห็นในงานนี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย, ปอร์เช่ พานาเมร่า (Panamera) ใหม่ ยกมาตรฐานของความหรูหราและสมรรถนะ ด้วยดีไซน์ใหม่อันเฉียบคม และการพัฒนาประสิทธิภาพของระบบอี-ไฮบริด (E-Hybrid) รวมถึงประสบการณ์การขับขี่ที่มีความเป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ และอัปเดต 911 รุ่นไอคอนของแบรนด์ด้วยคุณสมบัติใหม่ที่เพิ่มความเร็วและสมรรถนะให้ดียิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ยังมีไฮไลท์เพิ่มเติมในบูธ อย่าง คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé), 718 สไตล์ เอดิชั่น(718 Style Edition), 911 จีที3 ที่ผ่านการปรับแต่งด้วยชุดแต่งเสริมสมรรถนะ Manthey Performance Racing และอื่นๆ อีกมากมาย
Taycan Turbo GT ทำลายสถิติในสนามแข่งถึง 3 แห่ง เปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
หลังจากทำลายสถิติในสนามแข่งถึง 3 แห่งบน 3 ทวีป – ที่ Weathertech Raceway Laguna Seca ในอเมริกาเหนือ, Nürburgring Nordschleife ในยุโรป และ Shanghai International Circuit ในเอเชีย –
รถไทคานน์ เทอร์โบ จีที กลับมาเป็นแชมป์แห่งยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าอีกครั้งในงาน มหกรรมยานยนต์ 2024
ไทคานน์ เทอร์โบ จีที ใหม่ มาพร้อมกับอินเวอร์เตอร์ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีซิลิคอนคาร์ไบด์เป็นส่วนประกอบให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่ในมอเตอร์หลัง ทั้ง 2 รุ่นมีพละกำลัง 1,034 แรงม้าเป็นมาตรฐาน แต่สามารถเพิ่มกำลังสูงสุดชั่วคราวผ่านโหมด ‘Attack Mode’ ที่ 120 กิโลวัตต์ ซึ่งสามารถทำให้มีกำลังพุ่งสูงกว่า 1,100 แรงม้า เพื่อการแซงที่รวดเร็วเป็นพิเศษ
ด้วยมาตรการผลิตยนตรกรรมที่เน้นน้ำหนักเบา ปอร์เช่ จึงสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 75 กิโลกรัมเมื่อเทียบกับไทคานน์ เทอร์โบ เอส ระบบกันสะเทือน Porsche Active Ride ที่ปรับแต่งเฉพาะสำหรับรุ่น GT ก็รวมอยู่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งใน 2 รุ่นนี้
ไทคานน์ รุ่นอื่นๆ จะถูกจัดแสดงที่บูธของปอร์เช่ ในงานมหกรรมยานยนต์ 2024 ด้วยเช่นกัน ปอร์เช่ได้ปรับปรุง ไทคานน์ อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยพละกำลังที่มากขึ้น ระยะทางที่ไกลขึ้น การเร่งความเร็วที่เร็วขึ้น และชาร์จไฟได้เร็วและมีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ ปอร์เช่ ยังได้ปรับดีไซน์ให้คมชัด และสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในรุ่นเทอร์โบ
ไทคานน์ ทุกรุ่นมาพร้อมกับรายการอุปกรณ์มาตรฐานที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และนำเสนอ Porsche Driver Experience รุ่นล่าสุด การแสดงผลดิจิทัลเต็มรูปแบบ, ความสามารถในการปรับแต่งที่หลากหลาย และการใช้งานที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้
New Macan
ตัวเลขเพียงอย่างเดียวก็บ่งบอกถึงสมรรถนะ E-Performance ระดับสูง มาคันน์ สามารถผลิตพละกำลังได้เพิ่มถึง 360 แรงม้า ขณะที่มาคันน์ เทอร์โบ รุ่นท็อปมีพลังสูงสุดถึง 639 แรงม้า แรงบิดสูงสุดของทุกรุ่นมีค่าตั้งแต่ 563 นิวตันเมตร ไปจนถึง 1,130 นิวตันเมตร มาคันน์ มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 5.7 วินาที ขณะที่ มาคันน์ เทอร์โบ ทำได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที
มาคันน์ ใหม่ ที่มาในรูปแบบพลังงานไฟฟ้า 100% ถูกสรรสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Premium Platform Electric (PPE) ที่พัฒนาใหม่ของปอร์เช่ พร้อมพลังไฟฟ้า 800 โวลต์
การชาร์จแบบกระแสตรง (DC) สามารถให้กำลังสูงสุดถึง 270 กิโลวัตติ ซึ่งหมายความว่าในสภาวะที่เหมาะสม แบตเตอรี่สามารถชาร์จจาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในเวลาประมาณ 21 นาที ส่วนการชาร์จไฟแบบกระแสสลับ (AC) ที่กำลังสูงสุด 11 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าที่กล่องชาร์จติดผนังในบ้าน
รถสปอร์ตอเนกประสงค์ใหม่สามารถสะกดสายตาได้ทันทีจากเส้นสายที่เป็นเอกลักษณ์ของปอร์เช่ ซึ่งเชื่อมต่อกับกระจกหลังที่แบนราบ การออกแบบร่วมกันของไฟหน้ารูปแบบใหม่ที่มีไฟเดย์ ไทม์ กลางสี่จุด และโมดูลไฟหน้าหลักที่มาพร้อมเทคโนโลยี Matrix LED แบบเลือกติดตั้งได้นั้น ทำให้ได้ดีไซน์ที่เพรียวบางและมีลุคสปอร์ตมากขึ้น ปีกหน้าที่ยกสูงตามแบบฉบับของปอร์เช่ และลาดลงมาอย่างเด่นชัดทำให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังดูมีความแข็งแกร่งทรงพลัง ด้านหลังโลโก้ Porsche ถูกติดตั้งไว้ที่กลางแถบไฟ 3D
ผลจากการเป็นยนตรกรรมใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ จึงได้ระยะฐานล้อของมาคันน์ รุ่นใหม่ที่ขยายมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าพื้นที่สำหรับผู้โดยสารจะกว้างขวางขึ้น และเพิ่มขนาดช่องเก็บสัมภาระใน
มาคันน์ ขึ้นไปอีก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง ความจุที่อยู่ด้านหลังเบาะที่นั่งหลังสามารถรองรับได้สูงสุดถึง 540 ลิตร นอกจากนี้ยังมี ‘frunk’ ซึ่งเป็นช่องเก็บสัมภาระที่ใต้ฝากระโปรงหน้ารถโดยมีความจุ 84 ลิตรอีกด้วย
ภายในห้องโดยสารมีความเป็นปอร์เช่อย่างชัดเจน ความกว้างของห้องโดยสารถูกเน้นย้ำด้วยแผงสีดำที่ออกแบบให้เป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากอินเตอร์เฟซดิจิทัลสมัยใหม่ เช่น จอแสดงผลการวัดผลโค้งขนาด 12.6 นิ้วแล้ว ยังมีองค์ประกอบการควบคุมแบบอนาล็อกบางส่วนสำหรับช่องระบายอากาศและการควบคุมเครื่องปรับอากาศอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแถบไฟ LED ที่ถูกรวมเข้าไปในห้องขับขี่และประตู ซึ่งทำหน้าที่ทั้งเป็นแสงเพื่อสร้างบรรยากาศและแสงเพื่อแสดงการสื่อสาร
911 รุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย
ปอร์เช่ ได้ทำการอัปเกรดรถสปอร์ตที่เป็นตำนานอย่าง 911 เริ่มต้นด้วยรุ่นพื้นฐานอย่าง 911
คาร์เรร่า รุ่นใหม่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 6 สูบแบน 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ซึ่งสามารถส่งมอบกำลังได้มากยิ่งขึ้น โดยได้รับการปรับปรุงด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ใหม่จากรุ่น 911 จีทีเอส และระบบอินเตอร์คูลเลอร์ขั้นสูงจากรุ่น 911 เทอร์โบ ทำให้ 911
คาร์เรร่า ใหม่สามารถผลิตพละกำลังได้ถึง 394 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร
สิ่งนี้ทำให้ 911 คาร์เรร่า คูเป้ สามารถเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลา 4.1 วินาที (3.9 วินาที เมื่อใช้ชุดอุปกรณ์ Sport Chrono) ก่อนที่จะทำความเร็วสูงสุดที่ 294 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงทั้งในด้านความเร็วและสมรรถนะ
การอัปเกรดและการออกแบบขยายไปทั่วทั้งคัน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพทางอากาศพลศาสตร์ภายนอกก็ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมมากขึ้น โดยมีกระจังหน้าแบบใหม่ที่เฉพาะเจาะจงกับรุ่น พร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ และยังมาพร้อมกับไฟหน้ารูปทรง LED Matrix แบบมาตรฐานที่รวมฟังก์ชันไฟทั้งหมดไว้ในดีไซน์สี่จุดที่เพรียวบาง
ภายใน 911 ยังคงรักษาการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ ในขณะเดียวกันก็ผสานเทคโนโลยีทันสมัยเข้าด้วยกัน ระบบ Porsche Driver Experience ใหม่จะนำฟังก์ชันที่สำคัญมาวางไว้ที่บริเวณพวงมาลัยหรือใกล้เคียงกับพวงมาลัย รวมถึงสวิตช์เลือกโหมดขับขี่ ปุ่มควบคุมที่ได้รับการอัปเดตสำหรับระบบช่วยเหลือ และเป็นครั้งแรกที่มีปุ่มสตาร์ทอยู่ทางด้านซ้ายของพวงมาลัย
รุ่นคูเป้ มาพร้อมกับที่นั่ง 2 ที่นั่งเป็นมาตรฐาน และสามารถเลือกเป็นการจัดที่นั่งแบบ 2+2 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.6 นิ้วที่สามารถปรับแต่งได้ มีโหมดการแสดงผลถึง 7 แบบ รวมถึงแบบดีไซน์ห้าวงสุดคลาสสิก พร้อมมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งเพิ่มความรู้สึกย้อนยุคให้กับห้องขับขี่สมัยใหม่
All New Panamera 4 E-Hybrid
ปอร์เช่ พานาเมร่า ก้าวสู่เจเนอเรชั่นใหม่ ด้วยการออกแบบภายนอกและภายในที่ได้รับการปรับปรุงอย่างครอลคลุม รวมถึงเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดและนวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย
พานาเมร่า 4 อี-ไฮบริด ที่แสดงในงานมหกรรมยานยนต์ 2024 มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ที่ถูกรวมเข้าไปในระบบเกียร์ PDK คลัทช์คู่ 8 สปีดที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ซึ่งช่วยให้มีสมรรถนะที่น่าประทับใจ ด้วยพละกำลังรวมของระบบที่ 470 แรงม้า และยังสามารถวิ่งได้ระยะทางไฟฟ้าเต็มที่ถึง 91 กิโลเมตร ในมาตรฐานการทดสอบแบบ WLTP ซึ่งเพียงพอสำหรับการเดินทางไปทำงานในเมืองทุกวัน
ปอร์เช่ ได้ติดตั้งช่วงล่างถุงลมแบบ 2 ชั้น และวาล์วควบคุมช่วงล่าง 2 วาล์ว พร้อมระบบ Porsche Active Suspension Management (PASM) เป็นพื้นฐานให้กับทุกรุ่นย่อย หรืออีกทางเลือกของช่วงล่าง ที่ชื่อว่า Porsche Active Ride ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ มีให้เลือกสำหรับรุ่น อี-ไฮบริด ซึ่งมอบความสามารถในการยึดเกาะและสมรรถนะในการเข้าโค้ง พร้อมกับความสะดวกสบายในระดับสูง
ทุกรุ่นของพานาเมร่า ใหม่มาพร้อมกับการออกแบบที่ดูคล่องตัว ปราดเปรียวและทันสมัย ที่ด้านหน้าดีไซน์โดดเด่นด้วยไฟหน้ารูปทรงใหม่แบบ Matrix LED ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และช่องระบายอากาศแนวนอนเพิ่มเติมจากรุ่นก่อน ส่วนที่ด้านหลังของสปอร์ตซาลูน ไฟท้ายแบบต่อเนื่องและกระจกหลังไร้กรอบทำให้ พานาเมร่า ใหม่มีลักษณะที่แตกต่างและโดดเด่น
ภายในห้องโดยสารและห้องขับขี่ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยจอแสดงผลดิจิทัลขนาด 12.6 นิ้ว สวิตช์เกียร์ใหม่ที่อยู่ทางซ้ายของพวงมาลัย และจอแสดงผลสำหรับผู้โดยสารขนาด 10.6 นิ้วที่สามารถเลือกติดตั้งได้ เพื่อยกระดับประสบการณ์โดยรวมของผู้โดยสาร
ปอร์เช่ ในงานมหกรรมยานยนต์ 2024
นอกจาก 4 รุ่นเด่นแล้ว ยังมีรถสปอร์ตปอร์เช่ จำนวน 13 คันที่ครบครันทุกโมเดล จัดแสดงในงานมหกรรมยานยนต์ 2024 โดยในบรรดารุ่นที่จัดแสดงมี 718 บ็อกซเตอร์ สไตล์ อิดิชั่น (718 Boxster Style Editions) และ เคย์แมน (Cayman), คาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด (Cayenne S E-Hybrid) รุ่นที่ประกอบในภูมิภาค, และ 911 จีที3 (911 GT3) ที่ได้รับการปรับแต่งจาก Manthey Racing ชุดเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ รวมถึงรุ่นอื่นๆ อีกมากมาย งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 หรือ Thailand International Motor Expo 2024 จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2024 ที่ IMPACT Challenger Halls 1-3 เมืองทองธานี