เอ็มจี ร่วมกับ UNEX EV แพลตฟอร์มขับเคลื่อนอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่ที่ใช้เวลาเพียง 3 นาที หวังเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานรถไฟฟ้าให้สอดรับต่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ นำร่องโดยโมเดลยอดนิยมในกลุ่มรถยนต์เพื่อการขนส่งสาธารณะอย่าง MG EP PLUS และ MG MAXUS 7

เทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่ (Battery Swapping Technology) เป็นอีกหนึ่งแนวทางการผลักดันยานยนต์ไฟฟ้า สู่การขนส่งสาธารณะ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าและทำให้เกิดการใช้พลังงานสะอาดมากยิ่งขึ้นในกลุ่มธุรกิจ และอุตสาหกรรม ซึ่งเทคโนโลยีสลับแบตเตอรี่จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถกลับมาพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาสลับแบตเตอรี่ที่สถานีเพียง 3 นาที เท่านั้น ขณะที่ระยะทางการขับขี่ยังคงเท่าเดิม โดย MG EP PLUS วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 380 กิโลเมตร และ MG MAXUS 7 วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 570 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC อีกทั้งเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่ยังช่วยเพิ่มความสะดวก ในการใช้งาน ลดเวลาในการจอดชาร์จ แต่ยังคงให้สมรรถนะการขับขี่ดีเช่นเดิม

แผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่รองรับแพลตฟอร์มขับเคลื่อนอัจฉริยะ เป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กับ UNEX EV ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มขับเคลื่อนอัจฉริยะ โดยมีเป้าหมายเดียวกันในการผลักดันประเทศไทย เข้าสู่ระบบขนส่งพลังงานสะอาดด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานเชิงพาณิชย์

ลดทอนข้อจำกัดให้น้อยลง จึงได้เริ่มต้นพัฒนาเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่ในรุ่น MG EP PLUS เป็นรุ่นแรก เนื่องจากเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมนำมาใช้ในภาคการขนส่ง ซึ่งปัจจุบันถูกใช้เป็นรถรับ-ส่งสาธารณะแล้วกว่า 1,000 คัน ด้วยจุดเด่นในเรื่องความสะดวกสบายของห้องโดยสารตามแบบฉบับของรถสไตล์ STATION WAGON และอีกรุ่นที่อยู่ระหว่างการพัฒนากับ MG MAXUS 7 รถ e-MPV แบบ 7 ที่นั่ง ที่ทั้งกว้างขวาง และสะดวกสบาย รองรับการเดินทางแบบหมู่คณะได้เป็นอย่างดี โดยรถยนต์ไฟฟ้า เอ็มจี ที่มีเทคโนโลยีการสลับแบตเตอรี่จะเริ่มให้บริการในช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 และปักหมุดเริ่มที่ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก

