ตลาดรถEV บ้านเราในปี 2567 ที่ผ่านมา แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบมากมาย ทั้งหนี้ครัวเรือนที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ การปล่อยสินเชื่อที่เคร่งครัดของสถาบันการเงิน และภาวะสงครามราคาระหว่างผู้ประกอบการด้วยกันเอง




กรมขนส่งทางบกได้เปิดเผยสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคม-ธันวาคม 2567 พบว่ามียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 68,016 คัน

ขายดีอันดับ 1 ได้แก่ BYD 26,289 คัน
รองลงมาเป็น MG 8,716 คัน
อันดับ 3 NETA 7,969 คัน
อันดับ4 DEEPAL 5,617
อันดับ 5 AION 4,962 คัน
อันดับ 6 TESLA 4,119 คัน
อันดับ 7 GWM 2,533 คัน
อันดับ 8 Volvo 1,940 คัน
อันดับ 9 BMW 764 คัน
อื่นๆ 5,106 คัน รวมทั้งสิ้น 68,016 คัน




นอจากนี้สำนักข่าวต่างประเทศยังรายงานผลกสารวิจัยบริษัทวิจัยโร โมชัน (Rho Motion) ซึ่งประเมินว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริดทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นโดยในปี 2568 จะทำตัวเลขมากกว่า 20 ล้านคัน โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายระยะเวลาโครงการเงินอุดหนุนการแลกเปลี่ยนรถยนต์ในประเทศจีน





ส่วนยอดขายในยุโรปซึ่งเป็นตลาด EV ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลก จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เนื่องจากการบังคับใช้กฎเกณฑ์การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และราคารถ EV ถูกลง



