เอาจริงๆ เมื่อหลายปีก่อนที่ Lamborghini ปล่อยข่าวออกมาว่ากำลังจะกลับมาสร้างรถ SUV อีกครั้ง หลังจากที่ผมได้เห็นเจ้า LM002 ที่เป็นรถขาลุยขับเคลื่อน 4 ล้อรูปทรงเหลี่ยมๆ บึกบึนสไตล์รถจี๊บตั้งแต่เมื่อปี 1986 ซึ่งหลังจากเจ้า LM002 เราก็ไม่ได้เห็นรถแนวนี้จาก Lamborghini อีกเลย

หลังจากที่มีข่าวเล็กลอดออกมาถึงโครงการ SUV ของ Lamborghini ในขณะที่ยังไม่การเปิดเผยภาพร่างใดๆ ทั้งสิ้น เราก็ต่างคาดเดากันไปต่างๆ นาๆ ว่ารูปร่างหน้าตาและสมรรถนะมันจะออกมายังไงหนอ มันจะยังคงรูปแบบเดียวกับ LM002 หรือไม่หรือว่าอย่างไร จนต่อมาได้เห็นรูปที่ถูกร่างออกมาเป็นลายเส้น ผมคิดเลยว่า โห…เอางี้เลยเหรอ เพราะมันเป็นปรากฎการณ์ใหม่ของวงการรถ SUV ที่เหมือนเอารถซูเปอร์คาร์มายกสูงเสียดื้อๆ อย่างนั้น

ที่ว่า Cayenne โมเดลแรกตอนออกใหม่ๆ ว่าแปลกแล้ว นี่ประหลาดยิ่งกว่า คันจริงมันจะเป็นยังไงเนี่ย จนสุดท้ายหลังจากเปิดตัวซึ่งใช้ชื่อว่า Urus ผมได้เห็นจากรูปถ่ายก็ยังมองว่ามันเป็นรถประหลาดอยู่ดี จนกระทั่งไม่นานหลังจากนั้นได้เห็นคันจริงในประเทศไทย มันเปลี่ยนความคิดของผมไปหมด เพราะ Urus คันจริงมันสวยเหลือเกิน แล้วมันก็เป็น SUV ที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร และที่สำคัญสมรรถนะความแรงของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าซูเปอร์คาร์เลยด้วยซ้ำ บวกกับเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีระยะห่างจากพื้นถนนเท่า SUV ด้วย พูดง่ายๆ มันก็คือซูเปอร์คาร์ที่เอาไปลุยนอกถนนได้นั่นเอง เป็นผลให้ยอดขายทั่วโลกถล่มทะลายเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เพียงปีเดียวหลังจากนั้น Audi ซึ่งอยู่ภายใต้หลังคาบ้านใหญ่เดียวกัน (Volkswagen Group) ก็เปิดตัว Audi Q8 ออกมา หลายคนที่ไม่คิดอะไรมากก็คิดว่า Audi ต้องการขยายโอกาสทางตลาดรถ SUV ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นไซส์ใหญ่ขึ้นไปจาก Q7 แน่นอนว่าหลังจาก Q8 ถูกเปิดตัวไป ก็ตามมาด้วย S Q8 และในที่สุดเราก็ได้เห็นเวอร์ชั่นแรงสุดโหดอย่าง RS Q8 ซึ่งหลายคนคิดเหมือนกันว่า Audi RS Q8 มันจะใช่แฝดคนละฝากับ Lamborghini Urus อย่างที่คิดหรือไม่ คุณสงสัยมั้ยครับ เรามาดูกัน

เรื่องโครงสร้างพื้นฐานจากข้อมูลของทางบริษัทฯ คือ Lamborghini Urus ใช้พื้นฐานด้านวิศวกรรมและแพลทฟอร์มร่วมกับ Audi แต่สร้างความแตกต่างด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นเสมือนซูเปอร์คาร์ยกสูง ภายในที่ยังคงเป็นซูเปอร์คาร์ทั้งดีไซน์ เบานั่ง และวัสดุตกแต่งต่างๆ และแน่นอนว่าต้องมีพละกำลังของเครื่องยนต์ที่มากกว่า SUV ทั่วไป แต่รูปแบบของทั้ง Urus และ RS Q8 ยังคงยึดหลักการเป็น SUV ซึ่งถ้าเข้ามาดูภายในห้องโดยสารก็เป็นรถที่มีเบาะนั่ง 2 แถวหน้า-หลัง

เบาะหน้าของ RS Q8 ยังคงเน้นความสบายในการนั่ง แต่รูปทรงของเบาะจะถูกออกแบบให้มีปีกที่โอบกระชับมากกว่ารุ่นพื้นฐานอย่าง Q8 รวมถึงฟังก์ชั่นปุ่มปรับต่างๆ ที่อำนวยความสะดวกสบายเพียบพร้อม และถึงแม้ว่าแนวหลังคาด้านหลังจะลาดลงเป็นสไตล์คูเป้ แต่พื้นที่นั่งของผู้โดยสารด้านหลังยังคงกว้างขวางทั้งบริเวณที่วางเท้าและบริเวณเหนือศีรษะ นอกจากนั้นถ้าลูกค้าอยากได้สิ่งอำนวยความสะดวกสบายก็สามารถสั่งอ็อพชั่นที่ต้องการเพิ่มได้อีกมากมาย วัสดุตกแต่งภายในมีทั้งหนังแท้ คาร์บอนไฟเบอร์ และโลหะ ปุ่มสวิตช์ปรับระบบต่างๆ หรูหราทันสมัยด้วยดีไซน์เรียบๆ ไม่เว่อร์วัง และที่สำคัญใช้งานง่าย

ในขณะที่ Urus แม้จะมาในลักษณะของซูเปอร์คาร์กลายร่าง แต่ภายในห้องโดยสารก็ไม่ได้แคบอย่างที่คิด มันยังคงมีความเป็น SUVอยู่ เดินทางไปพร้อมกัน 4-5 คนได้สบาย เพียงแต่เบาะนั่งคู่หน้ามันยังมีความเป็นซูเปอร์คาร์ด้วยรูปทรง วัสดุหุ้ม ความลึกของตัวเบาะให้ลำตัวคนนั่งกระชับอยู่ในเบาะขณะเดินทาง ซึ่งมองได้สองมุมคือ คนที่ชอบความสปอร์ตคงถูกใจน่าดู แต่คนที่ชอบความสบายน่าจะรู้สึกอึดอัด อย่างไรก็ตาม พื้นที่ด้านหลังค่อนข้างแคบกว่า RS Q8 ทั้งบริเวณที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะ แต่ในขณะเดียวกันถ้าคุณไม่ได้เป็นคนรูปร่างสูงชะรูด ก็จะสำผัสได้ถึงความสบายของเบาะนั่งด้านหลังและความหรูหราของดีไซน์และวัสดุที่ใช้ตกแต่ง

ส่วนเรื่องดีไซน์คอนโซลและแดชบอร์ดเรียกได้ว่าเหมือนกำลังขับเครื่องบินรบ มันดูดุดันเสียเหลือเกิน แต่ถ้าพูดถึงหน้าจอควบคุมภายในรถของทั้ง Urus และ RS Q8 ถ้าไม่นับดีไซน์การจัดวาง ผมบอกเลยว่าแทบจะถอดแบบกันออกมาเลยครับ หน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสขนาด 8.6 นิ้วเท่ากันฟังก์ชั่นใช้งานแทบจะเหมือนกันทั้งหมด ยิ่งหน้าจอควบคุมระบบแอร์และการปรับโหมดต่างๆ ที่อยู่ด้านล่างก็เป็นขนาด 10.1 นิ้วเท่ากัน ซึ่งผมว่ามันอันเดียวกันนี่แหละครับ

และเมื่อพูดถึง SUV ลูกค้ามักถามถึงพื้นที่บรรทุกสัมภาระท้ายรถ มองด้วยตาเปล่า ยังไงก็ดูออกว่าพื้นที่ท้ายรถของ RS Q8 กว้างกว่า Urus อยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น แต่พอดูจากตัวแลขพื้นที่ความจุท้ายรถ Urus น้อยกว่า RS Q8 เพียงประมาณ 9 ลูกบาศก์ฟุตเท่านั้นเอง และถ้าพับพนักพิงเบาะหลังลงทั้งคู่ Urus ก็มีพื้นที่น้อยกว่าเพียงแค่ประมาณ 4 ลูกบาศก์ฟุต ซึ่งผมว่าก็ไม่ได้มากมายอะไร และที่สำคัญ คุณจะขนอะไรนักหนา

มาถึงเรื่องสมรรถนะและพละกำลังของแฝดคนละฝาคู่นี้ บอกก่อนเลยว่า Lamborghini Urus และ Audi RS Q8 ใช้พื้นฐานเครื่องยนต์เดียวกันคือ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 4.0 ลิตร V8 ทวินเทอร์โบ แต่ Urus มีพละกำลังมากกว่า โดยมีอยู่ 659 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตรที่ 2,250 – 4,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.6 วินาที ในขณะที่ RS Q8 มีพละกำลัง 600 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตรที่ 2,200 – 4,500 รอบ/นาที อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.8 วินาที จากตัวเลขดังกล่าวแน่นอนล่ะครับว่า Lamborghini มันต้องแรงกว่าด้วยการเป็น SUV จากแบรนด์ซูเปอร์คาร์ ยิ่งถ้าคุณได้ยินเสียงเครื่องและท่อไอเสียของมันเวลาใช้รอบเครื่องสูงๆ มันไพเราะหวานจับใจมากเลยทีเดียว

แต่ถ้าคุณดูที่ตัวเลขอีกครั้ง จริงอยู่ที่แรงม้าและแรงบิดของ Urus มากกว่า RS Q8 อยู่อย่างละประมาณ 50 แต่คุณลองดูตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. มันต่างกันเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้นเอง! ที่สำคัญ 2 คันนี้ใช้ระบบส่งกำลังแบบเดียวกันคือเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ถ้าจะต่างกันก็แค่การเซ็ตอัพปรับแต่งและระบบอิเลคทรอนิคของแต่ละค่ายเท่านั้นแหละครับ

มาถึงแง่ของการขับใช้งานจากที่ผมเคยขับมาแล้วทั้งสองคัน ก่อนอื่นเลยคือ ลุคของรถมันไปคนละทาง Urus เปรียบเสมือนซูเปอร์คาร์ที่มีระยะห่างจากพื้นถนนมากกว่าซูเปอร์คาร์ทั่วไป ซึ่งเอาตรงๆ ผมเรียก Urus ว่าเป็น SUV ได้ไม่เต็มปากสักเท่าไหร่ ไหนจะเสียงของมันอีก หลับตาได้ยินแต่เสียงไม่มีทางรู้ว่าเป็น SUV ส่วน RS Q8 รูปร่างหน้าตาของมันมีความเป็น SUV มากกว่าถึงจะมีแนวหลังคาด้านหลังแบบ Coupe ก็ตาม ดังนั้นถ้าเอาแปลกเอาเท่ห์ไม่เหมือนใคร Urus ชนะแน่นอน

แต่ถ้าคุณเป็นคนแบบผมที่ชอบภายนอกเรียบๆ แต่มีความแรงดุดันซ่อนอยู่ ลุคแบบ RS Q8 นี่แหละใช่เลย ส่วนเรื่องการขับ Audi RS Q8 ด้วยความที่ยังคงเป็น SUV เต็มตัว สิ่งแรงที่ได้คือความควบคุมที่ง่ายและยังมีความนุ่มสบายที่คุณผู้หญิงยังพอใจมาก แต่หากกดคันเร่งเมื่อไหร่บุคลิกจะเปลี่ยนไปในทางก้าวร้าวได้ทันที น้ำหนักพวงมาลัยในความเร็วต่ำเบาสบาย การตอบสนองของคันเร่งในช่วงการขับในความเร็วต่ำในเมืองทำได้เหมือน SUV ทั่วไปไม่กระโชกโฮกฮากให้ต้องกลัว โหมดการขับขี่แตกต่างกันชัดเจนในแต่ละโหมด ระบบช่วงล่างแบบถุงลมนุ่มสบายและจะเฟิร์มขึ้นเมื่อรถเพิ่มความเร็วหรือเปลี่ยนไปตามโหมดการขับที่เลือก เสียงของรถปรับไปตามความเร็วและรอบเครื่องยนต์ที่ใช้ ขับในความเร็วต่ำเสียงทุ้มนุ่มลึก แต่กดเร่งรอบเมื่อไหร่วาล์วท่อไอเสียเปิดกว้างสุดก็จะมีเสียงแผดคำรามออกมาโหดไม่น้อย

ในขณะเดียวกัน Urus ก็มีเซอร์ไพร์สตรงที่ความเร็วต่ำเสียงมันก็ไม่ได้เกรี้ยวกราดอะไรอย่างที่คิด การขับใช้งานในเมืองมันสบายเหมือน SUV หรูๆ นี่แหละครับ ติดที่ว่าห้องโดยสารด้านหลังมันดูทึบๆ น่าจะอึดอัดสำหรับบางคน โดยเฉพาะถ้าเป็นคนรูปร่างเล็กเมื่อนั่งลงไปแล้วตัวจมไปในเบาะแทบมองไม่เห็นนอกรถ แต่ในแง่ของคนขับมันเป็น SUV ที่ขับสนุกไม่ต่างจากซูเปอร์คาร์ บรรยากาศภายในห้องโดยสารด้านหน้าก็ช่างอลังการณ์เสียเหลือเกิน และเห็นเป็นรถสูงๆแบบนี้ การเลี้ยวหรือการเข้าโค้งมันเฉียบคมเหลือเกิน ยิ่งถ้าปรับเข้าโหมด Sport หรือ Corsa คุณจะลืมไปเลยว่ารถที่กำลังขับอยู่คือ SUV

สรุปโดยรวม SUV สองคันนี้จะว่าเป็นแฝดมันก็ใช่แหละครับ เพียงแต่เป็นแฝดแค่สายพันธ์ไม่ใช่แฝดเหมือน รูปร่างหน้าตาแตกต่างกันลิบลับ แต่ใช้พื้นฐานร่วมกันหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องสมรรถนะความแรงที่สำหรับผมถือว่าห่างกันนิดเดียวเอง Lamborghini ก็ยังเป็น Lamborghini ที่ยังไม่ทิ้งความเป็นซูเปอร์คาร์ที่ต้องทำตามความคาดหวังของคนทั่วโลกว่าไม่ว่ายังไงมันต้องรถที่แรงและเร็ว แต่สำหรับผมกลับชอบอะไรที่เซอร์ไพร์สเกินคาดมากกว่า SUV ที่รูปร่างหน้าตายังเป็น SUV ไม่ใช่ก้ำกึ่งเหมือนเอาตัวถังซูเปอร์คาร์มาแปะบนแพลทฟอร์ม SUV แต่หากจะเบ่งพลังแล้ว มันจะเป็น SUV ที่ไล่กวดซูเปอร์คาร์ชนิดที่ว่าหางจุกตูดเลยทีเดียว
