นิสสัน เทอร์ร่า หนึ่งในรถพีพีวีที่ขับดี โดดเด่นเรื่องสมรรถนะ แต่บ้านเรากลับไม่ค่อยได้รับความนิยม อาจเป็นเพราะรูปร่างที่ยังไม่เข้าตา ดีไซน์ยังไม่โดนใจ แต่หลังจากที่จับมาตกแต่งใหม่ใส่ชุดแต่งสีดำรอบคัน ทั้งภายใน และภายนอก พร้อมกับเพิ่มสีใหม่ เทาลัมโบว์ (ซึ่งสีนี้รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ต้องไปเรียกชื่ออะไรให้ยุ่งยาก) ภายใต้ชื่อ นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต ก็ทำให้ดูมีออร่ามากขึ้น แต่จะเข้าตาโดนใจ ขนาดไหน … เรามาว่ากัน!!

นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต สะท้อนความเข้มดุดัน ด้วยชุดแต่งสีดำรอบคัน ไล่ไปตั้งแต่ กระจังที่เทอร์ร่าใหม่ ออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้นตามสไตล์เอสยูวียุคนี้ โดยไฟหน้าเป็นแบบ Quad LED 4 ดวง ที่ให้ความสว่างมากขึ้นถึง 34% ทำให้ตัวโคมไฟสามารถดีไซน์ให้เพรียวบางลง นอกจากนี้ยังมีไฟ Daytime Running Light และไฟตัดหมอกแบบ LED ที่เพิ่มฝาครอบไฟสีดำเข้ามา ด้านกันชนหน้าและหลังมีการใส่ชุดตกแต่งสีดำเงาสไตล์สปอร์ตทำให้ตัวรถดูดุดันมากขึ้น เข้ากับไฟท้ายของเทอร์ร่า ใหม่ ที่ลดความสูง แต่เพิ่มความกว้าง โดยเป็น ไฟ LED แบบ Light Guide เส้นคู่ ไฟเบรกก็เป็นแบบ LED พร้อมสัญลักษณ์ Sport ที่ฝากระโปรงด้านหลัง

ขยับมาที่ด้านข้างมาดูกันว่ามีอะไรที่ใส่สีดำเพิ่มเข้าไปอีก มองๆ ดูแล้ว ก็จะมี กระจกมองข้าง มือจับประตู คิ้วตกแต่งซุ้มล้อ และบันไดข้าง ส่วนล้ออัลลอยเป็นลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ออกแบบให้สอดคล้องกับดีไซน์ภายนอก เพิ่มความสปอร์ต ด้วยการใช้สีทูโทนแบบปัดเงา แหงนมองต่อที่ด้านบน ก็ยังไม่หมดกับลุคความสปอร์ต ที่มีการเพิ่มของดำเข้าไปอีกทั้งราวหลังคา เสาอากาศแบบครีบฉลาม สปอยเลอร์หลัง พร้อมคิ้วและแผงประตูท้าย ซึ่งยังไม่หมดเพียงเท่านี้หากก้มลงมองใต้ท้องก็จะเห็นแผงกันกระแทกด้านหน้าและหลังสีดำ ถือเป็นของตกแต่งสีดำสปอร์ตทั้งหมดที่เพิ่มเข้ามาให้



ห้องโดยสารของเทอร์ร่า สปอร์ต ลดความฉูดฉาดของสีสันลง โดยตกแต่งภายในโทนสีดำสไตล์สปอร์ตพรีเมียม คอนโซลหน้าใช้วัสดุหนังสังเคราะห์ที่ให้สัมผัสนุ่มสบาย ปุ่มควบคุมต่างๆ มีไฟเรืองแสงสีขาวมองเห็นได้ง่ายยามค่ำคืน ระบบปรับอากาศด้านหน้าเป็นแบบอัตโนมัติแยกการควบคุมอุณภูมิตามความต้องการ ช่องแอร์ครอบคลุมผู้โดยสารทั้ง 7 ที่นั่ง โดยผู้โดยสารด้านหลังสามารถปรับแรงลมอิสระตามความต้องการ เบาะนั่งใช้วัสดุระดับพรีเมียมที่นั่งแถว 2 มีฟังก์ชั่น Auto Tumble Seat ที่คอนโซลกลาง โดยจะพับเบาะนั่งแถวที่ 2 อัตโนมัติแค่กดปุ่มเพียงจากสวิตช์แบบ One-Touch Remote Fold & Tumble ตรงบริเวณคอนโซลเกียร์ เพื่อเปิดให้ผู้โดยสารแถว 3 ขึ้นลงได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ยังออกแบบแถวที่นั่งแบบ Theatre Style Seating ที่จะยกระดับให้สูงขึ้นกว่าที่นั่งตอนหน้า ทำให้รู้สึกโปร่งสบาย เบาะนั่งแถว 3 พับได้แบนราบ และที่สำคัยภายในห้องโดยสารของเทอร์ร่า มีการเพิ่มฉนวนลดเสียงรบกวน มีการติดตั้งกระจกตอนหน้าและประตูคู่หน้าแบบ Acoustic Glass ทำให้รู้สึกได้ถึงความเงียบภายในห้องโดยสาร ลดเสียงรบกวนจากภายนอก ด้านพวงมาลัยตรงนี้ก็น่าสนใจเพราะมาพร้อมมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังกับรูปทรง D-shape สไตล์รถสปอร์ตเลย นอกจากนี้ ใครที่เคยบอกว่าขับรถพีพีวี แล้วต้องหมุนพวงมาลัยเหนื่อย สำหรับเทอร์ร่า ใหม่ ปรับอัตราทดให้ควบคุมได้อย่างง่ายขึ้น พร้อมทั้งให้รัศมีวงเลี้ยวพวงมาลัยที่แคบเพียง 5.7 เมตรเท่านั้น

อีกจะไฮไลท์ที่ขาดไม่ได้กับเทคโนโลยี NissanConnect ที่เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย และ Android Auto รองรับการใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์ ผ่านหน้าจอสัมผัสใหม่ขนาด 9 นิ้ว พร้อมด้วยระบบนำทาง และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ นอกจากนี้สำหรับใครที่นั่งด้านหลังเพลินๆ เลยกับจอขนาดใหญ่ 11 นิ้ว สามารถสตรีมมิ่งช่องโปรด เช่น NetFlix และ YouTube ผ่านช่อง HDMI ได้อย่างง่ายดาย ระบบเสียงก็รอบทิศทางจาก Bose Premium Audio System 8 ตำแหน่ง พร้อมแอมพลิฟายเออร์ เรียกได้ว่าเดินทางไกลได้แบบยาวๆ


เทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน

สำหรับเทคโนโลยีความปลอดภัย นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต ใหม่ ไม่เป็นรองใคร มีให้ทั้ง

- เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง และสำหรับรุ่น 4WD จะเพิ่มระบบ Off-Road Mode เมื่อเปิดระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งช่วยเพิ่มมุมมองรอบตัวรถขณะขับขี่ แม้ในทางที่ลำบาก รวมถึงการทำงานร่วมกับ Parking Sonar ที่ติดตั้งเซนเซอร์ที่กันชนหน้า 4 จุด และกันชนหลัง 4 จุด เมื่ออยู่ในเกียร์ D และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 10 km/h
- เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ ที่แสดงภาพจากกล้องความละเอียดสูงผ่านกระจกมองหลัง ซึ่งช่วยเพิ่มทัศนวิสัยที่ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้มีผู้โดยสารตอนหลัง หรือสัมภาระขนาดใหญ่ รวมถึงยังสามารถปรับมุมมองได้ตามความต้องการของผู้ขับ ระหว่างการแสดงภาพในแบบหน้าจอแอลซีดีกับกระจกมองหลังมาตรฐาน
- เทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD)
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW)
- เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB)
- เทคโนโลยีเตือนรถในมุมอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW)
- เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA)
- เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW)
- เทคโนโลยีเตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า(Intelligent Driver Alertness – IDA)

นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ช่วยให้ทุกการขับขี่มั่นใจได้ในความปลอดภัยแบบ Passive Safety อาทิ
- เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA)
- เทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชันHill Descent Control (HDC)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control (TCS)
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัจฉริยะ Vehicle Dynamic Control (VDC)
- ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System – ABS)
- ระบบกระจายแรงเบรก (Electric Brake Force Distribution System – EBD)
- ระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD)
- ถุงลม SRS คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner and Load Limiter Seatbelts)
- เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบสามจุดสามตำแหน่งที่นั่ง
- จุดยึดเบาะที่นั่งเด็กแบบ ISOFIX
- โครงสร้างนิรภัย (BODY REINFORCEMENT) เอกสิทธิ์เฉพาะนิสสัน ที่สามารถรองรับการกระแทกรอบด้าน เพื่อปกป้องทุกชีวิตภายในห้องโดยสารด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
สมรรถนะ
มาที่เรื่องสมรรถนะกันบ้าง สำหรับเทร์ร่า ใหม่ ยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซลรหัส YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ตั้งแต่ 1,500 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด ซึ่งฟิลลิ่งการขับขี่นั้น สำหรับตัวผมถือว่าดีเลยทีเดียว ทั้งในส่วนของเครื่องยนต์ที่แม้จะเป็นบล็อคเพียง 2.3 ลิตร แต่พอได้เทอร์โบคู่เข้าไป ทำให้มีพละกำลังทั้งรอบต้นและรอบปลาย แบบใช้งานได้สบาย ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะอืด หรือมีอาการรอรอบของเทอร์โบ

แต่จุดที่ผมชอบเป็นพิเศษ คือเจ้าเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด ของเจ้านิสสัน เทอร์ร่า ที่ทำงานได้อย่างนุ่มนวล ไร้รอยต่อ ทั้งที่บุคลิกของรถทรงนี้ จะค่อนข้างกระโชกโฮกฮากในช่วงรอยต่อของเกียร์ แต่สำหรับ เทอร์ร่า นั้นไม่เลย นุ่มนวล แถมอัตราทดเกียร์ที่ให้มาแต่ละเกียร์ก็กำลังดี ให้อัตราเร่งดีแต่มาในสไตล์สมูท อีกทั้งเรื่องของน้ำมันยังรองรับน้ำมันดีเซลทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20 และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 20,000 กิโลเมตร หากแต่ใช้ B20 เป็นประจำคู่มือติดรถจะบอกว่าควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 10,000 กิโลเมตร ส่วนเรื่องความประหยัดนั้น ใครจะบอกประหยัด แต่สำหรับผมมองว่ากลางๆ ขับเดินทางไกล เส้นทางมีขึ้นเขาบ้าง ตัวเลขก็อยู่ประมาณ 11-12 กม./ลิตร ส่วนถ้าทางเรียบๆ ก็มี 13 กม./ลิตร ให้เห็นอยู่บ้าง

ด้านเทคโนโลยีขับเคลื่อนสี่ล้อ 4×4 (4WD) ที่ปรับได้ทั้ง 4H และ 4L ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชัน shift-on-the-fly สามารถปรับเปลี่ยนได้ขณะขับขี่ จาก 2H เป็น 4H ได้ทันทีขณะรถวิ่งไม่เกิน 100 กม./ชม. ขณะที่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ low range four-wheel drive หรือ 4LO มาพร้อมระบบ Electronic Locking Rear Differential (Diff-Lock) ช่วยกระจายกำลังไปยังล้อหลังทั้ง 2 ข้าง และระบบป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) โดยระบบจะส่งแรงไปยังล้อที่ลื่นไถลให้การออกตัวที่ลื่น พร้อมกระจายแรงขับขี่ไปที่ล้อแต่ละข้างเมื่อขับขี่ในโหมด 4H เหมาะมากๆ สำหรับสายลุย

ปิดท้ายที่ระบบกันสะเทือนหน้า ซึ่งก็ถือเป็นอีกไฮไลท์หนึ่ง ที่ผมชอบ กับช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 ลิ้งค์ (5-Link) พร้อมคอยล์สปริง ที่ให้ฟิลการขับขี่ที่นุ่มหนึบ บวกกับพวงมาลัยที่แม่นยำ ทำให้การควบคุมอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมากสำหรับรถในกลุ่มพีพีวี ส่วนระบบเบรกใช้ดิสก์เบรกหน้า และหลัง ขนาดใหญ่พร้อมครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ ซึ่งต้องบอกว่าอุปกรณ์ต่างๆ เค้าจัดมาให้เต็มจริงๆ

ปิดท้ายที่เรื่องราคา นิสสัน เทอร์ร่า สปอร์ต ใหม่ มาพร้อมราคาจำหน่าย 1,555,000 บาท โดยมีสีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเทา สเตลท์ เกรย์, สีขาว ไวท์ เพิร์ล (เพิ่ม 12,000 บาท) และสีดำ แบล็ค สตาร์ ซึ่งด้วยชุดแต่ง ออปชั่นที่ให้มา ต้องบอกเลยว่าราคานี้เป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อ และน่าจะสู้กับคู่แข่งในตลาดได้ หากได้คนไทย ยังไม่ค่อยหันมาสนใจพีพีวีที่ขับดีอย่าง นิสสัน เทอร์ร่า ก็เท่านั้นเอง