สิ้นสุดการรอคอยสำหรับปิกอัพEV จากค่ายโตโยต้าหลังจากก่อนหน้านี้ทีมงานพยายามโรดโชว์อวดโฉมรวมถึงส่งมอบให้หน่วยงานรัฐอย่างอบจ.พัทยานำไปใช้งานเพื่อหาข้อบกพร่องจนได้ข้อสุปและล่าสุดเพิ่งทำคลอดเป็นโปรดักต์ชั่นไลน์พร้อมส่งมอบลูกค้าตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป

หลายคนอาจแปลกใจเพราะเที่ยวนี้โตโยต้ากระโดดข้ามจาก Revo BEV ไปสู่ Travo-e กันเลย

Hilux Travo-e ปิกอัพไฟฟ้าเปิดราคาที่ 1.49 ล้านบาทหลายคนอาจจะมองว่า “แพงเวอร์” แต่อยากจะบอกว่าญี่ปุ่นกับจีนในเชิงธุรกิจคิดคนละแบบรถญี่ปุ่นเค้ามั่นใจว่าขายได้เพราะได้เปรียบหลายอย่างตั้งแต่ความเชื่อมั่นเพราะอยู่มานานไม่ทิ้งลูกค้าแน่นอนจำนวนโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่าหลายเท่าตัว

ลูกค้าเชื่อมั่นกับแบรนด์โตโยต้าดูแลลูกค้าตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นซื้อรถไปจนถึงวันสุดท้ายที่เลิกใช้งาน มีโชว์รูมมากถึง 450 แห่งเรียกว่าระยะห่างระหว่างโชว์รูมต่อโชว์รูมทั่วประเทศไม่เกิน 50 กิโลเมตร

ทีนี้มาดูสเป็ก Travo-e มีรุ่นเดียวเป็น Double Cab 4TREX AWD ใช้แบตเตอรี่ความจุ 59.2 kWh มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว (Dual Motor) ขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลังรวมประมาณ 196 แรงม้า หรือ 144 kW ระยะทางวิ่งตามที่เคลมราวๆ 315 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ต่อการชาร์จเต็ม

รองรับการชาร์จไฟ AC สูงสุด 10 kW และ DC สูงสุด 125 kW มิติตัวรถยาว 5,320 มม., กว้าง 1,855 มม., สูง 1,800 มม., ฐานล้อ 3,085 มม., ระยะต่ำสุดใต้ท้อง 215 มม.

รูปร่างบึกบึน สวยงามเลยทีเดียว

ผู้บริหารโตโยต้ายืนยันว่า HILUX TRAVO-e เน้นตอบโจทย์ลูกค้าระดับพรีเมียมและองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ซึ่งให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและความเป็นกลางทางคาร์บอนโตโยต้าใช้หลักการ QDR (Quality, Durability, Reliability) เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนารถกระบะไฟฟ้าเพื่อแก้ไขความกังวลหลักของผู้ใช้เกี่ยวกับความปลอดภัยและความทนทาน

นอกจากนี้ยังใส่เทคโนโลยี “DIAMOND GUARD” ที่ช่วยปกป้องแบตเตอรี่และมอเตอร์ขั้นสูงโดยมีการติดตั้งแบตเตอรี่ในเฟรมรถซึ่งเป็นจุดที่ปลอดภัยที่สุดพร้อมทั้งมีโครงสร้างเหล็กเพื่อป้องกันการกระแทกจากด้านล่างและโครงสร้างดูดซับแรงกระแทกรอบด้าน เพื่อส่งมอบความปลอดภัยสูงสุดในทุกสถานการณ์

ต้องยอมรับว่า Hilux Travo-e ถือเป็นจุดขายใหม่เพราะปกติกระบะในไทยใช้เครื่องยนต์ดีเซล และเบนซิน เที่ยวนี้มีพลังงานใหม่ให้เลือก
หันมาดูคู่แข่งอย่าง Riddara RD6 4WD 86 kWh ในเครือจิลลี่ ให้กำลังสูงสุด 315 กิโลวัตต์แรงบิด 595 นิวตันเมตรทำความเร็วสูงสุดได้ 190 กิโลเมตร/ชั่วโมงชาร์จด้วยไฟฟกระแสตรง 110 kW 30-80% ในเวลา 32 นาที

และชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ 6.6 kW มีระบบกู้คืนพลังงาน 3 ระดับความสามารถในการบรรทุก 1,030 กิโลกรัม, ความสามารถในการลากจูง 3,000 กิโลกรัม, ความสามารถในการไต่ทางชัน 95%, ความสามารถในการลุยน้ำ 815 มม. อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรใน 7.3 วินาที

ดูตารางเปรียบเทียบ
| รุ่น | ราคาในไทย | แบตเตอรี่ / พลังงาน | ระยะวิ่งที่อ้าง (ตามมาตรฐาน) | ระบบขับเคลื่อน | |
| Toyota Hilux TRAVO-e | 1,491,000 บาท | 59.2 kWh (Lithium-ion NMC) | วิ่งได้ 315 กม./ชาร์จ (มาตรฐาน NEDC) | AWD / มอเตอร์คู่ | |
| RIDDARA RD6 | รุ่นเริ่มต้น ~ 899,000 บาท (รุ่น 63 kWh) ถึง ~ 1,299,000 บาท (รุ่น 86 kWh) | 63 kWh / 73 kWh / 86 kWh | ระยะวิ่งสูงสุด: ~ 373 กม. -461 กม. (73 kWh) และ 455 กม. (86 kWh) | มีรุ่น 2WD และ 4WD (ขึ้นอยู่รุ่น) |
วิเคราะห์ปัญหาอุปสรรคและข้อจำกัดระหว่าง Hilux Travo-e และ Riddara RD6
สิ่งแรกที่ลูกค้าใช้รถ EV พิจารณาคือระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ Travo-e เต็มที่ 315 กม.ตามที่เคลมไว้ ถือว่าน้อยกว่ารถEV ทั่วไปที่ต้องวิ่งได้ 400-500 กม. ขึ้นไปซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับลูกค้าที่ใช้เดินทางไกลหรือบรรทุกหนักบ่อยครั้ง


ถัดมาราคา 1.49 ล้านบาทสูงกว่ากระบะไฟฟ้าจากค่ายจีนถ้าหากค่ายจีนเสนอราคาต่ำกว่าและมีระยะวิ่งที่ใกล้เคียงอาจเกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง


การชาร์จไฟ Travo-e แม้จะรองรับ DC 125 kW แต่การใช้งานจริงในไทยยังขึ้นอยู่กับจำนวนสถานีชาร์จเร็วและความสะดวกของผู้ใช้มองความคุ้มค่าใช้งานเชิงพาณิชย์กรถปิกอัพในไทยส่วนใหญ่นิยมใช้บรรทุกหนักใช้ลากจูงใช้งานหนักถ้าปิกอัพEV ไม่รองรับบรรทุกหนักหรือใช้งานต่อเนื่องวิ่งหลายร้อยกิโลเมตรต่อวันอาจเป็นอุปสรรค

และที่มองข้ามไม่ได้เลยต้นทุนการเป็นเจ้าของแม้ไม่มีค่าน้ำมันแต่ก็มีค่าไฟค่าแบตเตอรี่และมูลค่าขายต่อที่ยังไม่ชัดเจนสำหรับปิกอัพEV


แต่ถ้ามองกลุ่มที่น่าจะตอบรับดีเช่นลูกค้าที่ใช้งานในเมืองใช้งานแค่บรรทุกเบาหรือใช้งานส่วนตัวที่ไม่ต้องลากจูงหนักทุกวันกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับแบรนด์


TRAVO-e ถือเป็นรถที่ครบเครื่องสำหรับตลาดใหม่ของปิกอัพไฟฟ้าแบรนด์ใหญ่ในไทย มีแบรนด์เชื่อถือได้สเป็กดีไซน์ภายในเจาะตลาดพรีเมียมได้สบายๆ


แต่ก็นึกไม่ออกเหมือนกันทำไมวิศวกรของโตโยต้าถึงเลือกใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion NMC แค่ 59.2 kWh หรือประเมินจากภาษีที่ทำให้ต้นทุนต่ำลงมากๆ ทั้งๆ ที่ปิกอัพEV รัฐบาลเขาไม่เก็บภาษีสรรพสามิต


ดังนั้นประเด็นแบตเตอรี่เล็กเกินไปอาจจะทำให้ TRAVO-e ตกม้าตายหรือไม่?…ไม่อยากให้กระพริบตา













