สำหรับคนรุ่นอายุ 40 อัพ ภาพของ Subaru แต่ไหนแต่ไรมาคือ รถเก๋งสมรรถนะสูงขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์สูบนอนที่ขับมันส์มาก เอาเป็นว่าในยุคสมัยเดียวกันถ้าคุณอยากได้รถเก๋งขนาดกลางเครื่องยนต์เทอร์โบขับเคลื่อน 4 ล้อ คุณมีตัวเลือกอันน้อยนิด และ Subaru ก็เป็นหนึ่งในนั้น นี่ยังไม่นับรวมถึง Subaru ในอดีตที่ถึงแม้ยังไม่มีเทอร์โบหรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ก็ถูกวัยรุ่นยุค 40-50 ปีที่แล้วเลือกมาทำรถซิ่งหรือรถแข่งนะครับ ก็เพราะรถมันมีพื้นฐานดีกว่ารถญี่ปุ่นยี่ห้ออื่นในยุคเดียวกัน
แต่มาวันนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไป ถามว่า Subaru ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นรถสมรรถนะสูงอยู่มั้ย คำตอบคือยังเป็นครับ เพียงแต่มีแค่บางรุ่นเท่านั้น และก็เป็นรุ่นที่ไม่ได้เน้นทำตลาดเพื่อหากำไรให้กับบริษัทฯ สักเท่าไหร่ ในขณะที่ช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมาเราได้เห็น Subaru รุ่นใหม่ๆ ออกมาทำตลาดทั่วโลกในแนวรถบ้าน รถครอบครัว เสียส่วนใหญ่
โดยเฉพาะรถในกลุ่มครอสโอเวอร์และ SUV และถ้าพูดถึง Subaru ในประเทศไทย จากที่แต่ก่อนเป็นรถที่ได้รับความนิยมในกลุ่มเล็กเพราะมีแต่รถเน้นสมรรถนะอย่าง Impreza ส่วนรถบ้านส่วนใหญ่ก็เป็นแวก้อนอย่าง Lagacy, Forester และ Outback ซึ่งก็เป็นรถที่มีสมรรถนะดีเลิศ ที่สำคัญ Subaru ในอดีตที่ผ่านมาจัดเป็นรถญี่ปุ่นราคาสูงเพราะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ไม่ต้องถามเรื่องยอดขายในรถกลุ่มนั้น เพราะมันเป็นลักษณะขายได้เรื่อยๆ เฉพาะก็แต่ในกลุ่มแฟนรถแบรนด์นี้ จะให้ยอดขายเปรี้ยงปร้างแบบรถญี่ปุ่นแบรนด์อื่นในประเทศไทยนั้นไม่ต้องคิด
แต่แล้วเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในการทำตลาดของ Subaru ในประเทศไทยกับการมาของ Subaru XV รถครอสโอเวอร์ขนาดกลางที่เปิดตัวมาในราคาล้านต้นๆ กับคุณสมบัติการเป็นรถครอสโอเวอร์เครื่องยนต์สูบนอนขับเคลื่อน 4 ล้อ หน้าตาเก๋ไก๋ และด้วยราคาที่อยู่ในระดับล้านต้นๆ เพราะเป็นรถที่นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย จึงทำให้คนไทยหันมาสนใจ Subaru กันมากขึ้น ทำให้ Subaru ได้ฐานลูกค้าใหม่มากมาย มียอดขายมากเป็นประวัติการซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสำหรับรถยนต์ Subaru ในประเทศไทย
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีรุ่นที่นำเข้าจากญี่ปุ่นอยู่นะครับ อย่างพวก Outback, Legacy, Levorg และตัวเรงของค่ายอย่าง WRX STI และรถสปอร์ตอย่าง BRZ
เมื่อยอดขาย XV ไปได้สวย หลังจากนั้นไม่นาน Forester ก็ตามมา ในราคาที่สูงกว่า XV เพียงเล็กน้อย กับการเป็น SUV ที่ใหญ่กว่า ห้องโดยสารกว้างกว่า มีความอเนกประสงค์มากกว่า แถมยังมี Forester XT ที่เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบนำเข้ามาจากญี่ปุ่นทั้งคันเช่นเดียวกัน เพียงแต่ราคาโดดเลยสองล้านไป ทั้งนี้ก็สำหรับแฟน Subaru ตัวจริงๆ นั่นแหละครับ
XV และ Forester ทำยอดขายในประเทศไทยได้ดีมาอย่างต่อเนื่องจนมีรุ่นใหม่ตามออกมา โดยภาพลักษณ์ Subaru ได้เปลี่ยนจากรถสมรรถนะสูงเครื่องแรงขับเคลื่อน 4 ล้อ มาเป็นรถอเนกประสงค์ประจำครอบครัวเครื่องยนต์เบนซินสูบนอนไม่มีเทอร์โบขับสบายและประหยัดด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT แต่ยังคงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเอาไว้ รวมถึงระบบช่วงล่างที่ให้ความมั่นใจได้มากกว่ารถญี่ปุ่นระดับราคาใกล้เคียงกัน
แต่แล้ววันนึงก็เหมือนพายุลูกใหญ่โหมกระหน่ำซัดเข้าหา Subaru อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กับการมาของกลุ่มครอสโอเวอร์และ SUV ไฮบริดจากค่ายรถสัญชาติเดียวกันที่มาพร้อมกับออปชั่นท่วมคัน เท่านั้นไม่พอ ยังมีการบุกของกองทัพรถจีนที่พกมาทั้งระบบไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด PHEV รวมถึงออปชั่นที่ต้องใช้คำว่า “คุณอยากได้อะไร เขามีให้หมด” และที่สำคัญราคายั่วเย้าเร้าเงินในประเป๋าเสียเหลือเกิน ในขณะที่ Subaru เองที่ผ่านมามีเทคโนโลยีชูโรงอย่างระบบความปลอดภัย Subaru EyeSight เท่านั้นเอง จะอยู่ยังไงล่ะทีนี้?
เมื่อมีการจัดอันดับยอดขายครอสโอเวอร์และ SUV ในประเทศไทย เราจึงเห็น Subaru ค่อยๆ ร่วงลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับรถสัญชาติเดียวกันอีกค่ายจากฮิโรชิม่าที่ยังไม่เอารุ่นที่มีระบบไฮบริดมาขายเหมือนกัน ถามว่าไฮบริดมันดีกว่าหรืออย่างไร? ส่วนตัวผมถ้าในแง่ของสมรรถนะการขับขี่ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วย ยังไงมันก็ดีกว่าครับ ออกตัวดีกว่า เร่งแซงเร้าใจกว่า แรงกว่า และยังได้ความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าอีกด้วย อันนี้ยังไม่นับรวมออปชั่นความสะดวกสบายหรือเทคโนโลยีต่างๆ ภายในห้องโดยสารที่มีแบบเหลือใช้นะครับ
และที่สำคัญสำหรับคนทั่วไปที่ขับใช้งาน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อสำหรับหลายๆ คนที่ขับในเมืองเป็นหลักก็แทบไม่มีความจำเป็น ยิ่งไปกว่านั้นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ Subaru ยุคปัจจุบันก็ไม่ใช่เป็นแบบหน้า-หลัง 50:50 อีกต่างหาก เพราะฉนั้นการขับในเมืองกำลังขับเคลื่อนมันก็ไปอยู่ที่ล้อหน้าเกือบหมด ดังนั้นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อคงไม่ใช่จุดขายที่ลูกค้าทั่วไปต้องการสักเท่าไหร่ ถ้า Subaru จะอยู่รอดต่อไปในประเทศไทยต้องทำยังไง? ตอบง่ายๆ แบบไม่คิดอะไรมากให้เสียเวลา ก็เอารถที่มีมอเตอร์มาขายสิครับ!
ก่อนจะไปถึงเรื่องเงื่อนไขต่างๆ Subaru เองตอนนี้ก็มีรุ่นที่เป็นไฮบริดอยู่แล้วทั้งในตัวถัง XV และ Forester ซึ่งก็เป็นสไตล์ที่คนไทยยังนิยมอยู่ เริ่มจาก Subaru XV e-Boxer ตอนนี้อยู่ในโมเดล XV เจเนอเรชั่นที่ 3 โดยใช้ขุมพลัง e-Boxer ที่เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 4 สูบนอน 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 194 นิวตันเมตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 16.7 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 66 นิวตันเมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT และยังคงไว้ซึ่งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ส่วนระบบช่วยความปลอดภัย Subaru EyeSight ก็เป็นเวอร์ชั่นใหม่ทั้งเทคโนโลยีของกล้องที่สูงขึ้นมีการปรับซอฟท์แวร์ใหม่ และยังได้เพิ่มเรดาร์ช่วงด้านหน้ารถเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ ที่สำคัญหน้าตาของ Subaru XV เจเนอเรชั่นล่าสุดนี้ก็ถือว่าหล่อเหลาเอาการอยู่ไม่น้อย เรียกได้ว่าเข้าประกวดในตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ได้เลย
ต่อด้วย Subaru Forester e-Boxer ที่ใช้ขุมพลังไฮบริดเช่นกัน ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบนอน 145 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 188 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 13.6 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 65 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD รูปร่างหน้าตาก็คือ Forester เจเนอเรชั่นล่าสุดที่ขายอยู่ในบ้านเรานี้แหละครับ ส่วนระบบความปลอดภัยก็เป็น Subaru EyeSight เวอร์ชั่นปรับปรุงล่าสุดเช่นเดียวกับ XV ที่กล่าวไป
เรียกได้ว่าคุณสมบัติดังกล่าวของ Subaru ทั้ง XV e-Boxer และ Forester e-Boxer ทั้งรูปร่างหน้าตา สมรรถนะ และเทคโนโลยี ถ้ามาทำตลาดในประเทศไทยตอนนี้ก็พอจะสู้คู่แข่งได้หน่อย แต่เรื่องของเงื่อนไขราคาก็ต้องดูกันอีกทีว่าจะมาแนวไหน เพราะหากเป็นรถนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคันอันนี้ลำบากแน่ เพราะพอรวมภาษีแล้วค่าตัวน่าจะขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกับครอสโอเวอร์ฝั่งยุโรปเลยทีเดียว และถ้าถึงขั้นนั้น นิสัยคนไทยไม่เล่นรถญี่ปุ่นแล้วครับ แต่หากมีรถที่ผลิตในมาเลเซียแล้วได้เงื่อนไขเรื่องภาษีนำเข้าเหมือนที่ผ่านมา หรือสามารถประกอบภายในประเทศไทยเองได้ อันนี้สนุกแน่ครับ ผมเชื่อว่าความนิยม และยอดขายของ Subaru ในประเทศไทยจะกลับมาเปรี้ยงปร้างแน่นอน
Photo credit: https://paultan.org/2022/12/05/2023-subaru-crosstrek-launched-in-japan/2023-subaru-crosstrek-xv-japan-launch-13/
https://www.google.com/searchq=subaru+xv+e+boxer+2023+engine&tbm=isch&ved=2ahUKEwiJkJKK1uqBAxVjQGwGHVfjCjQQ2cCegQIABAA&oq=subaru+xv+e+boxer+2023+engine&gs_lcp=CgNpbWcQA1DcBVjBE2DZFGgAcAB4AIABWIgB3wSSAQE4mAEAoAEBqgELZ3dzLXdpei1pbWfAAQE&sclient=img&ei=dYkZcmvLuOAseMP18aroAM&bih=643&biw=1349&rlz=1C1CHBF_enTH995TH995&hl=th#imgrc=M0yX0qHeUB5UXM&imgdii=tX4rC5ajYIRpUM, https://carbuyer.com.sg/2022-subaru-forester-review-singapore-price/
