ปลายฝนต้นหนาวแล้ว หลายคนคงกำลังมองหาทริปท่องเที่ยว วันนี้เรามีสถานที่สวยๆ สำหรับคนรักธรรมชาติมาแนะนำ บอกได้เลยว่าเหมาะสำหรับสายเที่ยวแบบขาลุย จะนอนกางเต็นท์ เดินชมทุ่ง ขับรถไม่ไกลมากกับเขาค้อ ก็แค่ปากซอยแค่นี้เอง

จังหวัดเพชบูรณ์ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่สวยงาม มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สมบูรณ์ ระยะทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เกินไปนัก ประมาณ 400 กิโลเมตรกว่าๆ เท่านั้น สามารถใช้เวลาวันเสาร์-อาทิตย์ 2 วัน 1 คืน ก็ได้พักผ่อนแบบเต็มที่

การท่องเที่ยวที่เรานำเสนอทริปนี้ จะเป็นแนว Slow Life ขับรถเรื่อยๆ พักจิบกาแฟในคาเฟ่เก๋ๆ สักแห่ง แวะกินอาหารกลางวันอีกมื้อ ยังไม่ทันเมื่อย ยังไม่ทันเบื่อก็ถึงแล้ว เส้นทางกว่า 60% เป็นไฮเวย์ ถนนดีขับสบายๆ ออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสระบุรี หล่มสัก ถนนเรียบตรงตลอด วิ่งตรงไปจนเลยลพบุรีเข้าเพชรบูรณ์ จึงมีทางขึ้นเขา ทางโค้งให้ได้เปลี่ยนบรรยากาศกันเล็กน้อย และวิวข้างทางก็เปลี่ยนจากที่ราบเป็นเริ่มมีต้นไม้มีเขาให้ได้เห็นกัน

ด้วยเส้นทางที่ค่อนข้างราบเรียบ แต่ก็มีบางช่วงให้ต้องลุยบ้าง การเดินทางครั้งนี้ เราจึงเลือกใช้รถสไตล์ PPV ที่สะดวกสบายจากห้องโดยสารที่กว้างขวาง แถมในรถคันนี้ ที่นั่งแถว 2-3 ชม มีหน้าจอขนาด 11 นิ้ว ที่ดูผ่านระบบสตรีมมิ่งได้ทั้ง Netflix และ YouTube ผ่านช่อง HDMI ทำให้การเดินทางครั้งนี้ยิ่งไม่น่าเบื่อ
ออกกจากรุงเทพฯสายๆ เพียงช่วงบ่ายๆ ก็จะมาถึงทุ่งแสลงหลวง หนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่มีทิวทัศน์สวยงาม ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในจังหวัดเพชรบูรณ์และพิษณุโลก ช่วงเดือนตุลาคม-มกราคมซึ่งเป็นฤดูหนาว เป็นช่วงที่สวยที่สุด เพราะป่าไม้ที่เพิ่งผ่านฝนมาจะเขียวชอุ่ม ตอนเช้ามีหมอกเรี่ยยอดไม้ อุณหภูมิค่อนข้างเย็น ใส่สเวตเตอร์บางๆ พอให้ความอบอุ่นๆ สวยๆ สักตัวก็น่าจะพอ

พื้นที่ทุ่งแสลงหลวงมีป่าไม้หลายชนิดทั้งป่าสน ป่าเต็งรัง ป่าดิบชื้น ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ ทุ่งหญ้าสะวันนา ที่หลายคนเคยได้ยินชื่อตอนเรียนวิชาภูมิศาสตร์ ได้มาเห็นจริงที่นี่เอง ลักษณะเป็นทุ่งหญ้ากว้างโล่ง มีต้นไม้ต้นตรงสูงเป็นป่าโปร่งๆ เหมาะสำหรับกิจกรรมเบาๆ เช่น เดินชมป่า ถ้าโชคดี อาจจะได้เห็นสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยออกมาโชว์ตัว ไม่ว่าจะเป็นกระรอก กระต่าย กวาง นกนานาชนิด ผีเสื้อหลากสี มีเส้นทางปั่นจักรยานพอได้เหงื่อ
ทางอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงได้จัดพื้นที่ไว้สำหรับขาลุยมากางเต็นท์ให้ได้อาบไอป่า ชมดาวยามค่ำ และตื่นมาชมไอหมอกยามเช้าที่ลอยเรี่ยเหนือพื้นดินและยอดเขาสวยงามมากๆ ซึ่งสามารถเช่าเต๊นท์ของอุทยานหรือนำมาเองก็ได้ หากใครไม่ชอบกางเต็นท์ ก็มีบ้านพัก และมีโรงแรมรีสอร์ทในบริเวณใกล้เคียงให้เลือกพักกันได้ตามอัธยาศัยเช่นกัน

หลังจากใช้เวลากับธรรมชาติเต็มที่ ขากลับ ยังมีที่ให้แวะถ่ายรูปสวยๆ เช่น ทุ่งกังหันลม ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ ก็ถ่ายกับกังหันลมที่เขาค้อได้ กังหันลมสีขาวต้นใหญ่มหึมาสูง 100 เมตร ใบพัดยาว 60 เมตรยืนเรียงรายกันเป็นแบ็คกราวด์ที่ดูสวย ทันสมัย ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าแจ่ม จะเซลฟี่ จะถ่ายรูปก็สวยไปหมด ถ้าไปในช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน แถวนี้จะมีสตรอเบอรี่ให้ได้ชิมกันด้วย เรียกว่าฟินทั้งตา และฟินทั้งปาก

ถ้าใครสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ จะแวะที่เมืองโบราณศรีเทพด้วยก็ได้ แต่นักท่องเที่ยวจะเริ่มมากหลังจากได้รับการประกาศจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกแห่งใหม่ การท่องเที่ยวในโบราณสถานทำให้ได้ตื่นตาตื่นใจกับสถานที่จริง ประทับใจกับการเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์สมัยทวาราวดี ได้เห็นและจินตนาการถึงความรุ่งเรืองของมนุษย์เมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งจะประทับในความทรงจำไปอีกนาน ทริปนี้สามารถทำเป็นสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ได้สบายๆ ไม่เหน็ดเหนื่อย ในเส้นทางทุ่งหญ้าสะวันนา และทุ่งกังหันลม รวมทั้งได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ถือเป็นทริปสั้นๆ ที่ให้ทุกคนได้ใกล้ชิดธรรมชาติ ผ่อนคลายกันได้เต็มที่ เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่เราอยากแนะนำ
