ถึงตรงนี้หลายคนคงอยากรู้แล้วว่า เจ้า All New HAVAL H6 จะมีสมรรถนะและออปชั่นเป็นอย่างไร เราได้มีโอกาสไปสัมผัสตัวจริงของ HAVAL H6 ตัวท็อปในรุ่น ULTRA ที่แม้จะเป็นรถตัว Test Car แต่ก็มีสเปคและออปชั่นที่แทบจะเทียบเท่าตัวที่ขายจริง เอาเป็นว่า เราไม่ต้องรอช้า ไปอ่านรีวิวกันได้เลยครับ!!

 

 

 

All New HAVAL H6 ULTRA

 

การออกแบบภายนอก (Exterior Design)

 

ไฟส่องสว่างแบบ LED

 

All New HAVAL H6 นับเป็นรถเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่สุดเมื่อเทียบรถในคลาสเดียวกัน ด้วยมิติของตัวรถขนาดกว้างและยาว 1,886 x 4,653 มม. ส่วนความสูง 1,724 มม. โดยมีระยะฐานล้อ 2.738 มม. เรื่องรูปลักษณ์นั้น ไม่ขอออกความเห็น ซึ่งมันขึ้นอยู่ที่ความชอบของคนแต่ละคน โดยดีไซน์ด้านหน้านั้น เราจะเห็นเด่นชัดมาแต่ไกลจากกระจังหน้าทรงตะแกรง ที่โดดเด่นด้วยโลโก้ HAVAL ตรงกลาง โดยในรุ่นท็อป ULTRA จะเป็นสีโครเมียม ส่วนในรุ่น PRO จะเป็นสีดำ ขณะที่ไฟหน้าจัดเต็มด้วยไฟส่องสว่างแบบ LED เต็มรูปแบบ ส่วนไฟท้ายก็เป็นหลอด LED แต่ที่มีการเพิ่มไฮไลท์เข้าไปอีกหน่อยด้วยแถบ taillight strip ที่พาดยาวจากไฟท้ายด้านซ้ายไปจรดไฟท้ายด้านขวา ขณะที่ล้อแม็กเป็นแบบอัลลอย โดยในรุ่น ULTRA จะเป็นขอบ 19 นิ้ว และในรุ่น PRO จะเป็นขอบ 18 นิ้ว ส่วนยางที่เลือกใช้นั้น ถือเป็นอีกเรื่องที่ทาง HAVAL ให้ความสำคัญ ที่ไม่ใช่ใช้ยางยี่ห้ออะไรก็ได้ เพื่อลดต้นทุน แต่เลือกยางคุณภาพดีอย่าง Goodyear Efficient grip ซึ่งเป็นเกรดดีสำหรับรถเอสยูวี ส่วนไซส์ยางของรุ่น ULTRA นั้นก็จะเป็นขนาด 225/55 R19 ซึ่งก็ดูเต็มซุ้มล้อพอดิบพอดี

 

ยางขนาด 225/55 R19 (รุ่น ULTRA)

 

การออกแบบภายใน (Interior Design)

 

ภายในห้องโดยสาร

 

ทันทีที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องโดยสาร ความรู้สึกแว๊บแรก โดยเฉพาะบริเวณคอนโซลมันดูเรียบๆ โล้นๆ ไปหน่อย ไม่ค่อยมีปุ่มอะไรให้เล่น ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็เป็นสไตล์เดียวกับรถประเภทพวก EV หรือรถไฟฟ้าสมัยใหม่ ที่ไม่ต้องมีอะไรเยอะ เพราะทุกอย่างที่สั่งงานผ่านหน้าจอควบคุมเพียงจอเดียว ซึ่งอยู่บริเวณคอนโซลกลาง ซึ่งใน All New HAVAL H6 ก็เหมือนกัน โดยในส่วนของหน้าจอนั้น จะมีอยู่ 3 จอ นั่นก็คือ Head Up Display (HUD) ที่อยู่บริเวณกระจกหน้า ไว้บอกความเร็ว และสถานนะรถอีกเล็กน้อย ต่อมาเป็น Multi Information Display ขนาด 10 นิ้ว หรือที่เราคุ้นเคยกันก็คือเรือนไมล์มาตรวัดนั่นเอง โดยจอนี้จะบอกเรื่องความเร็ว และสถานการณ์ทำงานของเครื่องยนต์ ก่อนปิดท้ายด้วย Intelligent Multimedia Touchscreen โดยในรุ่น ULTRA จะเป็นขนาด 12 นิ้ว ส่วนในรุ่น PRO จะเล็กลงมาหน่อยเป็นขนาด 10 นิ้ว ซึ่งในจอนี้จะไว้บอกสถานะทุกอย่างของรถ รวมถึงการตั้งค่าตั้งๆ ของรถ ก็จะถูกจับมัดรวมไว้ในจอนี้นั่นเอง

 

 Intelligent Multimedia Touchscreen โดยในรุ่น ULTRA ขนาด 12 นิ้ว

 

ในขณะที่ฟิลลิ่งภายในห้องโดยสาร ต้องบอกว่าใครที่ชอบรถกว้างๆ คันนี้ไม่ผิดหวัง เพราะไม่ว่าจะเป็นที่นั่งตอนหน้า ตอนหลัง รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย จัดให้มาเต็มที่ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกรบกวนด้วยพื้นที่วางแบตเตอรี่ เพราะ HAVAL ได้จัดวางแบตเตอรี่ซ่อนไว้ใต้แผงรองอย่างเรียบร้อย ไม่มารบกวนพื้นที่ห้องโดยสารเลยแม้แต่น้อย ส่วนเรื่องออปชั่นภายใน ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่ถือเป็นจุดเด่นของรถคันนี้ เพราะเค้าให้มาแบบไม่อั้น เรียกได้ว่าที่โรงงานมีออปชั่นอะไร จับยัดใส่มาในรถคันนี้หมด ไม่ว่าจะเป็น Ambient Light สไตล์รถยุโรป หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ขนาด 1.2 ตารางเมตร Wi-Fi Charger ที่ทำงานได้เสถียรแบบได้ใจผมไปเลย เพราะมันดีกว่ารถยุโรปบางยี่ห้ออีกที่ติดๆ ดับๆ พาลจะพามือถือผมพังไปด้วย รวมไปถึงเบาะหนังที่แม้จะเป็นหนังสังเคราะห์ แต่ก็นั่งสบาย แถมคู่หน้ายังเป็นแบบระบายอากาศและปรับได้ 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังด้วยระบบไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีปุ่มปรับเบาะหน้าข้างคนขับ ที่บริเวณผนักเพื่อให้ผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตอนหลังสามารถปรับเบาะหน้าข้างคนขับได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และที่ลืมไม่ได้คือช่องแอร์ของผู้โดยสารตอนหลัง ที่เจ้า HAVAL H6 ก็จัดมาให้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง

 

 

ขณะที่ในเรื่องของความ Intelligent เจ้า HAVAL H6 ยังสามารถอัพเกรดเฟิร์มแวร์ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA) ซึ่งระบบดังกล่าวสามารถอัพเกรดได้ทั้งระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆ ภายในรถยนต์ได้อย่างง่ายดายผ่านระบบออนไลน์ซึ่งก็จะคล้ายๆ กับ Tesla ที่สามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์ได้ด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วเจ้า HAVAL H6 ถือเป็นรถยนต์ไฮบริดรุ่นแรกที่มีฟังก์ชั่นนี้

 

 

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เจ้า HAVAL H6 ยังมีระบบ AI (Artificial Intelligence) ที่สามารถสั่งงานได้ด้วยเสียง โดยสามารถสั่งการ และโต้ตอบด้วยเสียงเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ รวมไปถึงการเข้าถึงระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ภายในรถ นอกจากนี่ยังมีการสั่งการและควบคุมรถจากระยะไกล ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยให้สามารถควบคุมการทำงานบางฟังก์ชั่นของรถยนต์ได้ แม้ผู้ขับขี่จะอยู่ในระยะที่ไกลจากตัวรถ รวมไปถึงการสร้างระบบความปลอดภัยให้กับรถยนต์ โดยฟังก์ชั่นนี้จะควบคุมได้ ทั้งระบบปรับอากาศ การล็อคและปลดล็อคประตู การค้นหารถยนต์ การปิดหน้าต่าง และการควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ การแสดงตำแหน่งรถยนต์ การกำหนดรัศมีการใช้งานรถ และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ โดยผ่านทางสมาร์ทโฟน

 

 

พร้อมกันนี้ยังมีระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ AQS ด้วยเครื่องกรองอากาศ CN95 ที่มาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไอออนลบ สามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร ขณะที่ด้านความบันเทิงก็จัดเต็มให้ทั้ง Apple Car Play และ Android Auto โดยสามารถเชื่อมต่อกับระบบ CLOUD เพื่อความบันเทิงต่างๆ ทั้งการฟังเพลงออนไลน์และรายการวิทยุ การตรวจเช็คสภาพอากาศ และการดูข้อมูลเกี่ยวกับการนำทางและจุดหมายปลายทาง แต่น่าเสียดายไปนิดที่ชุดลำโพงไม่ได้ไปพึ่งพาแบรนด์ดังอะไรเหมือนใครๆ เค้า ทำให้ระบบเสียงยังไม่ผ่านเกณฑ์ซักเท่าไหร่ ซึ่งหากใครเป็นพวกชอบฟังเครื่องเสียงดีๆ คงต้องพาไปอัพเกรดชุดลำโพงเพิ่มอีกซักหน่อย...จบ

 

 

สมรรถนะการขับขี่ (Performance)

All New HAVAL H6 เป็นรถยนต์ไฮบริดที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร Turbo 150 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตัน-เมตร โดยจะทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 177 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร โดยเมื่อรวมกำลังทั้งหมดจะให้พละกำลังสูงสูงถึง 243 แรงม้า และแรงบิดทั้งระบบรวมสูงสุด 530 นิวตัน-เมตร ซึ่งกำลังทั้งหมดจะถูกถ่ายทอดลงสู่เพลาขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์แบบ Multi-mode DHT ซึ่งเป็นเกียร์ไฮบริดรุ่นแรกที่มี 2 ระบบ คือระบบแรกจะเป็นเกียร์ที่ขับเคลื่อนด้านเครื่องยนต์ซึ่งจะเป็นเกียร์แบบอัตโนมัติ CVT และอีกระบบจะเป็นเกียร์ที่ขับเคลื่อนด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน หรือที่เราคุ้นเคยกันก็คือเกียร์ไฟฟ้านั่นเอง

 

เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร Turbo

 

สำหรับฟิลลิ่งการขับ เรื่องพละกำลังนั้นถือเป็นจุดขายได้เลย อัตราเร่งตอบสนองดีมากๆ จากจุดหยุดนิ่งกดคันเร่งเต็มที่ไปจนถึง 100 กม./ชม. ใช้เวลาประมาณ 8 วินาทีปลายๆ โดยเลือกโหมดการขับขี่ได้อีก 4 แบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน/ โหมดสปอร์ต/ โหมดประหยัด/ โหมดสภาพถนนลื่น ซึ่งในการเลือกโหมดการขับขี่นั้น จะแอบยากซะนิดนึงคือไม่มีปุ่มลัดให้กดได้ทันที ต้องเข้าไปที่ส่วนกลางของหน้าจอควบคุม ซึ่งต้องนี้อาจต้องใช้ความชำนาญซักนิดนึงเวลาที่จะเปลี่ยนโหมดการขับ ขณะที่เรื่องความประหยัดนั้น เท่าที่ได้ทดลองขับทั้งในเมืองและนอกเมืองแบบเฉลี่ยๆ ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 14 กม./ลิตร

 

 

ส่วนเรื่องระบบเกียร์จุดนี้น่าสนใจมากครับ เพราะเกียร์ชุดนี้อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรกว่าเป็นเกียร์ 2 ระบบ ทำให้ก่อนการทดลองขับ เราได้มีการจ้องจับผิดว่าเจ้าระบบเกียร์นี้ จะมีช่วงรอยต่อให้เราจับความรู้สึกได้รึป่าว ซึ่งผลการทดสอบต้องบอกว่า เกียร์ชุดนี้สุดยอดจริงๆ ครับ ช่วงรอบต่อเราแทบจับความรู้สึกไม่ได้เลย แถมการถ่ายทอดกำลังลงสู่พื้นนั้น ก็ทำได้ดีแบบที่หาที่ติไม่ได้ จะขาดไปนิดก็ตรงที่ไม่มีแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัยมาให้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นจะเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ที่สุด

 

 

มาที่เรื่องของระบบช่วงล่างที่ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง กับช่วงล่างที่เป็นแบบอิสระมัลติลิ้งค์ ฟิลลิ่งเซ็ตอัพไปในทางนุ่มนวล ขณะที่เรื่องของพวงมาลัยซึ่งเป็นแบบไฟฟ้านั้นถูกเซ็ตอัพมาให้มีน้ำหนักเบามากๆ แม้มันจะแปรผันกับความเร็ว รวมถึงมีการปรับโหมดของพวงมาลัยมาที่โหมดสปอร์ตแล้ว แต่น้ำหนักของพวงมาลัยก็ยังเบาเกินไปอยู่ดี ตรงจุดนี้ได้คุยกับทีมโปรดักส์ ซึ่งเขาแจ้งว่าจะนำเข้าไปปรับปรุง และให้ลูกค้าที่ซื้อรถไปสามารถอัพโหลดซอฟแวร์เพิ่มเติมได้เองอีกที แหม!! โคตรคูลไม่ต้องเอารถเข้าศูนย์บริการไปอีก

 

 

เทคโนโลยีความล้ำสมัย (Technology)

อย่างที่บอกเจ้า HAVAL H6 มันอัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีที่ให้มาแบบแน่นๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ (TJA) ที่ทำงานตามความเร็วที่ตั้งเอาไว้ และรถจะตรวจจับรถคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย พร้อมระบบช่วยหยุดรถยนต์และออกตัว (stop-and-go) เพิ่มความสะดวกสบายในการขับรถสำหรับย่านที่มีการจราจรพลุกพล่าน รวมไปถึงระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ซึ่งไอ้ระบบนี้มันจะคอยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร แต่ยังมีเรื่องที่ควรต้องปรับปรุงคือ เมื่อเราวิ่งเข้าใกล้เลนถนน แล้วรถมันตรวจเจอ มันจะหักรถกลับเร็วมาก จนความรู้สึกมันเหมือนรถ Tamiya ที่เราวิ่งอยู่ในรางที่บังคับ เด้งซ้ายเด้งขวา อย่างนั้น ซึ่งตรงนี้ถ้าปรับให้พวงมาลัยค่อยๆ หัก ดูน่าจะเหมาะกว่า แต่จุดนึงก็คงเป็นเพราะพวงมาลัยที่มีน้ำหนักเบาด้วยล่ะมั้ง ซึ่งถ้ามีการอัพโหลดซอฟแวย์ใหม่ ก็น่าจะแก้ไขปัญหาในจุดนี้ได้เช่นเดียวกัน

 

 

อ่อ!! เกือบลืมบอกอีกจุดเด่นของรถคันนี้ไป คือเรื่องระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA : Auto Reversing Assistance) ซึ่งเหมาะมากสำหรับมือใหม่ หรือผู้สูงอายุ ที่เป็นอุปสรรคเรื่องการถอยจอด โดยรถยนต์จะสามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สูงสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น รวมไปถึงระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP Integration Auto Parking) ซึ่งทำงานจากกล้อง 360 องศา และเซนเซอร์อัลตร้าโซนิค ช่วยให้สามารถค้นหาที่จอดรถ คำนวณพื้นที่สำหรับจอดรถได้อย่างแม่นยำ โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอด การจอดขนานเส้นทางเดินรถ และการจอดตามแนวเฉียง ซึ่งเราได้ทดลองแล้ว ต้องบอกว่าระบบนี้มันฉลาดเอามากๆ และจอดรถได้ดีจนบางที ดีกว่าเราจอดเองเสียอีก

 

มาตรวัดเรือนไมล์

 

ยังไม่หมด มันยังไม่หมดครับเรื่องของระบบต่าง มันยังมีระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA+RCTB Rear Cross Traffic Alert and Rear Cross Traffic Breaking) ซึ่งระบบจะช่วยทำการแจ้งเตือนในขณะที่ถอยรถ โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่เข้าใกล้บริเวณด้านหลังรถ และด้านซ้าย-ขวา และเมื่อตรวจพบความผิดปรกติระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนและเบรคให้อัตโนมัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการชน รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC : Adaptive Cruise Control) ซึ่งโดยส่วนตัวผมใช้ระบบนี้เป็นประจำ ซึ่งจากทดสอบถือว่าระบบนี้ทำงานได้สมูทมากๆ จังหวะการเร่งการเบรก ทำได้อย่างนุ่มนวล ไม่กระชากกระชั้น ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้งานกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดตามที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

สำหรับ All New HAVAL H6 Hybrid จะประกาศราคาอย่างเป็นทางการไว้ในวันที่ 28 มิถุนายนที่นี้ ซึ่งจะมาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside Assist) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทางนานถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งโดยส่วนตัวยังตอบไม่ได้ว่าคุ้มค่าหรือไม่กับค่าตัว เพราะยังไม่ทราบราคาที่แน่ชัด แต่เอาเป็นว่า หลังจากได้ทดลองขับแล้ว ประทับใจในหลายส่วนของรถ แต่ก็มีบางส่วนที่รถยังต้องนำไปปรับปรุง แต่ก็อย่างที่บอกรถมันสามารถอัพโหลดเฟิร์มแวร์ได้เอง เพราะฉะนั้นปัญหาทุกอย่างก็น่าจะหมดไปได้ในอนาคต ถึงตรงนี้สำหรับใครที่ชอบความ Intelligent หรืออยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ในการใช้รถ All New HAVAL H6 Hybrid สามารถตอบความต้องการตรงนั้นได้แบบไม่เขอะเขินเลยทีเดียวล่ะครับ

 

เรื่อง : ปรม พวงงาม