Mercedes-Benz GLC ถือเป็นเอสยูวีหรูไซส์เล็กที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของคนไทย และยิ่งมีรุ่นประกอบในประเทศเข้ามาอีก ยิ่งน่าสนใจ เพราะค่าตัวจะถูกปรับลงให้จับต้องได้ง่าย รวมทั้งได้รับการปรับโฉมใหม่ ให้ดูสปอร์ต เรียบหรู ทันสมัยมากขึ้น พร้อมอัพเดทขุมพลังดีเซลใหม่ ภายใต้รุ่น GLC 220 d กับค่าตัว 3.239 ล้านบาท แต่สเปคจะมีอะไรปรับเปลี่ยนไปขนาดไหน เราไปดูกันครับ 

 

 

New Mercedes-Benz GLC รูปลักษณ์ภายนอก มีการปรับโฉมใหม่เพิ่มความหรูหรา ทันสมัย ตั้งแต่ด้านหน้าที่มาพร้อมกับกระจังหน้าแบบ 2 แถบ เสริมโครเมี่ยมแบบสามมิติที่ออกแบบให้ลาดต่ำลงเพื่อความสวยงาม โดยมีโลโก้เมอร์เซเดส-เบนซ์ขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ตรงกลาง เพื่อให้รับเข้ากับชุดไฟหน้ารูปทรงใหม่ ที่เป็นระบบส่องสว่างแบบ LED High Performance ด้านข้างไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างไปจากเดิม นอกจากล้ออัลลอยลายใหม่ ที่เป็นแบบ 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว ส่วนท้ายรถมาพร้อมชุดไฟท้ายใหม่แบบ LED สีแดงสดมีการปรับสีสัน และลูกเล่นการส่องสว่างใหม่ ให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

NEW MERCEDES-BENZ GLC 220d

  

ล้ออัลลอยลายใหม่แบบ 5 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว 

 

ภายในห้องโดยสาร ถือว่าเป็นเอสยูวีไซส์เล็ก ที่มีห้องโดยสารดูกว้างขวาง โดยพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายให้ปริมาตรมากถึง 550 ลิตร และยังสามารถเพิ่มพื้นที่ได้ถึง  1,600 ลิตร เมื่อพับเบาะที่นั่งด้านหลังลง ส่วนการตกแต่งภายใน ดูเรียบหรู ไม่เน้นฟังก์ชั่นอะไรมากมาย หลังคาซันรูฟ มูนรูฟ ไม่มีมาให้วุ่นวาย ต้องคอยเป็นห่วงเรื่องการดูเเลรักษา รวมไปถึงเครื่องเสียงก็ไม่ได้ไปโคร่วมกับเเบรนด์ดังแบรนด์ไหน สุ่มเสียงก็พอฟังได้ แต่ถ้าหูระดับเทพอาจจะยังไม่พอ ส่วนลายไม้เป็นแบบ Open-pore brown ash wood พร้อมเบาะหนัง ARTICO สีดำแบบ Comfort ที่ง่ายต่อการดูแลรักษา

 

ภายในห้องโดยสาร

 

และที่สำคัญคือตัวเบาะมันโอบกระชับลำตัวดีมากๆ ทั้งๆ ที่ผมเป็นคนตัวใหญ่ สูง 180 ซม. น้ำหนักตัวร้อยกว่าโล แต่เมื่อนั่งลงไปในตัวเบาะแล้ว รู้สึกสบาย ไม่อึดอัด และยิ่งเมื่อนั่งในตำแหน่งคนขับ ตัวเบาะสามารถปรับได้หลายทิศทาง ที่สำคัญคือการปรับให้ต่ำลง เพราะคนตัวสูงจะมีปัญหากับตำแหน่งเบาะที่สูง เพราะจะทำให้หัวไปยันกับหลังคา แต่ใน New GLC ไม่มีปัญหาในจุดนี้เลย รวมถึงพวงมาลัยก็สามารถปรับได้อีก 4 ทิศทาง ทำให้เข้ากับสรีระคนขับได้ดี

 

 

ส่วนตัวพวงมาลัยนั้นเป็นดีไซน์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่นใหม่ ที่ยังคงออกแบบสไตล์ 3 ก้าน พร้อมระบบมัลติฟังก์ชัน ที่ต้องปรับตัวหน่อยกับปุ่มควบคุมที่เป็นสไตล์ Touch Pad ไม่ใช่ปุ่มคลิกแบบเดิมๆ ซึ่งถ้ายังไม่คุ้นอาจจะยังไม่ถนัดในการสั่งานควบคุมระบบต่างๆ แต่ถ้าคุ้นเคยแล้ว ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร นอกจากนี้ยังมีระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบใหม่ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) พร้อมหน้าจอขนาด 10.25 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) เพื่อใช้ในการควบคุมระบบต่างๆ ของรถ  โดยสามารถควบคุม และออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad ดีไซน์ใหม่ ที่ติดตั้งตรงคอนโซลกลางระหว่างเบาะนั่งคู่หน้า ก็สามารถสั่งการได้

 

 

ด้านขุมพลัง ในตัว New Mercedes-Benz GLC 220d มากับเครื่องยนต์ดีเซลยุคใหม่ แบบแถวเรียง 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 1,950 ซีซี ส่งผ่านกำลังจากเกียร์อัตโนมัติ แบบ 9G-TRONIC ที่ให้กำลังแรงม้าสูงสุดอยู่ที่ 194 แรงม้า ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 - 2,800 รอบต่อนาที โดยจุดเด่นของเครื่องตัวใหม่นี้คือ ให้ความแรง แต่มีความนุ่มนวล ราบเรียบ และลดแรงสั่นสะเทือน รวมทั้งเสียงรบกวนก็น้อยลง โดยความแรงนั้น อาจไม่ใช่จุดเด่นหลักของรถคันนี้ แต่หากไปที่โหมด Sport อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. การันตีไว้ที่ 7.7 วินาที บวกลบนิดหน่อยตามสภาพแวดล้อม ส่วนความเร็วสูงสุดทำได้ถึง 217 กม./ชม. ซึ่งเอาจริง ปัจจุบันเมืองไทยแทบไม่มีถนนตรงไหนให้ขับความเร็วได้ถึงขนาดนั้นแล้ว ไม่รถเยอะ ถนนก็พัง ... ว่ามะ!!

 

เครื่องยนต์ดีเซลแบบแถวเรียง 4 สูบ ความจุกระบอกสูบ 1,950 ซีซี

 

 

ในขณะที่ระบบช่วงล่าง ซึ่งเป็นแบบ DYNAMIC SELECT ที่สามารถเลือกได้ทั้งแบบ Comfort และ Sport บอกเลยว่า ช่วงล่างของ New GLC 220d ดีขึ้นมากๆ คือหากใช้ในเมืองแนะนำให้ใช้ช่วงล่างแบบ Comfort นั่งสบาย เวลาขึ้นเนิน ตกหลุม ตกบ่อ ละมุนก้นเอามากๆ หากแต่เมื่อใช้ความเร็ว หรือหากผู้โดยสารตอนหลังเป็นคนเมารถง่าย ปรับช่วงล่างไปแบบ Sport เลย ตัวรถนิ่งกว่าเดิมเยอะ ให้ความมั่นใจ ทั้งทางตรง และทางโค้ง ให้โยนรถที่แม้เป็นสไตล์รถทรงสูง แต่ก็เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ขณะที่น้ำหนักพวงมาลัย ก็ปรับได้ให้เบาสไตล์ comfort หรือตึงมือในแบบ Sport ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ให้มากขึ้นนั่นเอง

 

 

ปิดท้ายที่อัตราการประหยัด ซึ่งยุคนี้ถ้าจะพูดถึงรถที่ประหยัดแล้วจริงๆ ต้องมองไปที่รถไฮบริด แต่สำหรับใครที่ยังไม่กล้าก้าวไปจุดนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่านิยมเดิมๆ หรือกลัวเรื่องค่าบำรุงรักษา ยังคงเลือกรถเครื่องยนต์ โดยเฉพาะขุมพลังดีเซล เจ้า New GLC 220d ก็ให้อัตราการประหยัดอยู่ประมาณ 13 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งก็ถือว่าน่าพอใจกับรถที่มีแรงม้าขนาดนี้ กับตัวถังไซส์นี้

 

 

ส่วนใครที่สนใจรุ่นอื่นๆ ทาง Mercedes-Benz ก็มี GLC ให้เลือกอีกหลายรุ่น นอกจาก GLC 220 d ตัวเริ่มต้นแล้วก็ยังมี GLC 220 d AMG Dynamic ราคา 3,699,000 บาท และหากใครไม่ชอบตัวถังที่เป็นเอสยูวีจ๋า ก็ยังมี GLC 220 d 4MATIC Coupé AMG Dynamic ที่ค่าตัวกระโดดขึ้นไป 4,040,000 บาท คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าคุณจะชอบแบบไหน สไตล์ไหนล่ะครับ