ให้คุณบอกชื่อรถ PPV (Pick-up Passenger Vehicle) มา 3 ชื่อภายใน 5 วินาที คุณจะนึกถึงรุ่นไหนบ้าง ... ผมว่าก็คง Fortuner, Everest, Mu-X ผมแถมให้อีกหนึ่งรุ่นและกันก็ Pajero Sport แต่เดี๋ยวก่อน คุณลืมอีกคันไปรึเปล่า? Terra นั่นไงครับ พูดไปก็น่าน้อยใจแทน Nissan เพราะวันนี้ Terra เหมือนรถ PPV ที่กำลังจะถูกลืม ไม่ใช่แค่คนไม่ค่อยพูดถึงนะครับ แต่จำนวนรถที่วิ่งอยู่บนถนนมันน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ยิ่งไปดูตัวเลขยอดขายรถ PPV ในเมืองไทยเมื่องปีที่แล้วซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 5 รุ่นตามที่กล่าวไว้ตอนต้น แต่ยอดขายของ Nissan Terra อยู่ในอันดับสุดท้ายซึ่งห่างจากยอดขายของอันดับ 4 อย่างลิบลับ โดยอันดับ 4 ของ PPV มียอดขายรวมทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 7 พันกว่าคัน แต่ Terra ซึ่งอยู่อันดับ 5 มียอดขายทั้งปีแค่พันต้นๆ

 

NEW NISSAN TERRA

 

ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น? Terra สู้คันอื่นไม่ได้เลยหรือไง? ราคาก็ออกจะน่าสนใจเพราะรุ่นเริ่มต้นสตาร์ทยังไม่ถึงล้านสองเลย ส่วนรุ่นท็อปก็ล้านห้านิดๆ จะว่ารถไม่ดีออพชั่นไม่แน่นเหมือนคู่แข่งคันอื่นๆ ผมบอกเลยว่าไม่ใช่ สมรรถนะล่ะ? ผมว่าเรื่องเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังมันดีกว่าคู่แข่งบางคันเสียอีก แล้วทำไมถึงไม่นิยม ขายได้น้อย และเหมือนจะถูกลืม? แต่ผมกลับมองว่า New Nissan Terra เป็นรถดีที่น่าใช้มากๆ คันหนึ่งเลยนะครับ เราลองหันกลับมามองเขากันหน่อยจะดีนะ…

 

 

ที่สถานการณ์ของ Nissan Terra เป็นแบบนี้ ใครจะโทษเรื่องแคมเปญการขาย ความสามารถในการนำเสนอสินค้าจากเซลส์ หรือการตลาด อันนั้นแล้วแต่จะคิดกันไปซึ่งผมไม่สนใจ เพราะส่วนตัวถ้าผมจะซื้อรถสักคันมันอยู่ที่ความต้องการและชอบส่วนตัวผมล้วนๆ ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเราที่เป็นคนควักเงินจ่ายเองหรอกครับ Nissan Terra เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย และถือเป็นครั้งแรกในโลกในปี 2018 ด้วยหน้าตาที่ส่วนตัวผมดูแล้วไม่สมประกอบสักเท่าไหร่ ในขณะที่ PPV เจ้าอื่นเขาปรับหน้าตาให้ฉีกห่างออกจากรถกระบะในค่ายเดียวกันแล้ว แต่ Terra ยังมีหัวที่เป็น Navara เป๊ะๆ เพียงแต่ช่วงท้ายเปลี่ยนจากกระบะขนของมาเป็นห้องโดยสารตอนหลังในรูปแบบ SUV เท่านั้นเอง

 

 NISSAN TERRA โฉมก่อน

 

ซึ่งถ้าพูดกันถึงแค่รูปร่างหน้าตาผมว่าอาจจะไม่โดนใจใครหลายๆ คน รวมไปถึงภายในห้องโดยสารที่มันก็ยังดูเป็นปิกอัพเหมือนกับ Navara เกินไปนิด ในขณะที่คู่แข่งเขาปรับให้ดูหรูหราขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม Terra กลับไม่ได้ใช้เครื่องยนต์เดียวกับ Navara โดยขุมพลังที่ติดตั้งเป็นเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ซึ่งทาง Nissan บอกว่าเครื่องยนต์ตัวนี้มีการปล่อยมลพิษที่น้อยลง และยังสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยกว่าเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร เทอร์โบใน Navara ในขณะนั้น (Navara ในปัจจุบันมีรุ่นย่อยหลายรุ่นที่เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร เทอร์โบ ตัวเดียวกับ Terra แล้ว) ส่วนระบบเกียร์ยังใช้เป็นอัตโนมัติ 7 สปีด แบบเดียวกับที่อยู่ใน Navara รุ่นเกียร์อัตโนมัติซึ่งดีมากอยู่แล้ว แล้วTerra ก็มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และขับเคลื่อน 4 ล้อ ดังนั้นเรื่องสมรรถนะการขับขี่ผมว่าไม่แพ้คู่แข่ง และจะขับดีกว่ายี่ห้ออื่นบางคันด้วยซ้ำไป

 

เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ

 

ระบบช่วงล่างก็ตามมาตรฐานรถยนต์ในกลุ่มนี้ ช่วงล่างด้านหน้าปีกนกคู่ ด้านหลังเป็น 5-Link ใช้คอยล์สปริง ระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือขณะขับขี่ก็ยกมาจาก Navara ทั้งเซ็ต ซึ่งอีกหนึ่งจุดขายของ Terra ก็คือระบบความปลอดภัยนี่แหละ โดยเฉพาะกล้องมองภาพรอบทิศทาง Around View Monitor และอื่นๆ อีกมากมายที่ก็นับว่าใช้เทคโลยีสูงพอสมควร แต่อย่างที่บอก เปิดตัวมาครั้งแรกก็ไม่ค่อยจะเปรี้ยงปร้าง ยิ่งระยะเวลาผ่านไปยิ่งเงียบเหงา ซึ่งถ้าถามผมนะ สำหรับ Terra ตัวแรกหน้าตามันยังมีสเหน่ห์ดึงดูดไม่พอ และเป็นครั้งแรกของ Nissan ที่ส่งรถลงมาเล่นในตลาด PPV ซึ่งคนทั่วไปยังเชื่อมั่นยี่ห้ออื่นที่ขายมาก่อนมากกว่า

 

 

โจทย์ถูกนำไปแก้ไขจนกลางปี 2021 ผมก็ได้เห็นการเปิดตัว Nissan Terra Minorchange ในประเทศไทย กับหน้าตาใหม่ที่หล่อขึ้นเยอะ ยังคงคอนเซ็ปต์เน้นความบึกบึนเหมือนเดิมแต่เพิ่มเติมความทันสมัยเข้าไปเริ่มออกห่างจาก Navara แล้ว ซึ่งนอกจากมาดที่แข็งแกร่งแล้ว ผมว่ามันมีความติดหรูในรูปทรงของมันด้วยนะ ซึ่งเมื่อได้เห็นไปจอดข้างๆ PPV คู่แข่งแล้ว คราวนี้ผมว่าความหล่อสู้ได้แล้ว และยังได้เพิ่มรุ่นตกแต่งพิเศษเป็นอีกทางเลือกให้ลูกค้าด้วย ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว รูปร่างหน้าตาออกงานขึ้นเวทีได้ ฟังก์ชั่นใช้งานครบ สมรรถนะการขับขี่ดี มันก็ไม่ควรจะถูกลืมใช่มั้ยครับ ตามผมมา แล้วคุณจะหันกลับมามองเจ้า Terra ใหม่อีกครั้ง

 

 

ก่อนอื่นเลยอันนี้ส่วนตัวผมเลยนะครับ ใครจะว่ายังไงก็ว่าไป แต่ถ้าผมเป็น นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย นะ ผมจะบอกเลยว่า Terra รุ่นปัจจุบันเนี่ย มันเป็น All-New! ทำไมผมถึงจะขี้ตู่ขนาดนั้น? ก็เพราะผมคิดว่าคำว่า Minorchange มันดูน้อยไปสำหรับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเจ้า Terra จากเดิมน่ะสิครับ และจะบอกให้ว่าบางค่ายที่เขาเปิดรุ่นใหม่ All-New น่ะ บางคันมันเปลี่ยนไปนิดเดียวเอง เผลอๆ น้อยกว่านี้ด้วยซ้ำ ก็ว่ากันไป ตัวถังภายนอกอย่างที่บอกว่ามีการปรับปรุงใหม่ มีแค่ประตู 4 บานที่ยังเหมือนเดิมนอกนั้นเปลี่ยนใหม่หมดเลยนะครับ ตั้งแต่หัวรถที่เปลี่ยนทั้งไฟหน้า กระจังหน้า กันชนหน้า ฝากระโปรงหน้า ระบบไฟหน้าก็เปลี่ยนใหม่เป็น LED 4 ดวง โดยทางนิสสันบอกว่าตัวไฟหน้ามีความสว่างมากกว่าเดิมอีก 34% ไฟตัดหมอกก็เป็น LED ท้ายรถเพิ่มเติมสปอยเลอร์ด้านบนหลังคา กันชนหลังดีไซน์ใหม่ ฝาท้ายมีระบบเตะเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟท้ายใหม่ดูทันสมัยมากขึ้น

 

 

ภายในห้องโดยสารถูกปรับไปแทบทุกส่วน ทั้งดีไซน์คอนโซลใหม่ พวงมาลัยจากรูปทรงโบราณเปลี่ยนมาใช้พิมพ์นิยมของ Nissan ทุกรุ่นในปัจจุบันรูปทรง D-Shape เบรกมือจากด้ามดึงเปลี่ยนมาใช้สวิตช์ไฟฟ้า เพิ่มเติม Wireless Charger จอแสดงผลการทำงานมีฟังก์ชั่นน่าสนใจนอกเหนือจากมาตรฐานทั่วไปอย่างเช่น ทิศทางการเลี้ยวของล้อหน้า เข็มทิศ รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ เบาะนั่งดีไซน์ใหม่โดยเฉพาะในรุ่น VL ตัวท้อปที่เป็นลาย Dimond Cut

 

ภายในห้องโดยสาร

 

และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในรถอเนกประสงค์ที่หลายคนนำมาเป็นหนึ่งปัจจัยในการตัดสินใจซื้อก็คือระบบความบันเทิงภายในห้องโยสาร หน้าจอเป็นแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว เชื่อมต่อ Apple CarPlay ได้ และถ้าคุณซื้อรุ่นท้อปก็จะได้ระบบเครื่องเสียง Bose® Premium Audio System มากับลำโพง 8 ตัว พร้อมด้วยแอมพลิฟายเออร์ ส่วนผู้โดยสารตอนหลังรับรองว่าได้ความบันเทิงไม่แพ้ตอนหน้า เพราะหน้าจอพับเก็บได้ด้านบนเพดานใช้เป็นขนาด 11 นิ้ว โดยมีช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอกมาให้พร้อม ส่วนจุดชาร์จไม่ต้องห่วงมีมาให้ทั้งคันทั้ง USB , USB-A และ USB-C

 

 

เรื่องสมรรถนะอย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าผมค่อนข้างประทับใจกับเครื่องยนต์ตัวนี้มาก ซึ่งจริงๆ แล้วเครื่องยนต์ดีเซล 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบตัวนี้ถูกติดตั้งในรถปิกอัพ และ PPV ของ Nissan ที่ส่งไปขายในต่างประเทศ พละกำลังที่ 190 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ให้การออกตัวที่ทันใจ อัตราเร่งดึงแบบยาวๆ สมูธดีจริงๆ พวงมาลัยมีการปรับอัตราทดใหม่ให้ขับง่ายยิ่งขึ้น และยังได้มีการอัพเกรดระบบเบรกด้วย ซึ่งต้องบอกว่าเป็น PPV ที่ใช้ขนาดจานเบรกใหญ่ที่สุดในกลุ่มแล้ว

 

 

ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อมีการติดตั้งระบบ Electronic Locking Rear Differential (Diff-Lock) มาเป็นมาตรฐานตั้งแต่แรกแล้ว พร้อมด้วยระบบ Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ป้องกันการลื่นไถล เพราะฉนั้น Terra ก็จะเป็น PPV ที่ใช้ลุยไปในทางเส้นทางสมบุกสมบันได้สบาย ส่วนระบบความปลอดภัยนอกจากกล้องรอบทิศทาง IAVM แล้ว ก็ยังมีระบบตรวจจับวัตถุและบุคคลรอบคัน, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน, ระบบเตือนเหนื่อยล้าขณะขับขี่, ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา, ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านด้านหลัง, ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน แค่นี้พอมั้ยครับ ผมแถมให้อีกอัน กระจกมองหลังแบบใช้กล้องแสดงภาพ แค่นี้เซลส์ก็ท่องมาบอกลูกค้ากันไม่ไหวแล้วครับ

 

 

ถึงตรงนี้แล้วคุณคิดว่า Terra ยังมีอะไรที่ด้อยกว่าคู่แข่งในกลุ่ม PPV อีกมั้ยครับ แน่นอนว่าอุปกรณ์ฟังก์ชั่นบางอย่างของ PPV บางค่ายที่เพิ่งเปิดตัวทีหลังอาจจะทันสมัยกว่า ก็เนื่องมาจากการพัฒนาของรถรุ่นใหม่ที่มันไม่มีวันหยุดนิ่งอยู่แล้ว แต่หากดูจากราคาค่าตัว อะไรที่มากกว่านั่นหมายความว่าก็ต้องจ่ายเงินมากกว่าตามไปด้วย และถ้าคุณไม่อคติหรืออุปทานหรือพยายามหาที่ติ สิ่งที่มีมาให้ใน Terra ผมว่ามันเกินพอแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นหมายความว่ามันคุ้มราคาค่าตัว Nissan Terra อาจไม่ใช่รถในกระแสนิยมในกลุ่ม PPV ประเทศไทย แต่คุณสมบัติของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคู่แข่ง แล้วจากที่ผมขับมาแล้ว ก็พูดได้สั้นๆ ว่ารถมันโคตรดีเลยนะ ลองหันมาดูเจ้า Nissan Terra กันหน่อยมั้ยครับ