Review & Test

- by Carzanova Team Nat
-
Hits: 183
รีวิว!! NEW SUZUKI SWIFT อัพเกรดความทันสมัย และความสะดวกให้มากขึ้น
การปรับโฉม NEW SUZUKI SWIFT ครั้งนี้ ถือเป็นการอัพเกรดตัวรถให้มีความทันสมัย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ยังได้มีการปรับรุ่นใหม่ ให้เหลือเพียง 2 รุ่น เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจเลือก โดยรุ่น GL จะมาพร้อมกับราคา 557,000 บาท และรุ่น GLX จะมาพร้อมกับราคา 629,000 บาท ส่วนการปรับโฉมครั้งนี้จะมีอะไรใหม่บ้าง รวมถึงหลังจากได้ทดลองขับแล้ว ฟิลลิ่งของตัวรถจะเป็นอย่างไร ตามมาด้วยกันเลยครับ
NEW SUZUKI SWIFT
สำหรับ ซูซูกิ สวิฟท์ ตั้งแต่เปิดตัวมาก็ถือเป็นอีโคคาร์สไตล์สปอร์ตขวัญใจวัยรุ่นบ้านเรา ดังนั้นการปรับโฉมครั้งนี้แม้จะไม่ได้เปลี่ยนบล็อกขุมพลังใหม่ ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน รหัส K12M 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที โดยมาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ ที่ได้มีการเพิ่มระบบ EGR ที่ช่วยลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ด้วยการระบายความร้อนแก๊สไอเสียด้วยน้ำ และหมุนวนเข้าท่อร่วมไอดีใหม่ เป็นการลดการเผาไหม้ที่ผิดปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ประหยัดน้ำมันมากกว่าขึ้น ซึ่งจากการทดลองขับ ยอมรับเลยครับว่าในส่วนของพละกำลังนั้นยังรู้สึกไม่ค่อยชัดเจน แต่ในเรื่องของความประหยัดนั้น บอกได้เลยว่าประหยัดขึ้นโดยได้ลองวิ่งเฉลี่ยทั้งนอกเมืองและในเมือง รวมทั้งยังปิดระบบ Start Stop ยังทำตัวเลขได้อยู่ที่ 14.4-14.6 กม./ลิตร (โดยอ่านจากหน้าจอ) ในขณะที่ตัวเดิมถ้าจำไม่ผิดผมทำได้อยู่ราวๆ 13 ปลายๆ อะไรประมาณนั้น พร้อมกันนี้ยังรองรับน้ำมันสูงสุดได้ถึง E20
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ
มาดูเรื่องของการปรับโฉมกันบ้างดีกว่า สำหรับ สวิฟท์ ใหม่ ภายนอกได้ปรับโฉมกระจังหน้าตกแต่งเป็นโครเมี่ยมแบบใหม่ จากเดิมที่เป็นพลาสติกสีดำ และใช้ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยปัดเงาลายใหม่ขนาด 16 นิ้ว พร้อมไฟหน้า LED Projector และไฟท้าย LED
กระจังหน้าแบบโครเมี่ยมแบบใหม่
ขณะที่ภายในอัพเกรดในหลายจุด ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของการปรับโฉมครั้งนี้เลยก็ว่าได้ ตั้งแต่การจัดเต็มระบบเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แม้จะใหญ่ไม่เท่าในตัว XL7 แต่ก็มองเห็นได้ชัดเจน และสามารถรองรับทุกการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay, Android Auto และ Bluetooth
ภายในห้องโดยสาร
ด้านการตกแต่งภายในห้องโดยสารเลือกใช้สีดำ ตกแต่งสลับด้วยวัสดุสีเงินสไตล์สปอร์ต มาตรวัดตกแต่งลายเส้นสีแดง พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape หรือตูดตัด เพิ่มพื้นที่วางขาและที่ชอบมากคือสามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ด้านพื้นที่เก็บสัมภาระให้ปริมาตรถึง 265 ลิตร ปรับพับเบาะหลังแบบ 60:40 พร้อมด้วย Keyless Entry เปิด-ปิดล็อกประตูได้โดยไม่ต้องกดกุญแจรีโมท รวมถึงมี Keyless Push Start สตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ได้ในปุ่มเดียว และเสริมความปลอดภัยในการถอยจอดทุกพื้นที่ด้วยกล้องมองหลังสุดคมชัด
พร้อมกันนี้ยังเสริมด้วยระบบ Cruise Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบ Hill Hold Control ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน พร้อมความปลอดภัยกับถุงลมนิรภัยถึง 6 ตำแหน่ง
ระบบ Cruise Control
ซึ่งหากให้สรุปฟีเจอร์ใหม่ ของทั้ง 2 รุ่น ก็พอจะสรุปได้ดังนี้
ฟีเจอร์ใหม่ในเกรด GL
GL |
||
Suzuki Swift รุ่นก่อนหน้า |
NEW SUZUKI SWIFT |
|
กระจังหน้าสไตล์สปอร์ตตกแต่งลายเส้นโครเมียม |
- |
O |
กระจกมองข้างพับไฟฟ้า |
- |
O |
ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ/ Keyless entry |
- |
O |
Keyless Push Start |
- |
O |
สัญญาณเตือนเมื่อลืมกุญแจ |
- |
O |
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ |
- |
O |
ฟีเจอร์ใหม่ในเกรด GLX
GLX |
||
Suzuki Swift รุ่นก่อนหน้า |
NEW SUZUKI SWIFT |
|
กระจังหน้าสไตล์สปอร์ตตกแต่งลายเส้นโครเมียม |
- |
O |
ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยปัดเงาขนาด 16 นิ้ว |
- |
O |
วัสดุตกแต่งคอนโซลและแผงประตูหน้าสีเงิน |
- |
O |
จอระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว เครื่องเล่นวิทยุ MP3 และ WMA พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto |
- |
O |
กล้องมองหลัง |
- |
O |
สรุป สำหรับ ซูซูกิ สวิฟท์ ใหม่ ที่ได้รับการปรับโฉมครั้งนี้ ต้องบอกว่าเติมเต็มความทันสมัย และความสะดวกสบายให้มากขึ้น ตอบโจทย์ความอินเทลลิเจนท์ของวัยรุ่นยุคนี้ได้ตรงใจมากขึ้นนั่นเอง