ยามาฮ่า แอร็อกซ์ ใหม่ สีใหม่! จัดจ้าน  ดุดันตามแบบฉบับรถ Racing Sport ตระกูล R-Series สมรรถนะทรงพลังด้วยความแรงจากเครื่องยนต์บลูคอร์ 155 ซีซี ผสานวาล์วแปรผันอัจฉริยะ VVA พร้อมเทคโนโลยีใหม่ Y-CONNECT เชื่อมต่อข้อมูลรถเพื่อตอบสนองในการใช้งานและมั่นใจในการรับประกันมากกว่า ถึง 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร

 

 

มีข่าวออกมาว่า Volkswagen Golf และ Golf GTI กำลังจะกลับมาเร็วๆ นี้พร้อมกับการเป็นรถฮ็อตแฮทช์พลังงานไฟฟ้า ที่ผ่านมาเราได้ยินมาแล้วว่าชื่อรุ่น Golf จะถูกแทนที่ด้วย ID.2 โดยมีกำหนดออกขายในปี 2025 โดยใช้แพลทฟอร์ม MEB-Plus ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับรถพลังงานไฟฟ้าของทางค่าย อย่างไรก็ตามทางผู้บริหารของ Volkswagen กล่าวว่า ทางค่ายยังคงต้องมีโมเดลเด่นๆ อย่างที่ผ่านมาอย่าง Beetle หรือ Golf ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าในอนาคตเราจะได้เห็น Golf ที่เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยผู้บริหารยังได้ย้ำว่าทางค่ายไม่มีทางที่จะทิ้งชื่อรุ่น Golf แน่นอนซึ่งในอนาคตก็จะขายไปพร้อมๆ กับ ID.3 นั่นแหละ ซึ่งทั้ง Golf และ ID.3 จะมีขนาดตัวรถพอๆ กัน ซึ่งถ้าเทียบกับรุ่นปัจจุบันก็จะเป็นขนาดกึ่งกลางระหว่าง Polo กับ Golf โดยความยาวตัวรถอยู่ที่ประมาณ 4,242 มม. และด้วยความที่เป็นรถพลังงานไฟฟ้า พื้นรถก็จะแบนราบ ส่วนฝากระโปรงหน้าจะสั้นกว่ารถทั่วไป ซึ่งก็จะส่งผลให้ภายในห้องโดยสารกว้างขึ้น ซึ่งถ้าให้เดาขนาดภายนอกตัวรถน่าจะพอๆ กับ Golf เจเนอเรชั่น 4 ปี 1997 จากข้อมูลที่ได้มา ID.2 กับ Golf จะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าตัวเดียวขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ในขณะเดียวกัน แพลทฟอร์ม MEB-Plus ที่กล่าวไปตอนต้น มันสามารถรองรับมอเตอร์ 2 ตัว (Dual-motor) และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้ เราเลยเดาว่าไม่แน่อาจจะได้เห็น Golf R พลังงานไฟฟ้าก็ได้นะ ตอนนี้ทาง Volkswagen กำลังมุ่งพัฒนาโครงสร้างน้ำหนักเบาโดยตั้งเป้าไว้ว่าน้ำหนักตัวรถจะอยู่ที่ราวๆ 1,600 – 1,700 กก. ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขน้ำหนักมันหนักกว่า Golf 8 อยู่พอสมควร นอกจากนี้ทางผู้บริหารยังบอกอีกด้วยว่า Volkswagen จะยังคงใช้ชื่อรุ่น GTI ต่อไปสำหรับรถสมรรถนะสูงของค่าย โดยก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินและได้เห็น Volkswagen ติดป้าย GTX สำหรับรถสมรรถนะสูงพลังงานไฟฟ้าหรือรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าของทางค่าย แต่สุดท้ายจะกลับมาใช้ GTI เหมือนเดิมด้วยความที่ GTI มีความขลังกว่า และจะเริ่มนำมาใช้กับรถพลังงานไฟฟ้ารุ่น ID.2

 

 

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ร่วมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำมอเตอร์ไซค์ระดับโลก พร้อมความสำเร็จมากมายตลอดหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา และยังคงยึดมั่นในจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม ด้วยแนวคิดที่มองการณ์ไกลและการพัฒนาแนวคิดยนตรกรรมที่ล้ำยุคอย่างต่อเนื่อง ผสานกับความก้าวหน้าล่าสุดของเทคโนโลยีการขับขี่ ในโอกาสนี้ ยังได้เปิดตัวรถมอเตอร์ไซค์ 4 รุ่นใหม่ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองมรดกอันยาวนานของบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศของแบรนด์ โดยบีเอ็มดับเบิลยู R 18 และบีเอ็มดับเบิลยู R nineT รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 100 ปี จะผลิตขึ้นเพียง 1,923 คันในแต่ละรุ่นทั่วโลก เพื่อรำลึกถึงปี ค.. 1923 (พ.ศ. 2466) ซึ่งมีการเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู R 32 รถมอเตอร์ไซค์รุ่นแรกจากแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Urban G/S และบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler ยังมาพร้อมสีตัวถังภายนอกแบบใหม่ ช่วยเสริมรูปลักษณ์ให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

 

Mercedes-Maybach S580e PHEV จะเป็นรุ่นปลั๊กอินไฮบริดรุ่นแรกของ Maybach ซึ่ง Mercedes จะเปิดตัวรุ่นนี้ในประเทศจีน ในไทย ในยุโรป และประเทศอื่นๆ ตามมา

 

 

เผยโฉมอย่างเป็นทางการสำหรับ BMW  X5 และ X6 โมเดลปี 2024 ที่ได้รับการปรับปรุงสไตล์ภายนอกใหม่ และได้มีการเปลี่ยนระบบส่งกำลังและเทคโนโลยีใหม่ ทั้งสองรุ่นจะเปิดตัวต่อสาธารณชนที่งาน Amelia Concours d’Elegance ในเดือนมีนาคม และเข้าสู่กระบวนการผลิตในเดือนเมษายนที่โรงงานของ BMW ในเมือง Spartanburg รัฐเซาท์แคโรไลนา