Mini แบรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับรายละเอียดทางเทคนิคบางประการของ Cooper Electric รถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบค โมเดลปี 2024

 

All-New Cooper Electric

 

หลังจากที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสเปคและรายละเอียดบางส่วนของ Mini Electric ออกมาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และก็มีภาพของรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบแบรนด์มินิออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทแม่อย่าง BMW จะต้องออกข้อมูลอย่างเป็นทางการเป็นน้ำจิ้มให้สาวกมินิได้ชุ่มชื้นหัวใจ พร้อมทั้งปล่อยรูปลายพรางของ Mini Cooper Electric ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้

 

 

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร Mini เจเนอเรชันถัดไปจะเปิดตัวด้วย 2024 Mini Cooper Electric ซึ่งจะมอบความสนุกในการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า และมีขุมพลังให้เลือก 2 รุ่น ซึ่งจะจำหน่ายในรูปแบบแฮทช์แบค 3 ประตู

 

 

สำหรับรุ่นเริ่มต้นของ Cooper E มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 135 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง กำลัง 181 แรงม้า ที่ติดตั้งด้านหน้า ดึงพลังงานจากชุดแบตเตอรี่ขนาด 40.7 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงที่ติดตั้งอยู่พื้นล่างของตัวรถ ซึ่งน่าจะช่วยให้สามารถขับขี่ได้ไกลประมาณ 300 กิโลเมตร

 

 

ไลน์อัพถัดมาคือ Mini Cooper SE ที่เน้นในเรื่องของสมรรถนะเป็นพิเศษ ซึ่งมีมอเตอร์ขนาด 160 กิโลวัตต์ ให้กำลัง 181 แรงม้า ที่เพลาหน้า และชุดแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า 54.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งน่าจะทำให้วิ่งได้ไกลสูงสุด 400 กม.

 

 

ก่อนหน้านี้ Mini กล่าวว่า ระยะทางขั้นต่ำของ Mini Electric จะอยู่ที่ 386 กม. แต่ตอนนี้ได้ออกมาชี้แจงใหม่แล้วว่ามีเพียง Cooper SE เท่านั้นที่สามารถทำได้ 321 กม. ในขณะที่รุ่นเริ่มต้นจะวิ่งได้ระยะทางที่น้อยกว่า อย่างไรก็ตาม มันยังดีกว่ารุ่นก่อนหน้าที่สามารถวิ่งได้เพียง 233 กม. ในมาตรฐาน WLTP

 

 

สำหรับรุ่นแฮทช์แบค 3 ประตู แต่ใหญ่พอที่จะบรรทุกได้ 4 คนในรMini Cooper พลังงานไฟฟ้าที่กำลังเปิดตัวเร็วๆนี้ จะใช้แพลตฟอร์ม EV ใหม่ทั้งหมดที่เรียกว่า Spotlight ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับ Great Wall Motor ซึ่งเป็นหุ้นส่วนร่วมทุนของ BMW Group คาดว่าจะเข้าสู่การผลิตในประเทศจีนในเดือนพฤศจิกายน 2023 ในช่วงเวลาเดียวกับที่ Mini Countryman ใหม่จะเริ่มสายการผลิตในเมือง Leipzig ประเทศเยอรมนี

 

 

หลังจากนั้น The All New Aceman โฉมใหม่ รถยนต์ขนาดเล็กกว่า Countryman จะเข้ามาเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์อังกฤษ โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวในช่วงต้นปี 2024

Source: Insideev